แม่น้ำเจ้าพระยาด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง และล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตร

สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท ปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากอัตรา 1,948 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 1,989 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อพร่องน้ำเหนือเขื่อน รองรับปริมาณน้ำเหนือและน้ำฝนที่จะตกในช่วงสัปดาห์นี้

กรมชลประทาน มีความจำเป็นต้องปรับปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเป็นอัตราประมาณ 1,990 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. ของวันนี้

น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และเข้าท่วมใต้ถุนบ้านประชาชน จำนวน 5 หลัง ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณ ต.ธรรมามูล และ ต.ท่าชัย ชาวบ้านกลัวว่าน้ำจะท่วมสูงเหมือนปี 54

กรมชลประทาน มีหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 12 กันยายน 2565 ไปยังผู้ว่าราชการ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา

หลังจากในช่วงสัปดาห์ก่อนตลอดสัปดาห์ เขื่อนเจ้าพระยาได้ลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนลงจาก 1,799 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 1,448 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

พลตรี นพสิทธิ์ คงชินศาสตร์ธิติ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารปืนใหญ่ พร้อมด้วย พ.อ.วิรัตน์ คำวิลัย รอง ผอ.รมน.จังหวัดชัยนาท และคณะ เดินทางไปที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา และการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยาในช่วงฤดูน้ำหลาก

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนาแน่น ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำไหลหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการปรับเพิ่มการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เตรียมรับน้ำเหนือไหลหลากในระยะต่อไป ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 20 – 22 ส.ค. 65 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนัก

ปภ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมใต้ถุนบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 2 อำเภอ ดังนี้

‘กรมชลประทาน’กุมขมับ หน่วงน้ำเพื่อให้ปล่อยน้ำท้ายเขื่อนไม่ให้เกิน 2,800 ลบ.ม./วินาที ช่วยชาวบ้านท้ายเขื่อน แต่กลับทำให้หน้าเขื่อนย้ำล้นตลิ่งท่วมหน้าจวนผู้ว่าฯ และบ้านเรือนกว่า 300 หลังคาแทน