รัฐบาลเตือนประชาชนระมัดระวังโรคและภัยสุขภาพในช่วงฤดูร้อน แนะผู้ปกครองดูแลลูกหลานใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เล่นน้ำลำพัง เผยสถิติย้อนหลัง 10 ปี ไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำถึง 35,915 คน
09 มี.ค.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากที่กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศ เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย พ.ศ. 2565 โดยได้แจ้งเตือนถึง 5 โรค และ 3 ภัยสุขภาพที่ประกอบด้วยโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ 5 โรค ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง โรคไข้ไทฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย โรคอาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค และ โรคไวรัสตับอักเสบ เอ ส่วน 3 ภัยสุขภาพ ได้แก่การเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อน ผลกระทบจากหมอกควัน และการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจมน้ำ รัฐบาลขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังพร้อมกับปฏิบัติตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรคในการป้องกันโรคและภัยสุขภาพ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคและการสูญเสีย เพราะหลายโรคที่มาพร้อมกับฤดูร้อนเป็นโรคตามฤดูกาลที่รักษาหายได้ แต่ภัยสุขภาพบางประเภทก็นำมาซึ่งความสูญเสีย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของการเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อนนั้น ข้อมูลของกรมควบคุมโรคระบุว่า ช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ของทุกปีจะมีประชาชนเสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อน ซึ่งในปี2558-2564 มีผู้เสียชีวิต 56,60,24,18,57,12 และ 7 คนตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย เช่นในปี 2564 ผู้เสียชีวิตทั้ง 7 รายทั้งหมดเป็นเพศชาย โดยปัจจุบันสภาพของอุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและระยะเวลาฤดูร้อนยาวนานขึ้น จะต้องมีการดูแลสุขภาพให้ปรับให้ทันต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ โดยงดการออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน ดูแลร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ง่าย ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเสพยาเสพติดในช่วงที่มีอากาศร้อน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขณะที่การจมน้ำก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เกิดการเสียชีวิตจำนวนมากโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2555-2564) ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำถึง 35,915 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีมากถึงร้อยละ 20.5 (7,374คน) โดยเด็กช่วงอายุ 5-9 ปี เป็นกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุดที่ 2,867 คน และช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.เป็นช่วงที่เสียชีวิตมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 32.7 ของการจมน้ำเสียชีวิตตลอดทั้งปี ทั้งนี้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการชวนกันไปเล่นน้ำตามลำพังที่แหล่งน้ำตามธรรมชาติไม่มีผู้ใหญ่ดูแล ซึ่งการป้องกันนั้นทั้งผู้ปกครองและคนในชุมชนต้องร่วมกันสอดส่อง ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด จัดการแหล่งน้ำเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เช่น สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือน จัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยงสำหรับการช่วยเหลือ และเมื่อพบเห็นคนตกน้ำ ให้รีบโทรแจ้ง 1669 และหาอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้หรือเสื้อชูชีพ โยนให้คนที่ตกน้ำจับพยุงตัว เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
14 พ.ค.ได้ลุ้น คกก.ค่าจ้างฯ ถกค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
'คารม' ย้ำขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค.นี้ คกก.ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
รัฐบาลโวแก้ปัญหาชาวบ้านร้องเรียนได้ถึง 75%
รัฐบาลทำจริง! แก้ไขปัญหาประชาชนแบบจับต้องได้ ไตรมาส 2 ปีงบ 67 ศูนย์บริการประชาชน 1111 แก้ปัญหาเสร็จสิ้นถึง 75%
รัฐบาลกวักมือเรียกผู้กู้ กยศ.ที่ถูกดำเนินคดีเร่งปรับโครงสร้างหนี้ด่วน!
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
ไฟเขียวเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ ไม่ถือเป็นวันลา!
รัฐบาลร่วมแสดงความจงรักภักดี และถวายพระราชกุศล เห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติฯ โดยไม่ถือเป็นวันลา
รัฐบาลห่วงยอดโควิดพุ่ง แต่ขอให้มั่นใจโรงพยาบาลพร้อมรับมือ!
'เกณิกา' เผยรัฐบาลห่วงใยยอดโควิดยังพุ่งหลังสงกรานต์ ขอให้ประชาชนมั่นใจโรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิด แนะใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด รีบตรวจ ATK หากมีอาการคล้ายหวัด
ไฟเขียวพ.ร.ฎ.เลือกสว. สมัคร13พ.ค.รู้ผล2ก.ค.
ครม.คลอดร่าง พ.ร.ฎ. เลือก สว. เปิดรับสมัคร 13 พ.ค. ประกาศผล 2 ก.ค.