'เลขา ครป.' จี้เฟ้นหานายกฯใหม่อัด 'พล.อ.ประยุทธ์' ภาพลักษณ์ไม่ถึงขั้นต้อนรับเอเปค

“เลขา ครป. จี้เฟ้นหานายกฯ ภาพลักษณ์ดีต้อนรับเอเปค เสนอบัตรเบอร์เดียวป้องกันสับสน จี้พรรคการเมืองแสดงเจตจำนงค์และแข่งกันด้วยนโยบาย ตั้งธนาคารแรงงานแก้ไขปัญหาหนี้สินได้”

20 มีนาคม 2565 – นายเมธา มาสขาว เลขาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยากจะมีอายุรัฐบาลอยู่ถึงการประชุมเอเปคในปลายปีนี้ เนื่องจากการประชุมเอเปค ประกอบไปด้วยสุดยอดผู้นำ 20 ประเทศมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจกับ 1 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ที่จะเป็นครั้งหนึ่งในความทรงจำสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการประชุมเอเปคครั้งสุดท้ายในเมืองไทยเมื่อปี 2546 ที่ผู้นำจากทั่วโลกเดินทางมาเยือนไทย แต่รอบนี้รัฐบาลไม่ได้เตรียมความพร้อมที่จะต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเลย ไม่ว่าจะการพัฒนาความเป็นนิติรัฐ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย และน่าผิดหวังที่ยังต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 2 เดือน ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ไทยตกต่ำลงไปอีก เพราะไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองโดยกฎหมายปกติให้มีความมั่นคงและเกิดภราดรภาพได้ ท่ามกลางความขัดแย้งในหมู่ประชาชนและในรัฐสภา

“ภาพลักษณ์ประเทศไทยจะดีพร้อมต้อนรับผู้นำนานาชาติได้อย่างมีเกียรติ ควรจะเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีภาพลักษณ์เสื่อมเสียต่อการยอมรับในประชาคมโลก ผมหวังว่ารัฐสภาจะใช้โอกาสการอภิปรายไม่ไว้วางใจในการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แม้เพียงจะมีเวลาต่อ 1 ปี ก็เพียงพอในการสร้างการยอมรับและแก้ไขปัญหาสำคัญที่หมักหมมอยู่ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป แม้จะมีการยุบสภาก่อนก็ยังดีกว่าตอนนี้ยังมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีไว้คอยต้อนรับอาคันตุกะประเทศ”

เรื่องการแก้กฎหมายการเลือกตั้งและพรรคการเมืองนั้น ไม่ควรบังคับ ส.ส.สังกัดพรรค เพราะเป็นกฎหมายเผด็จการพรรคการเมือง และผมเสนอให้ยืนยันเจตนารมณ์บัตร 2 ใบตามรัฐธรรมนูญ 2540 โดยสมควรจะเป็นเบอร์เดียวกันเพื่อป้องกันการสับสนของประชาชน และการโกงการเลือกตั้งในชนบทที่ผู้มีอิทธิพลมีอำนาจเหนือหมู่บ้าน การเสนอให้บัตรคนละเบอร์มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองเพื่อแยกความเสี่ยงในการได้มาซึ่ง ส.ส. ของพรรคการเมืองบางพรรค ผมคิดว่าสู้กันด้วยนโยบาย ประชาชนจะจดจำอย่างแน่นอน ฝากไปถึงบางพรรคการเมืองที่ยังไม่แสดงเจตจำนงค์ ส่วนอัตรา ส.ส. 400:100 นั้น ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2540 แต่แท้จริงแล้วควรเป็นอัตรา 300:200 มากกว่า ควรลดจำนวน ส.ส.แบบเขตลงเหลือสัก 100 คนก็พอและบัญชีรายชื่ออีก 100 คนจะเหมาะสมกับประเทศไทย แต่นั่นคงต้องรอแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมกับการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง โดยให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นนายก อบจ. หรือจะเพิ่มอำนาจนายก อบจ. ยกเลิกผู้ว่าราชการและการปกครองส่วนภูมิภาคก็ได้ ประเทศถึงจะเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่โดยระบอบอำนาจนิยมชักใยจนเกิดความเหลื่อมล้ำในปัจจุบัน

วันนี้เห็นบางพรรคเสนอนโยบายโครงการปล่อยกู้ แก้หนี้สินคนค้าขายทำมาหากินโดยไม่ต้องมีอะไรค้ำประกัน ส่วนตนคิดว่าควรมีการจัดตั้งธนาคารแรงงานขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับการขูดรีดดอกเบี้ยของธนาคารทุน กระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมอาจเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ พรรคการเมืองควรแข่งขันกันด้วยนโยบายแบบนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างความยากจนของประชาชน ไม่ใช่ซื้อตัว ส.ส. แก้กฎหมายให้ตนเองได้เปรียบทางการเมือง กลายเป็นการเมืองเก่าที่ประชาชนเบื่อหน่าย พรรครัฐบาลก็กลายเป็นเหมือนพรรคมารเมื่อ 30 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดร.ไตรรงค์' ขอบคุณ 'พล.อ.ประยุทธ์' ส่งดอกไม้เป็นขวัญกำลังใจหลังป่วยเข้ารพ.

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) โพสต์ภาพแจกันดอกไม้พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่นึกไม่ฝันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ซึ่งเป็นคนที่ผมรักและนับถือ เพราะท่านเป็นคนดี ไม่มีเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง

'จิรายุ' ตอกกลับ 'จิรัฏฐ์' อย่าแค่เกรียน ยัน 'นาวีเพลส' บ้านซื้อขาด ไม่ใช่บ้านหลวงให้เช่าได้

'จิรายุ' ตอก 'จิรัฏฐ์' อย่าเกรียนอย่างเดียวต้องมีสติปัญญา หลังกห.ตรวจสอบแล้วคอนโดนาวีเพลสเจ้าของห้องปล่อยเช่าจริงเพราะบ้านเขาซื้อขาดไม่ใช่บ้านหลวง ส่วนดราม่าไหว้ 'ลุงตู่' ครูบาอาจารย์พ่อแม่สั่งสอนให้มีสัมมาคารวะเจอผู้ใหญ่คนไหนก็ต้องไหว้ เว้นอย่างเดียวเสาไฟฟ้า

'ในหลวง' พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ 'พล.อ.ประยุทธ์' องคมนตรี เฝ้าฯ ถวายสัตย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี นำ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี