รองนายกรัฐมนตรีติดตามความก้าวหน้าการจัดสรรที่ดินทำกินและโครงการบ้านมั่นคงชนบท
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่บ้านพรเจริญ ตำบลวังตามัว ติดตามความก้าวหน้าการจัดสรรที่ดินทำกินและโครงการบ้านมั่นคงชนบท พร้อมมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับสิทธิทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับสิทธิทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
นครพนม -28 เมษายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อติดตามการดำเนินงาน การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเซกา แปลงที่ ๒ (ระยะที่ ๒) โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดนครพนม เข้าร่วมกว่า 300 คน ณ ป่าชุมชนบ้านพรเจริญ ตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม
เดินหน้านโยบาย คทช. หนุนประชาชนมีที่ดินทำกิน มั่นคง-ยั่งยืน"
นายประเสริฐฯ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแทบทุกจังหวัด ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยและผมในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มีความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่จะมาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งคงทราบกันดีว่าการอนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ คทช. กำหนด มีกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ และต้องระมัดระวังไม่ให้ขัดกับข้อกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามผมในฐานะประธาน คทช. จะพยายามเร่งรัดการจัดที่ดินทำกินให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่มีที่ดินเป็นของตนเองให้ได้สิทธิการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจังหวัดนครพนมมีพื้นที่เป้าหมายที่จัดที่ดินทำกิน คทช. รวม 6 พื้นที่ และทราบว่ามี 2 พื้นที่เป้าหมาย คือ ป่าดงหมู (ระยะที่ 1) บ้านโสกแมว กับ ป่าห้วยศรีคุณ ได้รับมอบสมุดแล้ว ส่วนป่าดงเซกาแปลงที่ 2 ระยะที่ 1 ได้รับเล่มไปบางส่วนแล้วที่เหลือจะเร่งดำเนินการ สาหรับป่าบ้านโพนตูมและ ป่านางุม ที่กำลังจะได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้จะสั่งการเพื่อเร่งรัดให้เร็วขึ้น เนื่องจากตอนนี้ยุโรปได้มีมาตรการ EUDR หรือการจะนำสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการนี้เข้าไปขายในยุโรป ต้องมีกระบวนการผลิตรวมถึงแหล่งวัตถุดิบที่ถูกต้อง จะต้องไม่มาจากการทำลายป่า ต้องเป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนจากพื้นที่ป่าดงบ้านโพนสว่างและป่าปลาปาก ที่ได้รับสมุดประจำตัวฯ คทช. ในวันนี้ที่มีการมอบสมุด 819 แปลง ส่วนที่เหลือกรมที่ดินกำลังตรวจสอบและจัดทำสมุดให้เร็วที่สุด และขอฝากกับตัวแทนพี่น้องประชาชน ในที่ประชุมแห่งนี้ไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ของท่าน ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลรักษาพื้นที่ คทช. ไม่ให้ถูกนำไปใช้ ผิดวัตถุประสงค์การซื้อขายเปลี่ยนมือ ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของสังคม และในฐานะที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล จะสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการที่ดิน การจัดทำสมุดประจำตัวฯ แบบดิจิทัลที่สามารถเข้าไปดูข้อมูลของตัวเองผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การจัดที่ดิน คทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผมขอใช้โอกาสนี้ ในการมอบนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
- ขอให้กรมที่ดิน และ คทช. จังหวัดเร่งรัดจัดสมุดประจำตัวให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่แปลงที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว แต่ยังมอบสมุดไม่ครบ เช่น พื้นที่ป่าดงเซกาแปลงที่ 2 ระยะที่ 2 หากเป็นไปได้ขอให้ดำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568
- ขอให้กรมป่าไม้ เร่งดำเนินการอนุญาตในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านโพนตูมและป่านางุม โดยเร็ว
- ในส่วนของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตแล้ว ก็ขอให้ คทช.จังหวัด เร่งรัดการจัดราษฎรเข้าทำประโยชน์ และเตรียมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ พัฒนาความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีรายได้ที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- การคัดเลือกบุคคลให้ได้รับที่ดินให้ คทช. จังหวัดพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการจัดที่ดินด้วยความรอบคอบ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
