พส.สะเทือน! 'ปราชญ์ชาวพุทธ' ไล่พระไม่ยอมรับกฎคณะสงฆ์ก็สึกไป ถ้ายังอยู่ พระศาสนาจะวินาศ

"พล.ร.ต.ทองย้อย" ปราชญ์ชาวพุทธ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ท่านชอบใจธรรมะของใคร" วิพากษ์ตรงไปตรงมา หากพระไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ต้องสละสิทธิจากคณะสงฆ์ สังคมเจริญแล้วต้องยอมรับกฎกติกา ถ้าไม่เห็นด้วยแต่ยังอยู่ในสังคมถือว่าไม่ซื่อตรง ใช้อภิสิทธิ์ละเมิดพระธรรมวินัย ถ้าเป็นแบบนี้กันมากๆ สังคมสงฆ์ก็วิปริต พระธรรมวินัยก็วิปลาส และพระศาสนาก็จะวินาศในที่สุด

11 พ.ย.2564 - พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย ปราชญ์ชาวพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ดีกรีเปรียญธรรม 9 ประโยค โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงเรื่อง "ท่านชอบใจธรรมะของใคร" มีเนื้อหาดังนี้ พระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวันวาน หลักธรรมคำสอนใดๆ ที่เราเห็นอยู่ในพระคัมภีร์วันนี้ เราไม่ใช่คนแรกที่เห็น บูรพาจารย์ท่านเรียนท่านดูท่านรู้ท่านเห็นมาก่อนเรา เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่อิ่มแค่ศึกษาเรียนรู้จากพระคัมภีร์ ก็ตามไปดูมติของท่านบูรพาจารย์

เมื่อศึกษาหมดสิ้นตลอดสายแล้ว ต่อจากนั้นก็ถึงทีของเราที่จะแสดงความเห็น เรามีความเห็นอย่างไรต่อหลักคำสอนนั้นๆ ก็ว่าไปได้เต็มที่ ขอเพียงอย่างเดียว-ขอให้มีความซื่อตรงสุจริต ตามธรรมดา ตลอดสายของพระคัมภีร์จะไม่ขัดแย้งกัน มีแต่จะช่วยเสริมความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือความซื่อตรง

ความเห็นของบูรพาจารย์ก็จะไม่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์ ประเด็นไหนมีข้อเยื้องแย้ง ท่านก็จะทำเพียงแสดงเหตุผลประกอบไว้เพื่อให้ช่วยกันพิจารณา แต่จะไม่หักล้างเพิกถอน นี่ก็คือความซื่อตรง ตามที่ว่ามานี้ อาจเข้าใจไปว่าความซื่อตรงคือต้องเห็นด้วยเท่านั้น ห้ามโต้แย้ง ตรงนี้ต้องขออนุญาตขยายความ

พระธรรมวินัยนั้นเป็นกฎกติกาของสังคมสงฆ์ พระธรรมวินัยว่าไว้อย่างไร ใครเข้าไปอยู่ในสังคมสงฆ์ก็หมายถึงชอบใจในพระธรรมวินัย และพร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยนั้น

เมื่อใช้สิทธิ์ในการเข้าไปเป็นสมาชิกของสังคมสงฆ์ จึงเท่ากับสละสิทธิ์ที่จะเห็นต่างหรือเห็นแย้งกับพระธรรมวินัยไปแล้ว แบบนี้ไม่ใช่เผด็จการหรือปิดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เรายังสามารถใช้เสรีภาพในความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ตามที่เราปรารถนา แต่ต้องตั้งอยู่บนความซื่อตรง

ถ้าไม่เห็นด้วย ไม่เลื่อมใส ไม่เชื่อถือ ไม่ปรารถนาจะปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เราก็มีสิทธิ์ที่จะออกไปจากพระธรรมวินัยที่เราไม่เชื่อนั้นได้ทันที

หมายความว่า หลักของผู้ที่เจริญแล้วในโลกนี้มีอยู่ว่า เมื่อใครชอบใจสังคมสมาคมของใคร ประสงค์จะเข้าเป็นสมาชิกของสังคมนั้นๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎกติกามารยาทของสังคมนั้นๆ

.............................................

กํสิ  ตฺวํ  อาวุโส  อุทฺทิสฺส  ปพฺพชิโต,

ท่านตั้งใจบวชตามใคร

โก  วา  เต   สตฺถา,

ใครเป็นครูของท่าน

กสฺส  วา  ตฺวํ  ธมฺมํ  โรเจสิ.

ท่านชอบใจธรรมะของใคร

คำถามของอุปติสสปริพาชก (พระสารีบุตร) ถามพระอัสสชิเถระ

ที่มา: ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๑ หน้า ๘๓ (สัญชยวัตถุ)

.............................................

กฎกติกามารยาทของสังคมสงฆ์ก็คือพระธรรมวินัย เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของสังคมสงฆ์ ก็คือสมัครใจพอใจที่จะปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ถ้าไม่ชอบใจ ไม่พอใจ หรือเห็นว่าไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้จะด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ก็มีความซื่อตรง คือสละสิทธิ์ที่จะเป็นสมาชิกในสังคมสงฆ์ออกไปเสีย

การกล่าวเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าเสือกไสไล่ส่ง หากแต่เป็นการแสดงออกถึงความซื่อตรง สังคมที่เจริญแล้วที่ไหนๆ ก็ยอมรับกฎกติกาดังว่านี้กันทั้งนั้น ไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วย โต้แย้ง ไม่ปฏิบัติตาม แต่ก็ยังอยู่ในสังคมนั้นด้วย แบบนี้คือไม่มีความซื่อตรงที่มีปัญหาอยู่ในเวลานี้ก็เพราะความไม่ซื่อตรงแบบนี้แหละ คือขอใช้สิทธิ์เป็นสมาชิกของสังคมสงฆ์ด้วยแล้วก็ใช้อภิสิทธิ์ (ซึ่งตามเป็นจริงแล้วใช้ไม่ได้) ขอไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกันเองอยู่ในตัว

การได้สิทธิ์อยู่ในสังคมสงฆ์ก็เพราะมีสัญญาที่จะปฏิบัติตามพระธรรมวินัย การไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจึงเท่ากับบอกคืนสิทธิ์ที่จะอยู่ในสังคมสงฆ์นั่นเอง นี่คือความซื่อตรง นี่คือความตรงไปตรงมา ดังนั้น การไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย แต่ยังถือสิทธิ์อยู่ในสังคมสงฆ์จึงเป็นการขัดแย้งกันเองอยู่ในตัว

เวลานี้ความคิดและการกระทำเช่นนี้มีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ คือมีผู้เห็นดีเห็นด้วยกับแนวคิดและการปฏิบัติเช่นนี้กันมากขึ้น อยู่ในสังคมสงฆ์ด้วย ไม่ต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัยด้วย

ถ้าเป็นแบบนี้กันมากๆ สังคมสงฆ์ก็วิปริต  พระธรรมวินัยก็วิปลาสและพระศาสนาก็จะวินาศในที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดภาพ 'พระหมอทวีศิลป์' บวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ก่อนเดินทางบำเพ็ญสมณธรรม

เพจเฟซบุ๊กชื่อ "ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงานพระธรรมทูตอินเดีย" โพสต์ภาพและข้อความว่า ณ ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยาแดนตรัสรู้ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๖ โครงการอุปสมบทพระภิกษุ ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่

โปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ พระสงฆ์ 6 รูป ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สถาปนาสมณศักดิ์ ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า

รวบอดีต 'พระอาจารย์คม' ยักยอกเงินวัดกว่า 180 ล้าน ยอมรับเสพเมถุนในกุฏิวัด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายคมฯ หรือพระอาจารย์คม , นาย วุฒิมาฯ หรือพระหมอ และ น.ส.จุฑาทิพย์ฯ ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด .

สำนักพุทธฯ รับ 'พระอาจารย์คม' สึกแล้ว แจงสอบทรัพย์สินวัด ป้องกันโยกย้าย

นายอินทพร จั่นเอี่ยม รอง ผอ.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และการตั้งคณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินวัดนั้น สืบเนื่องจากวัดนี้ไม่มีเจ้าอาวาสแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติของคณะสงฆ์

อาฟเตอร์ช็อก! ตั้งกรรมการสำรวจทรัพย์สินวัดป่าธรรมคีรี ไล่เช็กบิลพระอาจารย์คม

จากกรณี พระครูพิทักษ์มัชฌิมเขต (จิรศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดวงศ์เกษตร ในฐานะเจ้าคณะตำบลปากช่อง เขต 4 จ.นครราชสีมา มีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา​ นับตั้งแต่วันที่​ 3 พ.ค.​ 2566​ เป็นต้นไป