'จตุพร' เดือด! อัด 'ณัฐวุฒิ' นักสู้ร้อยศพพูดเอาหล่อ พรรคทำระยำอัปรีย์ จะไม่เขวี้ยงหินใส่อีกหรือ

สุดทน “เต้น”แขวะเขวี้ยงหินใส่บ้าน ฉะนักต่อสู้ พูดหาเสียงปลุก ปชช.หลงเชื่อ โจมตี 3 ป.ยับเยิน ประกาศจุดยืนไม่จับมือ “พปชร.-รทสช.” แต่ไม่เคยยืนขวางเพื่อไทยจับมือข้ามขั้ว ทำได้แค่พูดหรูๆ เดินมาส่งจนสุดทาง พร้อมเชื่อโหวตนายกฯ สำเร็จ แล้วลาออก เฉ่งทำได้แค่เนี้ย ชี้น่าทำอะไรตามจุดยืนได้มากกว่านี้

22 ส.ค.2566- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ร้าย?” ระบุถึงการลาออกจาก ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่า ในฐานะนักสู้ปลุกความเชื่อของประชาชน ต่อต้านการจับมือกับ 3 ป. เรียกหาความยุติธรรมให้กับของคนเสื้อแดง ดังนั้น ควรทำอะไรได้มากกว่าคำพูดหรู ประดิษฐ์ประดอยภาษาสวยว่า เดินส่งจนสุดทาง สามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และเดินไปต่อด้วยไม่ได้ แต่กลับไม่ยืนขวางที่เพื่อไทยตระบัดสัตย์ต่อประชาชน

นายจตุพร กล่าวว่า น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ กับนายณัฐวุฒิ ลาออกจากพรรคเพื่อไทยมีความแตกต่างกัน โดย น.ส.ทัศนีย์ หรือ กุ้ง เป็นอดีต สส. เพื่อไทย และได้แสดงจุดยืนทางการเมืองชัดเจน จนถูกทหารควบคุมตัวไปปรับทัศนคตินานนับเดือน กรณีรณรงค์ประชามติค้าน รธน. 2560

นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับเพื่อไทยไปจับมือตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกับพรรคสนับสนุนรัฐประหารมาตั้งแต่ต้น สิ่งสำคัญเธอไม่ได้อยู่ในฐานะนักปลุกระดมคนทั้งประเทศให้หลงเชื่อว่า จะจับมือหรือไม่จับมือกับใคร แต่เธอเป็นคนซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เมื่อเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จึงยื่นลาออกจากพรรคอย่างไม่อินังขังขอบ

สำหรับนายณัฐวุฒินั้น นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญก่อนหน้านี้นายณัฐวุฒิ ต้องทำอะไรได้มากกว่าการลาออกจาก ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย เพราะตำแหน่งนี้เป็นกำลังสำคัญบนเวทีปราศรัย แล้วประกาศทวงความยุติธรรมให้คนตาย พร้อมเรียกร้องให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน ประกาศจะแก้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อประชาชนสามารถฟ้องตรงต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้โดยตรง
“ดังนั้น คุณ (นายณัฐวุฒิ) ต้องปฏิเสธอย่างแข็งขัน (กับการจับมือตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว) แต่วันนี้กลับมาอธิบายว่า เดินมาส่งจนสุดทาง และเห็นว่านายเศรษฐา ทวีสิน จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จแล้ว พร้อมเข้าใจเพื่อไทยที่ตัดสินใจเลือกจับมือตั้งรัฐบาลอย่างนั้น เพียงแต่ตัวเองไม่เห็นด้่วยจึงตัดสินใจยุติบทบาทในตำแหน่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย”

นายจตุพร เห็นว่า นายณัฐวุฒิ ประกาศตัวเป็นนักสู้และอยู่ในสนามรบที่มีคนตายเป็นร้อยศพ บาดเจ็บสองพัน และสิ้นอิสรภาพนับไม่ถ้วน ถ้าเขาควรทำมากกว่านี้ โดยแสดงจุดยืนตั้งแต่ในพรรคว่า เพื่อไทยจะไปจับมือกับ พปชร.และ รทสช.ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองยังเป็นตัวการประกาศไล่หนูตีงูเห่าอีก แล้วกลับมาทำได้แค่บอกว่า มาส่งได้แค่นี้ในวันที่นายเศรษฐา จะเป็นนายกฯ แล้วเพื่อไทยตั้งรัฐบาลกับกลุ่ม 3 ป.

อีกทั้ง ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ต้องทำได้มากกว่านี้ในฐานะเป็นตัวหลักในการประกาศด้วยคำพูดสวยหรู วิพากษ์วิจารณ์ 3 ป. ยับเยิน ประกาศโครมๆ ทุกเวทีไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แต่กลับมาบอกว่า มาส่งได้แค่นี้และไปด้วยไม่ได้

“แทนที่จะยืนขวางเพื่อไทยตั้งแต่ต้นทาง เพราะตัวเองได้ปลุกประชาชนให้หลงเชื่อว่า จะจับมือกับใคร ไม่จับมือกับใคร ไม่เอา 3 ป. ไม่เอาลุง แล้วยังพูดถึงการต่อสู้ของพี่น้องคนเสื้อแดงที่สู้มาก่อน และต้องได้รับความยุติธรรม แต่บัดนี้ทำได้แค่นี้เหรอ แล้วยังพูดเอาดีอีกว่า ออกมาจะไม่เขวี้ยงก้อนหินใส่พรรค”

