'เทพไท' แนะทุกพรรคการเมืองต่อสู้ด้วยอุดมการณ์เหมือนพรรคก้าวไกล!

24 ม.ค.2567 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “การเมืองใช้เงิน หมดเงินก็เจ๊ง การเมืองอุดมการณ์ ไม่มีวันตาย” มีเนื้อหาว่า วันนี้ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในคดีถือหุ้น ITV และวันที่ 31 มกราคม 2567 คดีที่พรรคก้าวไกล หาเสียงเสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผลแห่งการวินิจฉัยคดีจะออกมาอย่างไร ผมจะไม่ขอก้าวล่วงถึงผลของคำวินิจฉัยแต่อย่างใด

ผมจะขอพูดถึงพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศในขณะนี้ เพราะผลการเลือกตั้ง เมื่อปี 2566 ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง และมีเสียงสนับสนุนเลือกพรรคก้าวไกลสูงสุดถึง 14 ล้านเสียง เหนือความคาดหมายของทุกฝ่าย

ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใด ไม่ใช่ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และไม่ได้เชียร์พรรคก้าวไกลมาตั้งแต่ต้น แต่ได้แสดงความเห็นถึงจุดยืนและทิศทางทางการเมืองของพรรคก้าวไกลอย่างตรงไปตรงมา ในสมัยที่ผมเป็น สส.เมื่อปี 2562 ร่วมสภาเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้นได้รู้จัก และคุ้นเคยกับ สส.พรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกลในปัจจุบันหลายคน

ผมเห็นว่าการต่อสู้ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ที่ยึดอุดมการณ์ มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน และมีนโยบายเสนอต่อประชาชนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งเหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผมเคยสังกัดในยุค 30 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ต่อสู้ทางการเมืองในเชิงอุดมการณ์อย่างชัดเจน

เมื่อพรรคก้าวไกลประกาศยึดหลัก “พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค” ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การยึดตัวบุคคลไม่ยั่งยืน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย แต่ถ้ายึดอุดมการณ์เป็นที่ตั้ง แม้พรรคจะถูกยุบไปกี่ครั้งก็ตาม แต่อุดมการณ์จะไม่เปลี่ยนแปลง ยังมีการสืบทอดเจตนารมย์อีกต่อไป ซึ่งเหมือนกับพรรคอนาคตใหม่ มาสู่พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน

ผมเชื่อว่าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าผลจะออกมาในทางบวกหรือลบ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของพรรคก้าวไกล เพราะคนที่เลือกพรรคก้าวไกล ไม่ได้เลือกเพราะตัวบุคคล แต่เลือกเพราะอุดมการณ์และจุดยืนของพรรคทั้งสิ้น ตัวบุคคลจึงไม่มีความหมายสำหรับพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นคุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณช่อ พรรณิการ์ คุณพิธา คุณชัยธวัช คุณศิริกัญญา คุณไอติม พริษฐ์ หรือใครก็ตาม ไม่ใช่จิตวิญญาณของพรรค ที่ขาดใครแล้วพรรคจะล่มจม

ผมจึงอยากให้พรรคการเมืองทุกพรรคมาแข่งขัน ต่อสู้กันด้วยอุดมการณ์ จุดยืนทางการเมือง และนโยบาย มากกว่าการใช้เงินทุนซื้อเสียง ซื้อตัว สส. ซึ่งเป็นการการเมืองใช้เงินทุนอย่างมหาศาล และปฏิเสธไม่ได้ว่า จะต้องมีการถอนทุนคืนตอนเป็นรัฐบาล จึงเกิดภาพพรรคการเมืองทุกพรรคดิ้นรนที่จะเป็นรัฐบาลให้ได้ จนไม่มีพรรคใดเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่การเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่เป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง ถ้าเป็นรัฐบาลอิ่มหมีพีมัน ซึ่งเป็นความรู้สึกของนักเลือกตั้ง ไม่ใช่นักการเมืองที่มีอุดมการณ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองปธ.กมธ.ต่างประเทศสภาฯ ชี้น่ากังวล ‘บัวแก้ว’ สุญญากาศ หนุน ‘นพดล’ เหมาะ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร  ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศว่า เป็นเรื่องน่ากังวลมาก เพราะสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาเวลานี้ กระทบกับประเทศไทยอย่างมาก

ก้าวไกล เดือดแทน ‘หมอชลน่าน’ ทุ่มเทเหนื่อยสุด โดนคนทิ้งพรรคเสียบเก้าอี้

‘ณัฐชา’ มอง ปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ‘เพื่อไทย’ ยังรักษาคาแรคเตอร์ ‘สมบัติผลัดกันชม’ เก้าอี้ รมต. เหมือนเดิม สงสัย ทำไมเอาคนทิ้งพรรคอย่าง ’สมศักดิ์‘ แทน ’หมอชลน่าน‘ เหตุเหนื่อยสุดแบกรับสถานการณ์ช่วงเลือกตั้ง-จัดตั้งรัฐบาล

'รังสิมันต์'แนะ 3แนวทางแก้ปัญหาเมียนมา!

กมธ.ความมั่นคงเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องถกสถานการณ์เมียนมา 'โรม' ชี้ปัญหาในเมียนมาก็เป็นปัญหาของไทย เหตุคนหนีอพยพข้ามแดน ลั่นไทยอยู่ในฐานะที่น่าไว้วางใจที่สุด ควรเป็นตัวกลางในการเจรจา