ฝังกลบ 500 ÷ ปลิดชีพ พรรคเล็ก-เกิดใหม่ปีกไม่กล้า ขาไม่แข็ง โตยาก

หลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อ 15 สิงหาคม ล่มตามนัด จากผลคำสั่งพิเศษ ที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร ของบิ๊กการเมืองในรัฐบาลและป่ารอยต่อ ที่ส่งถึงส.ส.พลังประชารัฐ และสมาชิกวุฒิสภา ในสังกัด

จนสุดท้าย สูตร 500 หาร ในร่างพรบ.การเลือกตั้งส.ส. ฉบับ กรรมาธิการพิจารณาร่างพรบ.การเลือกตั้งส.ส.ของรัฐสภา แท้งกลางห้องประชุมรัฐสภา

ทำให้สูตร 100 หารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์  ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ตามร่างของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีโอกาสสูงจะถูกประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป หากไม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ ติดเบรกเสียก่อน ทำให้ มีโอกาสที่การเลือกตั้งรอบหน้า จะเป็นระบบ บัตรสองใบ และหาร100 ปาร์ตี้ลิสต์

อันเป็นระบบเลือกตั้ง ที่เอื้อกับพรรคขนาดใหญ่และกลางมากที่สุด   

สิ่งที่น่าสนใจก็คือการพลิกแพลง ปรับตัว ของพรรคการเมืองไซส์ SML พวกพรรคขนาดเล็ก จนถึงพรรคตั้งใหม่ ที่ส่วนใหญ่ เปิดตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา  ที่หลายพรรคเห็นชัด ว่า พวกตัวผู้สมัครส.ส.ระบบเขต คนที่พรรควางตัวไว้

"ชื่อชั้น-ทุน-กระสุนดินดำ-กระแสในพื้นที่และส่วนกลาง "

               เป็นรองพรรคใหญ่ หลายขุม

               ยิ่งพรรคไหน ไม่ได้คุมอำนาจรัฐ หรือแกนนำพรรคไม่มีความใกล้ชิดขั้วรัฐบาล ที่จะขอให้มาช่วยเหลือกันได้ ก็ยิ่งลำบาก คือโอกาสจะได้ส.ส.เขต พอมีลุ้นบ้าง แต่คงได้ไม่เยอะ ยิ่งพอมาเจอ 100 หาร เข้าไป ยิ่งเห็นแวว เป็นพรรคเล็กมาแต่ไก่โห่ 

               เพราะจากเดิม หากออกมาเป็น 500 หาร และมีเรื่องของส.ส.พึงมี ยังพอได้ลุ้น มีส.ส.ในสภาฯ ได้บ้างโดยเฉพาะจากระบบปาร์ตี้ลิสต์

เพราะระบบหาร 500 ค่ากลางในการคำนวณอยู่ที่ประมาณ 70,000-80,000 คะแนน ทำให้พรรคเล็ก-พรรคตั้งใหม่ พอมีลุ้นอยู่ แต่พอเป็น 100 หาร ตัวเลขขั้นต่ำ หากคิดจากค่าเฉลี่ยคนไทยที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จะขยับไปที่ร่วมสามแสนกว่าคะแนน และยิ่งคนออกมาเลือกตั้งมาก ยิ่งสูงขึ้นไปอีก อาจแตะระดับ 370,000 คะแนน ต่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งคน

อย่างตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่เป็นระบบบัตรใบเดียว มีเรื่องของส.ส.พึงมี  และกกต.ใช้ฐานคะแนน คำนวณจำนวนส.ส.ที่ประมาณ 71,000 และมีการปัดเศษ จนทำให้มีพรรคการเมืองในสภาฯหลังเลือกตั้ง ร่วม 27 พรรค

ซึ่งพบว่ามีพรรคการเมืองได้คะแนนเกินสามแสนคะแนน แค่11 พรรค เท่านั้น จาก 27 พรรค

อย่างพรรคที่มาอันดับ 11 คือ รวมพลังประชาชาติไทย หรือรวมพลังในปัจจุบัน ที่มี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้มา 416,324 คะแนน จนได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 4 คน แต่หากคิดตามสูตร 100 หาร จะเท่ากับ มีปาร์ตี้ลิสต์แค่คนเดียว

อีกทั้งพบว่ามี 10 พรรค ที่ได้คะแนนไม่ถึง 7 หมื่นด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ส.ส.พรรคละหนึ่งคน คือ ประชาภิวัฒน์-พลังไทยรักไทย -ไทยศรีวิไลย์-ประชานิยม-ครูไทยเพื่อประชาชน -ประชาธรรมไทย-ประชาชนปฏิรูป -พลเมืองไทย -ประชาธิปไตยใหม่-พลังธรรมใหม่-ไทรักธรรม

ที่ตอนนี้บางพรรค ยุบรวมไปอยู่พรรคใหญ่นานแล้วเช่น ประชาชนปฏิรูปของไพบูลย์ นิติตะวัน ที่ไปอยู่พลังประชารัฐ

และเชื่อว่า พรรคเล็กข้างต้น กำลังมองหา ทางหนีทีไล่อยู่

รวมถึงพรรคเล็กอื่น เช่น พลังท้องถิ่นไท ของชัชวาลล์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน -รักษ์ผืนป่าประเทศไทยของดำรงค์ พิเดช เป็นต้น ก็คงกำลังคิดอยู่ว่าจะทำพรรคต่อไปหรือไม่ รวมถึง พลังปวงชนไทย ที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งคน ซึ่งเซ้งพรรคให้ บิ๊กน้อย พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เปลี่ยนชื่อเป็น รวมแผ่นดิน ที่ดูอาการแล้ว เข็นลำบากเช่นกัน  

เช่นเดียวกับพรรคเกิดใหม่ทั้งหลายเช่น พรรคกล้า ของกรณ์ จาติกวณิช -ไทยภักดี ของหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม -ไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ -สร้างอนาคตไทยของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ที่แม้พรรคเหล่านี้ จะหวังปักธงส.ส.เขต แต่ในใจแกนนำพรรค ล้วนหวังแชร์เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์จำนวนหนึ่ง  ทั้งสิ้น

เว้นแต่บางพรรคเช่น เศรษฐกิจไทย ของธรรมนัส  ที่แม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่ก็มีส.ส.ในสภาฯอยู่ พบว่าพรรคธรรมนัส เน้นส.ส.เขตมากกว่า เช่นเดียวกับ รวมไทยสร้างชาติ ของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เน้นหวัง ส.ส.เขต เป็นหลัก

ระบบหาร 100 ปาร์ตี้ลิสต์ ที่จะออกมา ทำให้พรรคตั้งใหม่ พรรคขนาดเล็ก ที่หากปีกไม่กล้า ขายังไม่แข็งพอ ถ้าคิดจะทำพรรคต่อ คงคิดหนักในการปรับกระบวนยุทธ์ แต่หากคิดแล้วเข็นต่อไม่ไหว ก็อาจเห็นการยุบไปรวมกับพรรคอื่น หรือพรรคเล็กจับมือรวมตัวกัน ก็เป็นได้  

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของไทยโพสต์ได้ทุกช่องทางที่

Website : https://www.thaipost.net/

Youtube : https://www.youtube.com/c/ThaipostTV

Facebook : https://www.facebook.com/thaipost

Twitter : https://twitter.com/thaipost

Instagram : https://www.instagram.com/thaipost_ig/  

Line : https://lin.ee/ukteb32

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง