'บิ๊กป้อม' ขนขุนพลเศรษฐกิจ พปชร.ร่ายยิบนโยบายโค้งสุดท้าย

'บิ๊กป้อม' ควงดรีมทีมเศรษฐกิจ สรุปนโยบาย พปชร.โค้งสุดท้าย ลั่นถ้าเป็นรัฐบาลทำทันทีทุกอย่าง ชูยุติความขัดแย้งช่วงวัย ไม่มีลงถนน บริหารประเทศแบบไม่ชะงัก ขุนพล พปชร.พาเหรดแจงยิบนโยบาย

04 พ.ค.2566 - ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และนายคณิศ แสงสุพรรณ ร่วมกันแถลง “สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ”

พล.อ.ประวิตรแถลงว่า เหลืออีก 10 วันเท่านั้นจะมีการเลือกตั้ง ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะหาเสียงแล้ว ตลอดระยะเวลา 45 วันหลังจากที่รัฐบาลได้ยุบสภา เราได้หาเสียงกันมาตลอด 45 วัน มุ่งเน้นหาเสียงทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ 7 นโยบายของ พปชร.คือ 1.ก้าวข้ามความขัดแย้ง 2.ก้าวข้ามความยากจน 3.ลดความเลื่อมล้ำ 4.สร้างสวัสดิการเข้มแข็ง 5.พลิกฟื้นเศรษฐกิจ 6.สร้างความเป็นธรรมของสังคม และ 7.พลิกโฉมการบริหารงานของภาครัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากให้คนไทยมีความรักใครสามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เมื่อประเทศมั่นคง ไม่มีขัดแย้งกันแล้ว จะเกิดความสงบสุข รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ ต่างประเทศจะมาลงทุนในประเทศไทย การค้าขายจะเจริญเติบโต ไม่มีการหยุดชะงักถ้าไม่มีประชาชนมาเดินในถนน เมื่อเราทุกคนมีความเป็นหนึ่งเดียว สามัคคีกัน จะสามารถบริหารประเทศไปได้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตนไม่สามารถทำให้คนไทยมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันได้ การเมืองใครจะคิดอย่างไร อยู่พรรคไหน อยู่ไป ไม่ว่าอะไร แต่เมื่อเลือก ส.ส.มาแล้ว 400 เขต ให้ไปว่ากันในสภา จะแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมาย ไปว่ากันในเรื่องของสภา เพราะเป็นตัวแทนของประชาชน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนการบริหารประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชน เมื่อบริหารประเทศโดยไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีหยุดยั้ง ไม่มีการเดินถนน จะทำให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้ บริหารประเทศไปได้ ประชาชนไม่ชอบหรือ ถ้าเราทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าท่านดีขึ้น รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้โดยไม่ติดขัด จึงอยากฝากประชาชนทุกคนว่า ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศต่อไป ความขัดแย้งระหว่างรุ่นอายุ ทุกคนเป็นคนไทยทั้งนั้น ถึงเวลาที่เราจะต้องยุติสักที ฝากกับประชาชนว่าความเป็นคนไทยไม่ว่าจะอายุ หรือเพศไหน อย่างไรเป็นคนไทย ต้องมีความรักใคร มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ประเทศจะได้เจริญรุ่งเรืองถ้าพวกเราก้าวข้ามความแย้งสำเร็จ มั่นใจว่าคนไทยกว่า 60 ล้านคน จะสามารถก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องน้ำ เรื่องที่ดิน ถ้ามีน้ำจะไม่มีแล้ง มีที่ดินจะไม่มีจน เราจะดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง หาที่ดินทำกิน ส่วนเรื่องน้ำ รัฐบาลทำมาตลอดสี่ปี ทำให้ประชาชนไม่มีแล้งเลย แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลที่ตนได้ดำเนินการมาสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเพิ่มมากขึ้น ส่วนเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีฝนตกมากจะต้องมีน้ำหลาก ต้องมากันว่าในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีน้ำหลาก ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต่างประเทศน้ำก็เดือดร้อนเพราะน้ำหลากเช่นกัน แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ รัฐบาลสามารถเยียวยาได้

นายอุตตม กล่าวว่า ภารกิจด่วนที่ต้องทำทันทีเมื่อ พปชร.ได้เป็นแกนนำรัฐบาล จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ต้องเร่งเศรษฐกิจให้โต เพราะเศรษฐกิจประเทศไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปี จะแก้ปัญหาความยากจนด้วยการกระตุ้น นอกจากนี้ ต้องลดค่าใช้จ่าย โดยเรื่องค่าใช้จ่ายพลังงาน พปชร.พร้อมจะแก้ไขทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องราคา และเราจะแก้ไขภาระหนี้สินของประชาชนอย่างครบวงจร

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เรื่องการสร้างความเข้มแข็งนั้น สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ ใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน จะดำเนินโครงการที่ พปชร.เคยทำมาแล้วในอดีต จะผลักดันกองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่วนภาคเกษตร เราจะลดค่าใช้จ่าย คือ แก้ปัญหาปุ๋ยแพงทันที โดยโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ นอกจากนี้ จะให้ทุนการเพาะปลูก 3 หมื่นบาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการเกษตร คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน ส่วนนโยบายด้านสาธารณสุข จะเน้นสาธารณสุขเชิงป้องกันมากกว่าการรักษา โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามา มี รพ.สต.เป็นฐานหลัก

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรามีปัญหาค่าครองชีพ ทุกคนเดือดร้อนกันหมด เริ่มจากน้ำมัน พปชร.จะลดราคาน้ำมันเบนซิลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลิตรละ 6.30 บาท ไม่ว่าน้ำมันโลกจะขึ้นหรือลง เมื่อ พปชร.ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลจะทำทันที ส่วนเรื่องแก๊ส หลังวันเลือกตั้งถ้า พปชร.ได้ขึ้นมาบริหารจัดการ ราคาค่าไฟฟ้าครัวเรือนจะอยู่ที่ 2.50 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย พปชร.จะทำให้ค่าครองชีพลดลง นอกจากนี้ จะผลักดันนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ โดยอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท อายุ 70 ปี ขึ้นไปได้ 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป ได้ 5,000 บาท ทั้งนี้ เหลืออีก 10 วันจะเลือกตั้งแล้ว ขอให้คนไทยใจเย็นๆ ใจร่มๆ ฟังดรีมทีมเศรษฐกิจของเรา และถามตัวเองว่าใช่สิ่งที่ท่านต้องการหรือไม่ ถ้าใช่ขอให้เลือกเบอร์ 37 ด้วย

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับนโยบายอีสานประชารัฐ อีสานเป็นภาคที่มีความสำคัญ เป็นภาคที่มีประชากรมากที่สุด มีพื้นที่ทำเกษตรกรรมจำนวนมากและมีแรงงานมากที่สุด ถ้าพัฒนาอีสานได้จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ตลาดโลก เป็นความคิดที่จะดูแลภาคอีสาน เป็นความตั้งใจที่ชาญฉลาดในการพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวอีสาน อีสานประชารัฐคือ การพัฒนาอีสาน เริ่มต้นจากการที่จะมีโครงการรถไฟความเร็วปานกลางวิ่งตั้งแต่ จ.บึงกาฬ มาถึงภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่อีอีซี

นายคณิศ กล่าวว่า นโยบายของ พปชร.คือ ไม่แจกเงินคนรวย เพื่อให้ทุกคนกลับฟื้นคืนมา ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน ทั้งนี้ สำหรับนโยบายระยะยาวนั้น เราจะทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ใน 5 จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับดี ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ทำให้ทุกคนดีขึ้น ตอนนี้เราทำแผนกันไว้แล้ว

นายธีระชัย กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้ต้องมีการใช้เงิน หลายคนถามว่าเราจะหาแหล่งเงินมาใช้อย่างไร เรามีนโยบายที่สร้างรายได้ให้กับประเทศและประชาชนนอกจากกลไกการลงทุน คือ วิธีไฟแนนซ์นโยบาย ได้แก่ 1.โยกมาจากงบประมาณประเภทอื่น 2.ปฏิรูปภาษี 3.มาจากการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และ 4.ถ้างบประมาณไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเพิ่มหนี้สาธารณะ ขณะนี้หนี้สาธารณะยังสามารถบริหารจัดการได้ ถ้าเพิ่มไปบ้างสามารถบริหารจัดการได้ถ้าเรามีนโยบายที่เพิ่มรายได้อย่างเหมาะสม แต่เราจะต้องได้คะแนนเสียงพอเพื่อจับมือกันแก้กฎหมาย หรือยกระดับในเรื่องการบริหารหนี้สาธารณะชั่วคราว

นายธีระชัย กล่าวว่า สำหรับไฟแนนซ์จากการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ มีการคำนวณว่า ในส่วนของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน จะก่อให้เกิดการหมุนเวียน 735,336 ล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 0.6% ต่อปี นโยบาย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน 3 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 2.5% ต่อปี นโยบาย 8 ล้านครอบครัว จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน 1.4 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 1.2% ต่อปี นโยบายโซลาร์รูฟทอป จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน 7.2 แสนล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 0.6% ต่อปี นโยบาย 1 อบต. 1 โซลาร์ฟาร์ม จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน 7.2 แสนล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 0.6%ต่อปี นโยบายเปลี่ยนรถน้ำมันเป็นรถไฟฟ้า จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน 1.2 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจมหภาคขยายตัวได้ 1% ต่อปี จัดตั้งองค์กรทรัพยากรพลังงานแห่งชาติ ให้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัมปทานแหล่งก๊าซและน้ำมันที่จะทยอยหมดอายุลง โดยภายใน 4 ปี รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปี 1 แสนล้านบาท เสริมเข้ามาเป็นงบประมาณแผ่นดิน

นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับนโยบายเศรษฐกิจใน กทม. จากการลงพื้นที่ กทม. สิ่งที่พี่น้องกทม.ต้องการคือ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องไม่ใช่นโยบายหรือแผนนโยบายที่ทำระยะสั้น เปลี่ยนรัฐบาลและทิ้งเขาไป นโยบายกทม. จะต่อยอดสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรทำเอาไว้คือ ที่อยู่อาศัย จะทำบ้านประชารัฐต่อไป โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาล แต่ใช้การร่วมทุนกับเอกชน ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล ส่วนเรื่องการพัฒนาการยั่งยืนนั้น จะใช้กลไกกองทุนธุรกิจเพื่อสังคม สามารถทำได้ทันที จะใช้เม็ดเงินระดมทุนจากตลาดทุนส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเพื่อสังคม

จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวสรุปว่า ทีมเศรษฐกิจของ พปชร. ยืนยันได้ว่านโยบายที่ประกาศแล้วถ้าเป็นรัฐบาลเราจะทำทันทีทุกนโยบาย เราสามารถทำได้ อีกนโยบายที่ตนถือว่ามีความสำคัญคือ นโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เราจะต้องเอามารวมกัน ต้องมีการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู จะหางบประมาณก้อนหนึ่งเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขอยืนยันว่า ทุกนโยบายของ พปชร. จะทำทันทีถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ฝากกับประชาชนทุกคนด้วยว่าช่วยเลือก พปชร.เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัครของ พปชร. เพื่อจะได้ดำเนินการในการตามนโยบายที่เสนอกับประชาชนไว้ หวังอย่างยิ่งว่าประชาชนคงจะให้โอกาสสนับสนุน พปชร. เราพร้อมที่จะรับใช้ประชาชน ทำงานเพื่อประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถึงคิว 'พปชร.' เป็นเจ้าภาพนัดกินข้าวพรรคร่วมฯ 'เศรษฐา' ขออย่าโยงปรับ ครม.

'เศรษฐา' บอก ถึงคิว พปชร. เป็นเจ้าภาพนัดกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่ได้นัดมา ขออย่าโยงเอี่ยวปมปรับ ครม. ยันไม่มีปัญหาพรรคร่วมฯ พูดคุยกันดี เมินแรงกระเพื่อม ย้ำยึดผลงาน

'ธรรมนัส' เชื่อ 'บิ๊กป้อม' มีชื่อสำรอง หาก 'ไผ่ ลิกค์' คุณสมบัติไม่ผ่านเป็นรมต.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ กับโควตาที่ยังว่างอยู่ ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร

‘ชัยวุฒิ’ ร่วมงานสงกรานต์ จ.สิงห์บุรี รำกลองยาว อวยพรสุขกรานต์ สุขกายสุขใจ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี ใช้โอกาสวันสงกรานต์ กลับบ้านสิงห์บุรี