- ให้ คทช. จังหวัด และหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ หมั่นตรวจสอบ ดูแลพื้นที่ของรัฐภายหลังการอนุญาตไม่ให้มีการบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ผิดกฎหมาย
- ปัญหาอุปสรรคที่หน่วยงานและผู้แทนประชาชนได้รายงานให้ที่ประชุมทราบในวันนี้ ขอให้หน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง ดำเนินการแก้ไขปัญหาทันทีและให้ คทช. จังหวัดเข้ามาบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน หากมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องการการผลักดันเชิงนโยบายให้ คทช. จังหวัดแจ้งให้ สคทช. พิจารณาต่อไป
ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้ทำหน้าที่ ทำงานอย่างเต็มที่และสุดกำลัง เพื่อพี่น้องประชาชนทุกคนได้อยู่ดีมีสุข มีที่ดินทำมาหากิน โดยเฉพาะผู้บริหารจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น คทช.จังหวัดนครพนม ที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่ ป่าไม้ และอีกหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ท่านได้ขับเคลื่อนการจัดที่ดินทำกินให้พี่น้องประชาชนไปคืบหน้าอย่างมาก และที่สำคัญ คือ พี่น้องประชาชนทุกท่านที่ได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในการจัดแปลงที่ดิน “รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกิน ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมคิดร่วมทำไปด้วยกัน พร้อมจะผลักดันและสนับสนุนให้การดำเนินการใด ๆ เกิดผลลัพธ์และผลสำเร็จที่ดี” รองนายกฯ ประเสริฐฯ กล่าวย้ำ
นางกัญญาพัชร โจนส์ ผู้แทนเครือข่ายบ้านมั่นคง กล่าวว่า การดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ในจังหวัดนครพนมได้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายระยะแรก 6 ป่า และเริ่มต้นในปี 2560 ด้วยโครงการ "บ้านมั่นคงชนบทในพื้นที่ คทช." บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเซกา สนับสนุนโดย พอช. ใน 4 ตำบล ได้แก่ วังตามัว, โพนสวรรค์, โพนบก และนาใน การสำรวจพบว่าชุมชนเหล่านี้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่มั่นคง โดยเฉพาะในเรื่องที่อยู่อาศัยและระบบสาธารณูปโภค มีผู้เดือดร้อน 1,472 ครัวเรือน ซึ่งได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการบ้านมั่นคงชนบท จำนวน 1,139 ครัวเรือน คิดเป็นงบประมาณรวมเกือบ 50 ล้านบาท พร้อมทั้งเสริมการช่วยเหลือผู้มีเอกสารสิทธิผ่านโครงการบ้านพอเพียง และกองทุนสวัสดิการชุมชนในพื้นที่
นางกัญญาพัชร กล่าวต่อ ตำบลวังตามัวเป็นพื้นที่นำร่องสำคัญในการพัฒนาภายใต้นโยบาย คทช. โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการบ้านมั่นคงชนบทและพัฒนาคุณภาพชีวิตตำบลวังตามัว ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง อบต., พัฒนาชุมชน, เกษตรอำเภอ, ทสจ., มหาวิทยาลัยนครพนม และเครือข่ายชุมชน การสร้างระบบกองทุนชุมชน เช่น กองทุนที่ดินและที่อยู่อาศัย กองทุนสวัสดิการชุมชน กองทุน "อยู่ดีมีสุข" และการส่งเสริมป่าอนุรักษ์กว่า 1,200 ไร่ แสดงให้เห็นถึงพลังการพึ่งพาตนเองอย่างแท้จริง พร้อมทั้งการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง ตำบลวังตามัวยังได้รับการยกย่องด้วยรางวัลชนะเลิศด้านธรรมาภิบาลดีเด่นระดับประเทศ ประเภทการพัฒนาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน จากสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปี 2567 ตอกย้ำถึงศักยภาพการพัฒนาที่ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง
ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวถึง นโยบายสำคัญในการดำเนินงาน "การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.)" ว่า เป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความมั่นคงในที่ดินและที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐ การดำเนินงาน คทช. มีเป้าหมายสำคัญในการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงที่ดิน พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมแก่ประชาชน ด้วยการบริหารจัดการที่ดินอย่างเป็นระบบ ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากการจัดสรรที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังเน้นการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพชุมชน เช่น การสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงชนบท การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างเต็มที่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
ดร.รวีวรรณ ยังเน้นย้ำว่า การดำเนินงานของ คทช. ต้องขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและโปร่งใส พร้อมทั้งเร่งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมจากประชาชนในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดการจัดการที่ดินทำกินที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง
นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนในจังหวัดนครพนมในกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ขบวนองค์กรชุมชนได้พิสูจน์บทบาทสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้ง สภาองค์กรชุมชน ครบทั้ง 104 แห่ง ครอบคลุมทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และการก่อตั้ง กองทุนสวัสดิการชุมชน 77 กองทุน เพื่อเสริมความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชน ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน สนับสนุน 95 โครงการผ่านสภาองค์กรชุมชนระดับตำบลและระดับจังหวัด เสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชนตั้งแต่ฐานราก กองทุนสวัสดิการชุมชน "วันละบาท" มีสมาชิกสะสมถึง 74,184 คน เงินกองทุนรวมกว่า 294 ล้านบาท พร้อมแนวคิด "ให้อย่างมีคุณค่า รับอย่างมีศักดิ์ศรี" เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในระบบสวัสดิการชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วม โครงการบ้านพอเพียง ดำเนินการแล้ว 321 โครงการ ครอบคลุม 1,410 ครัวเรือน ด้วยงบประมาณกว่า 27.9 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงคุณภาพที่อยู่อาศัย โครงการบ้านมั่นคง ขับเคลื่อน 7 โครงการ ช่วยเหลือ 1,160 ครัวเรือน ด้วยงบประมาณกว่า 76 ล้านบาท เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มั่นคงทั้งในเมืองและชนบท พร้อมพัฒนาสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชนอย่างครบวงจร นอกจากนั้นยังสนับสนุนโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย ดำเนินการ 25 โครงการ โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ใช้ฐานข้อมูล TP-Map และ PPP-Connext ประกอบการวางแผนพัฒนา
นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กล่าวว่า จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครพนม ในปี 2568 จำนวน 6,087,845 บาท ครอบคลุม 36 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน 1 โครงการ งบประมาณ 229,475 บาท โครงการสนับสนุนสวัสดิการชุมชน 17 โครงการ งบประมาณ 2,645,020 บาท โครงการบ้านพอเพียง 15 โครงการ งบประมาณ 2,979,600 บาท โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย 2 โครงการ งบประมาณ 163,750 บาท โครงการสนับสนุนการบริหารจัดการขบวนองค์กรชุมชนจังหวัด 1 โครงการ งบประมาณ 70,000 บาท ความสำเร็จของขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครพนม คือการวางรากฐานสำคัญให้กับการจัดการตนเองของชุมชน สร้างระบบสวัสดิการที่ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านสมาชิกบ้านมั่นคงชนบทวังตามัว
จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านสมาชิกบ้านมั่นคงชนบท หมู่ที่ 7 เพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่จริง ของนางสาวปรียารัตน์ ธรรมโม บ้านเลขที่ 74 หมู่ 7 ตำบลวังตามัว อำเภอเมือง จังหวัดนครพนมซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามโครงการบ้านมั่นคงชนบทตำบลวังตามัว ซึ่งทาง พอช.ได้สนับสนุนงบประมาณ พร้อมบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาคีท้องถิ่นในการซ่อมสร้างบ้านและการพัฒนาคุณภาพชีวิต
นางสาวปรียารัตน์ อาศัยอยู่กับสามีและลูกอีก 1 คน สภาพบ้านเดิมชำรุดทรุดโทรม ฝนตกหลังคารั่ว ปลูกเป็นเพิงชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสีเก่าๆ ฝาบ้านทำจากเศษไม้ที่พอหาได้ เมื่อมีโครงการบ้านมั่นคงชนบท คณะกรรมการในตำบล ซึ่งประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน กองทุนสวัสดิการชุมชน และ อบต. ได้มาสำรวจครอบครัวผู้เดือดร้อน และเสนอให้มีการซ่อมสร้างบ้าน แต่เนื่องจากสภาพบ้านเดิมผุพังทรุดโทรม ไม่สามารถรื้อซ่อมแซมได้ จะต้องสร้างบ้านใหม่ โดยการช่วยเหลือและสนับสนุนจากหลายฝ่าย
“หนูรู้สึกดีใจที่ได้บ้านหลังใหม่ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาช่วยเหลือกัน ขอบคุณคนที่มาช่วยสร้างบ้านด้วย เพราะลำพังหนูกับสามีก็ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมาสร้างใหม่ เพราะมีรายได้พอกินไปวันๆ เท่านั้น” นางสาวปรียารัตน์ บอกถึงความรู้สึก
เครือข่ายบ้านมั่นคงชนบทจังหวัดนครพนม เครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดนครพนม และเครือข่ายที่ดินและที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีข้อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และคณะ ดังนี้
1) กระบวนการพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่ได้รับอนุญาตที่ดินค่อนข้างล่าช้า ใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากกระบวนการออกสมุดประจำตัว (คทช.) ที่มีการอนุญาตทั่วทั้งประเทศ มีปริมาณค่อนข้างมาก และออกโดยกรมที่ดินส่วนกลาง จึงควรกระจายบทบาทการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อการออกสมุดประจำตัว (คทช.) มาที่อนุกรรมการ คทช.ระดับจังหวัด โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนั้น ๆ และให้มีการเร่งรัดการออกสมุดประจำตัว (คทช.) การอนุญาตที่ดินให้เรียบร้อยแล้วของ 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลวังตามัว อำเภอเมืองนครพนม ตำบลโพนสวรรค์ ตำบลโพนบก และตำบลนาใน อำเภอโพนสวรรค์ ภายใน 3 เดือน นับจากการลงพื้นที่ ครม. สัญจรครั้งนี้
2) ประสานงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อเปิดประชุมอนุกรรมการ 3 คณะ ในการเพิ่มสัดส่วนภาคประชาชน หรือ องค์กรชุมชนผู้เดือดร้อน ภาคประชาสังคม ภาคีวิชาการ ส่วนหน่วยที่เกี่ยวข้อง เป็นสัดส่วนหนึ่งของอนุกรรมการทั้ง 3 คณะ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ติดตามการอนุญาตที่ดินพื้นที่คงค้างที่ต้องขออนุญาต จำนวน 84,724 ไร่ เพื่อให้เกิดการอนุญาตที่ดินให้กับชุมชน ตลอดจนการบูรณาการแผนงานและงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความจำเป็นต่อการอยู่อาศัยและการทำกิน ยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น การพัฒนาระบบน้ำเพื่อการเกษตร ระบบขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ระบบแปรรูป ระบบตลาด ตลอดจนองค์ความรู้และเทคโนโลยี หนุนเสริมและต่อยอดการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ครอบคลุมนำไปสู่ความยั่งยืน
3) เปิดประชุมอนุกรรมการ 3 คณะ ทั่วทั้งประเทศเพื่อให้เกิดการอนุญาตที่ดินให้กับชุมชน ตลอดจนการบูรณาการแผนงานและงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความจำเป็นต่อการอยู่อาศัยและการทำกิน ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติระดับนโยบายต้องกำกับติดตามความก้าวหน้าและคลี่คลายข้อติดขัดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเดินหน้านโยบายจัดการที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในระดับฐานรากอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
BOI-CSR จับมือภาคีเอกชน-รัฐ ขับเคลื่อนชุมชนสู่ความยั่งยืน
พอช. ร่วมพิธีมอบเกียรติบัตรในงาน BOI-CSR พร้อมเสนอแนวทางขยายผลการสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อพัฒนาชุมชนระดับรากฐานอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการทำงานแบบเครือข่ายและการคัดเลือกพื้นที่ที่มีความพร้อม
เวทีวิพากษ์กฎหมายสวัสดิการฯ ภาคใต้ ชูประชาชนเป็นเจ้าของระบบ สร้างโอกาสยกระดับกองทุนสู่ “นิติบุคคล”
ภาคีภาครัฐ ประชาชนและประชาสังคม 130 คน ร่วมเวทีวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ที่นครศรีธรรมราช เน้นปรับโครงสร้างกฎหมายให้ทันยุค
พอช. เร่งคลี่คลายปัญหา สร้างความเชื่อมั่นแก่ชุมชน “บ้านมั่นคงบางบัวทอง” ย้ำพร้อมร่วมมือทุกฝ่ายสร้างทางออกอย่างยั่งยืน
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีบ้านมั่นคงบางบัวทองล่าช้า เดินหน้าประชุมร่วมภาคี 18 พ.ค. นี้ ลุยปรับแผนพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพชีวิต และตั้งกลุ่มสหกรณ์ใหม่
รองนายกฯ ประเสริฐ ย้ำบทบาทผู้นำไทย! จัดประชุมวิชาการ 'The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025'
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เร่งเดินหน้าการเป็นเจ้าภาพหลัก สำหรับประเทศไทยในการร่วมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025”
"ปลดล็อกสวัสดิการชุมชน! เวทีอีสานลั่น ยกระดับกองทุนท้องถิ่น สู่พลังนิติบุคคลแห่งชาติ"
เครือข่ายประชาชนอีสาน 20 จังหวัดรวมพลังหนุน พ.ร.บ.ใหม่ พลิกหน้าประวัติศาสตร์งานสวัสดิการไทย ฟังเสียงประชาชน หนุนกฎหมายสวัสดิการชุมชน ยกระดับเป็นนิติบุคคล ผลักดัน พ.ร.บ.
ผู้นำแปซิฟิกเยือนชุมชนประชาร่วมใจ เรียนรู้โมเดลบ้านมั่นคงไทย สู่เวทีนานาชาติ
ผู้แทนระดับรัฐมนตรีจาก 7 ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ร่วมลงพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชุมชนริมคลองในกรุงเทพฯ พร้อมถอดบทเรียนจากโครงการบ้านมั่นคงของไทย เป็นต้นแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยในระดับภูมิภาคแปซิฟิก