
30 ต.ค.2566-นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” หัวข้อ “ในสงครามทางเรือ เรือดำน้ำ คือ Force Multiplyer” ระบุว่า การมีเรือดำน้ำ เป็นกำลังทางเรือที่ทรงพลัง ที่สามารถทดแทนเรือผิวน้ำได้หลายเท่าตัว เนื่องจากเรือดำน้ำ สามารถยิงเรือผิวน้ำได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการมีเรือดำน้ำจึงเป็นการป้องปรามไม่ให้ทั้งเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาได้โดยง่าย เนื่องจากจะต้องใช้ resource เพิ่มขึ้นมากหลายเท่าตัว
ด้วยขีดความสามารถในการซ่อนพรางของเรือดำน้ำนี้จึงทำให้“เรือดำน้ำสามารถร่องหน”ไปได้ทุกที่เพราะไม่มีใครเห็น เรือดำน้ำอาจจะไปซุ่มโจมตีในพื้นที่ของข้าศึก โดยฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว เช่น สามารถไปวางทุ่นระเบิดที่หน้าท่าเรือของข้าศึก ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษไปก่อวินาศกรรม หรือยังสามารถยิงทำลายที่หมายบนฝั่ง ของฝ่ายตรงข้ามเราได้โดยที่ข้าศึกไม่รู้ตัว ถ้าเรามีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องใช้เรือฟริเกต 3-5 ลำ กับอากาศยานปราบเรือดำน้ำมาค้นหาและสู้กับเรือดำน้ำของเรา เพราะ“เรือดำน้ำโดยมากหาเรือดำน้ำด้วยกันไม่เจอ” ถ้าเราไม่มีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามก็เอาเรือฟริเกตมาลำเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับเราได้ง่ายๆ เพราะขีดความสามารถใกล้เคียงกัน
ดังนั้น การมีเรือดำน้ำจะเป็นกำลังทางเรือที่ทรงพลัง ทดแทนเรือผิวน้ำในทางสงครามได้หลายเท่า ในทางกลับกัน เรือผิวน้ำ ไม่มีศักยภาพการเป็น Force Multiplyer อย่างเรือดำน้ำ
Force Multiplyer คืออะไร ?
“Force Multiplyer” คือการต้องใช้เรือฟริเกต 3-5 ลำ ที่ต้องทำงานร่วมกับอากาศยานตรวจเรือดำน้ำ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำมาทำงานร่วมกันจึงจะสามารถป้องกัน ต่อต้าน หรือปราบเรือดำน้ำได้จริง Submarine The Force Multiplier : https://www.spsnavalforces.com/story/?id=771…
ซึ่งจะเป็น“การดึงกำลังของฝ่ายตรงข้าม เข้ามาสาละวนกับเรือดำน้ำ“
”ถ้าเรามีเรือดำน้ำหลายลำปฏิบัติการอยู่ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว”
ตอนนี้เราขาดเรือดำน้ำอยู่ แล้วถ้าไม่เอาเรือดำน้ำลำนี้ แล้วไปต่อเรือฟริเกตทดแทน อีกนานแค่ไหนจึงจะมีจำนวนเรือฟริเกตที่เพียงพอ เพราะเรือฟริเกตหลายลำก็มีอายุทำงานประมาณ 30 ปี ก็ต้องปลดประจำการในเวลาอันใกล้นี้แล้ว
ความเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของเรือดำน้ำ
ถ้าเรามีเรือดำน้ำ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในการที่จะส่งกำลังทางเรือเข้ามา หรือยกเลิกความคิดเลย เพราะกำลังเรือผิวน้ำของเขาจะถูกเรือดำน้ำทำลายได้โดยง่าย แต่ถ้าเราไม่มีเรือดำน้ำ ก็จะเป็นหมู 🐷 สำหรับเขาได้เลย
จะเห็นได้จาก เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐฯ และตะวันตก ไม่กล้ายุ่งกับเกาหลีเหนือ เพราะมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นอาวุธยุทธศาสตร์ และยังมี เรือดำน้ำ ที่สามารถยิงขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ได้อีกด้วย ก็ไม่มีใครอยากไปยุ่งสักเท่าไหร่
นี่คือความเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ของเรือดำน้ำ
คิดกันดีแล้วหรือยัง คิดถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นใหญ่ หรือคิดถึงแต่ผลประโยชน์และเกมการเมืองของตนเองเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'รองเสธ.ทร.' ย้ำชัด เรือดำน้ำ-เรือฟริเกต คือกำลังรบที่สำคัญของ ทร.
รองเสธ.ทร. ติว นศ.วิทยาลัยเสธ.ทร.รุ่นที่ 66 ย้ำชัด เรือดำน้ำ-เรือฟริเกต รวมทั้งการปรับปรุงเรือ OPV ชุดร.ล.ปัตตานี คือกำลังรบที่สำคัญของ ทร.
ปัตตานียังวิกฤต! ดับแล้ว 7 ราย ปะกาฮารังจมบาดาลทั้งหมู่บ้าน
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงเป็นพื้นที่สีแดง หลายพื้นที่ยังมีท่วมสูง แม้ว่าในช่วงกลางดึกน้ำลดลงไปบ้างแล้ว ประมาณ 20 %
'ภูมิธรรม' ดึงเกม 'เรือดำน้ำ' ลั่นตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ขอศึกษาก่อน สรุปเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ ภายหลัง พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ รอง ผบ.ทร. เข้าพบวานนี้ (26พ.ย.) จะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาการแก้สัญญาเมื่อใด
'เอ็ดดี้ อัษฎางค์' มีคำตอบให้! 'พิธา' ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย
เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้
'ภูมิธรรม' ไม่ขีดเส้นตาย 'ทัพเรือ' ชี้แจงเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของจีน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ หลังสั่งการให้กองทัพเรือไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ CHD620 ของจีน และการขยายสัญญา 1,217 วัน