นายจตุพร กล่าวว่า การเขวี้ยงก้อนหินใส่พรรคนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องชีวิตของประชาชน ดังนั้น มีประชาชนอยู่ในสมการความคิดหรือไม่ ส่วนพรรคเป็นแค่องค์กรทางการเมืองหากไม่รักษาจุดยืนของตัวเอง เราต้องมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกระทำตระบัดสัตย์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประชาชน แต่นายณัฐวุฒิ กลับมาพูดเอาหล่อเข้าตัวเพื่อลาออกจาก ผอ.ครอบครัว

“ขณะนี้ทุกคนอยู่บนความอยากเป็นรัฐบาลและบอกยอมกลืนเลือด แต่ไม่พูดว่าเป็นเลือดตัวเองหรือเลือดประชาชน แล้วถ้าพรรคการเมืองทำระยำอัปรีย์ จะไม่เขวี้ยงใส่อีกเหรอ”

อีกทั้ง นายณัฐวุฒิ ประกาศทุกเวที วิพากษ์ 3 ป. ย่อยยับหมด แล้วกลับมาบอกภารกิจจบแล้ว มาส่งวันสุดท้าย พร้อมเชื่อมั่นจะตั้งรัฐบาลสำเร็จ ซึ่งตนว่า ไม่แฟร์กับประชาชน และแตกต่างกับ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ที่ยืนฟาดในเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก แล้วยังไม่มีบทบาทไปปลุกผู้คนมาหลงเชื่ออีกด้วย

นอกจากนี้ ระบุว่า ถ้าในเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว เราไม่ร่วมกันได้ แต่เมื่อเป็นพฤติส่วนรวมของบ้านเมืองที่เกี่ยวข้องกับความตายของผู้คน พฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการต่อสู้และตระบัดสัตย์ แล้วอย่างนี้จะไม่ยุ่งอีกหรือ
นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อไทยไม่ใช่บ้าน เป็นแค่พรรคที่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของผู้คน แล้วประกาศว่าตัวเองเชื่ออย่างไร ดังนั้น ต้องวิพากวิจารณ์ได้ ถ้าอย่างนั้นประชาชนอยู่ตรงไหนกับคำประกาศจุดยืนของความเป็นพรรคการเมือง และการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อไทยที่ตระบัดสัตย์กับประชาชนนั้น ไม่ใช่เป็นการเขวี้ยงหินใส่บ้าน แต่เขวี้ยงใส่พรรคตระบัดสัตย์ ทรยศประชาชน

“เมื่อตัวเองไม่กล้าวิพากษ์ แต่มาส่งเขาจนถึงสำเร็จเป็นรัฐบาล และไม่ยืนขวางเพื่อไทยที่ไปทำตระบัดสัตย์ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นนักพูดปลุกคนให้หลงเชื่อ ซึ่งเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องของบ้านที่อยู่อาศัย แต่เป็นพรรคการเมืองที่ตระบัตสัตย์กับประชาชน”

นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อวิพากษ์วิจารณ์ พปชร. กับ รทสช. โครมๆ ได้ในตอนหาเสียงเลือกตั้ง แล้ววันนี้พูดมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ควรทำอะไรได้มากกว่านี้ โดยต้องกล้ายืนขวางตั้งแต่ต้นกับเพื่อไทยไปจับมือตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยไม่ได้หวังถึงความสำเร็จ แต่ควรกล้ามีจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อไม่ทำอะไรยังพูดมาส่งจนสุดทาง ได้เป็นรัฐบาลสำเร็จ ซึ่งตัวเองไปต่อไม่ได้ ทำได้แค่นี้เหรอ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จตุพร’ ซัดอำนาจเบื้องหลังปรับครม. ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะไปตรวจสุขภาพจิต

‘จตุพร’เย้ยอำนาจเบื้องหลังปรับ ครม.ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะรีบไปตรวจสุขภาพจิต อ้างเขี่ยทิ้งชลน่าน สะท้อนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีมาตรฐานอารมณ์ ส่วน ‘ปานปรีย์’ลาออก รมต.ต่างประเทศ บอกความนัยคนจริง ยึดหลักการ สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

มึน! 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำช่วงสงกรานต์ แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง

'ตู่' มึน 'อุ๊งอิ๊ง' ชวนคนทั้งโลกมาสาดน้ำ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 21 วัน แต่ตัวเองไปเที่ยวฮ่องกง งง ทำไปทำไม ติงควรมีดีเอ็นเอรับผิดชอบ อย่ายึดตัวตน

'ทักษิณ' เริงร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลาน เย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่

'จตุพร' อ่านไต๋ 'ทักษิณ' เริ่งร่า เล่นน้ำยกดัมเบล เลี้ยงหลานสุดคึกคัก ส่งนัยเย้ยดีลกลับบ้าน ไม่ตื่นเต้นคำขู่ จับตา! 10 เม.ย. ตัดสินฟ้องหรือไม่ คดี 112 ระบุเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนชะตาคน

'จตุพร' ชี้ข่าวปล่อย ปรับครม.ดึงปชป.ร่วมรบ. มั่นใจ 'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกก่อนถูกยุบ

'จตุพร' ชี้ปรับ ครม. ดึง ปชป.ร่วมรัฐบาลเป็นข่าวปล่อย มั่นใจ'ก้าวไกล' ทิ้งทวนซักฟอกให้เป็นนัดแห่งความทรงจำ ก่อนถูกยุบพรรคใน เม.ย.นี้

ศึกทะเลาะเบาะแว้งใน สตช. บ่งชี้บี้ทวงดีลบีบ 'เศรษฐา' หนักมือยิ่งขึ้น

'จตุพร' เชื่อศึกทะเลาะเบาะแว้งใน สตช. เป็นสิ่งบ่งชี้บี้ทวงดีลบีบ 'เศรษฐา' หนักมือยิ่งขึ้น เหตุไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีศักยภาพปรับเปลี่ยนยกเครื่องวงการตำรวจเป็นที่พึ่ง ปชช.