อ.ทองย้อยเขียนบทความเรื่องอนาคตบ้านเมืองเรา ตีแผ่สันดานนักการเมืองตอกย้ำผู้ทำงานสาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ชี้คนที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองต้องบำเพ็ญตนแบบเดียวกับพระโพธิสัตว์

กรณีพระราชทานสมณศักดิ์เป็นอำนาจโดยตรงของพระราชา ฉันใด กรณีศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม และสอนธรรม ก็เป็นหน้าที่โดยตรงของพระสงฆ์

‘พล.ร.ต.ทองย้อย’ ไล่เรียงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ 4 เรือหลวง มีปรากฎการณ์ที่น่าสนใจทั้งในเรื่องลำดับการเกิดเรื่องรวมทั้งความเกี่ยวข้องกับยุคสมัย

อาจารย์ทองย้อยแนะนำบทสวดมหากัสสปโพชฌังคสูตร เผยเป็นโพชฌงค์ฉบับเต็มอยู่ในพระไตรปิฎก ชวนใช้สวดเสริมกับโพชฌงคปริตรก็ได้

พล.ร.ต.ทองย้อยออกบทความเรื่องช่วยกันฉลาดเรื่องพระ ชี้จะเป็นการช่วยพระรักษาพระธรรมวินัย เพราะทุกวันนี้ทั้งพระและฆราวาสต่างไม่รู้เรื่องที่พระห้ามทำและเรื่องที่ต้องทำ บอกคนรุ่นใหม่ที่ทะนงตัวว่าฉลาดช่วยฉลาดเรื่องพระอีกเรื่อง

พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ปราชญ์ชาวพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ดีกรีเปรียญธรรม 9 ประโยค และเป็นผู้ได้ชื่อว่า “กวีสองแผ่นดิน” โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เรื่องของอาจารย์เสฐียรพงษ์ที่ผมรู้”

พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ปราชญ์ชาวพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ดีกรีเปรียญธรรม 9 ประโยค

พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ปราชญ์ชาวพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ดีกรีเปรียญธรรม 9 ประโยค โพสต์เฟซบุ๊กว่า “พระม-หา” คำนี้มีนัย(ะ)

“พล.ร.ต.ทองย้อย” โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ท่านชอบใจธรรมะของใคร” วิพากษ์ตรงไปตรงมา หากพระไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ต้องสละสิทธิจากคณะสงฆ์ สังคมเจริญแล้วต้องยอมรับกฎกติกา ถ้าไม่เห็นด้วยแต่ยังอยู่ในสังคมถือว่าไม่ซื่อตรง ใช้อภิสิทธิ์ละเมิดพระธรรมวินัย ถ้าเป็นแบบนี้กันมากๆ สังคมสงฆ์ก็วิปริต พระธรรมวินัยก็วิปลาส และพระศาสนาก็จะวินาศในที่สุด