'หมอวรงค์' ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กไทมส์ บอกชาวโลก 9 เรื่อง

31 มี.ค. 2566 – นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้ ผมได้โอกาสให้สัมภาษณ์พิเศษ New York Times โดยคุณ Sui-Lee Wee ตำแหน่ง Southeast Asia Bureau Chief ที่พรรคไทยภักดี ผมได้สรุปประเด็นสำคัญให้ทราบว่า ผมสื่อสารกับชาวโลกอะไรบ้าง

1.ผมมีความรู้สึกว่าปัญหาของประเทศเกิดจากนักการเมืองทุจริต ร่วมกับทุนผูกขาด และทุนผูกขาดก็นำเงินมาให้พรรคการเมือง มาลงเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วทุนผูกขาดก็เข้ามาครอบงำพรรคการเมือง และสุดท้ายมาครอบงำรัฐบาล และนำไปสู่การหาประโยชน์ซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ ม.112 ไม่เคยทำให้ประชาชนเดือดร้อน

2.ผมพยายามศึกษามาโดยตลอด ผมไม่เคยเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยสร้างปัญหาให้กับประชาชน แต่สถาบันฯกลับเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวของความเป็นคนไทย นี่คือเหตุผลที่เรามีความรู้สึกว่า สถาบันฯ มีความจำเป็น ถ้าหากไม่มีสถาบันฯ ผมมองว่าประเทศไทยแตกแยก

3.เรื่องการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัจจุบันผมไม่ได้สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้ผมว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี และผมก็สนับสนุนเขา ผมยืนบนหลักความถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูกต้องแล้วมีการตำหนิรัฐบาล ผมไปช่วยอธิบายเสมอ แต่หลังจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มันมีการคอร์รัปชันเยอะมาก และผมมองว่าเขาเอื้อประโยชน์กับทุนผูกขาด ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราอาจจะเป็นพันธมิตรกันในการปกป้องสถาบันฯ แต่การต่อสู้เพื่อประชาชน ผมและเขาคิดต่างกัน ผมมีนโยบายในการส่งเสริมทุนขนาดกลางและขนาดเล็กให้เข้มแข็ง ซึ่งจะทำให้ประเทศเข้มแข็งตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หลังเลือกตั้งเรามาร่วมกันได้ เพราะผมไมร่วมกับเพื่อไทยกับก้าวไกล

4.ฝ่ายที่พยายามจาบจ้วงยกตัวอย่างการชูนิ้ว/พ่นสี ด่า ให้ร้าย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่วิถีของคนไทย/การปล่อยเฟกนิวส์ เราจึงออกมาอธิบายความจริง เป็นหน้าที่ในการแสดงออกของพวกเรา พวกเขาพยายามใช้โซเชียลมาปั่นกระแส

5.เราไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกับคนรุ่นใหม่นี้โดยตรง ทำให้เราต้องประชาสัมพันธ์ออกไปผ่านทางสื่อโซเซียล ทั้งที่ความจริงแล้วผมพร้อมคุยทุกที่ แม้เวลามีกิจกรรมเหล่านี้ เขาจะไม่ค่อยเชิญผมหรอก ทั้งในประเด็น ม.112 ทั้งๆที่ผมมีข้อมูลชัดเจนและเป็นความจริง

6.ผมเชื่อว่า ปัญหาเรื่องเกี่ยวกับมาตรา112 ถูกแซกแทรงจากตะวันตก โดยชี้ให้เห็นว่า

-การเกิดขบวนการ 3 นิ้ว จากประเทศอื่นๆ เชื่อว่ามีการเชื่อมโยง

-องค์กร NGO แอมแนสตี้ พยายามเข้ามาปกป้องกลุ่มคนที่ออกมาแสดงพฤติกรรมนี้

-ตัวแทนทูตประเทศต่างๆพยายามเข้ามาวุ่นวาย และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ

-มีการถือธงชาติอุยกูร์ ทิเบต ไต้หวัน ฮ่องกง ในการชุมนุมหลายครั้ง

นี่เป็นภาพรวมที่ทำให้ผมคิดว่ามีขบวนการแทรกแซง

7.ประเด็นเมืองไทยไม่มีเสรีภาพในการพูด ผมมองว่าไม่จริง แต่มีมากจนล้น เพียงแต่เขาใช้วาทกรรมว่า ต้องการพื้นที่ปลอดภัย หลอกคนต่างชาติที่ไม่เข้าใจ และปั่นกระแสหลอกให้คนเข้าใจผิด ที่สำคัญคนพวกนี้ชอบด่า ให้ร้าย เผารูป พ่นสี ไม่ได้พูดแบบมีเหตุผล

8.ผมพยายามสื่อสารว่า ทิศทางประชาธิปไตย มีทิศทางการพัฒนา 2 ทิศทาง คือ 1) republic และ 2) kingdom แต่เราจะไปในทิศทางของ kingdom เพราะเรามีรากทางวัฒนธรรมที่ยาวนานมา7-800ปี ควรจะไปแบบอังกฤษ นอรเวย์ ไม่ใช่ฝรั่งเศสหรืออเมริกา

9.สรุปปิดท้ายว่า พรรคไทยภักดีประกาศไม่รับเงินจากนายทุนผูกขาด และพร้อมเข้ามาปราบโกง ปราบทุจริต
ที่สำคัญ เมื่อพูดถึงนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายประชาธิปไตย ผมบอกอย่างเต็มปากว่า นักการเมืองไทยส่วนใหญ่ ไม่มีอุดมการณ์ มีแต่เข้ามาทุจริต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นันทเดช' ยกประวัติศาสตร์เตือนสตินักการเมือง ไทยรอดจากการเป็นเมืองขึ้นได้อย่างไร

พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความหัวข้อ "อิส

'ธนกร' ตบปาก 'ธนาธร' โชว์ธาตุแท้ ปม 112 บนเวที 6 ตุลา

'ธนกร' ฟาด 'ธนาธร' เผยธาตุแท้ หลุดพูดเวที 6 ตุลา ข้องใจพาดพิงสถาบันผิด 112 ทำประเทศก้าวหน้าตรงไหน แนะเอาเวลาไปช่วยน้ำท่วมทำประโยชน์ดีกว่า

ปชน. ถอย! ไม่ส่งชิง 'นายก อบจ.สุโขทัย' ปล่อยอดีต สส. ลงแข่งอิสระ

พรรคประชาชนถอย ไม่ส่งคนชิงนายก อบจ.สุโขทัย แต่เปิดทางสมาชิกลงแข่งอิสระได้ "อดีตผู้สมัคร สส.พรรคส้ม" ลั่นสู้เต็มที่ แม้โอกาสน้อยที่จะชนะ

'นายกต้อย' ไขก๊อก! อบจ.เมืองคอน อ้างเหตุผลสุดอึ้ง

างกนกพร เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยื่นหนังสือลาออกแล้วจากการปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช

'สุริยะใส' กะเทาะบทเรียนแก้รธน. เสียงข้างมากไร้ความชอบธรรม ไม่มีความหมายเสมอไป

“สุริยะใส” กระตุกนักการเมือง บทเรียนแก้รัฐธรรมนูญเสียงข้างมากในสภาที่ไร้ซี่งความชอบธรรม ไม่มีความหมายเสมอไป