นับถอยหลังเพื่อไทย ส่งรหัสปีนเกลียวทหาร ข่มขู่ประชาธิปไตย

10 ธ.ค.2567-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า สถานการณ์อำนาจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้าสู่ย่างก้าวนับถอยหลังอย่างสิ้นเชิง เมื่อนายสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะ พร้อมประชาชนสนับสนุนนับพันคนไปยื่นหนังสือถามข้อเท็จจริงกรณี MOU 44 ถึงทำเนียบรัฐบาล

อีกทั้งกล่าวว่า คณะนายสนธิ ยก ส.ค.ส.พระราชทานเมื่อปี 2547 ซึ่งเป็นรูปแผนที่ประไทยตามพระบรมราชโองการปี 2516 และมีอักษรเขียนว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” มาอธิบายพื้นที่อ้างสิทธิจึงสอดคล้องกับสถานการณ์ MOU 44 ระหว่างไทย-กัมพูชาเจรจาแบ่งผลประโยชน์ 50:50 แจกจ่ายกลุ่มทุนพวกพ้อง

พร้อมทั้งกล่าวว่า นายสนธิ ไปยื่นหนังสือถามใน 6 ประเด็น โดยกำหนดอีก 15 วันจะไปฟังคำตอบจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จากนั้นจะไปยื่นหนังสือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้รับรู้ถึงปัญหา MOU 44 และการอ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อน จึงเป็นการก้าวย่างไม่ผลีผลาม ซึ่งเป็นประสบการณ์จากการเคลื่อนไหวภาคประชาชน โดยต้องการให้สังคมได้รับรู้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน

นายจตุพร กล่าวว่า แม้คณะหลอมรวมประเทศไทยกำหนดย่างก้าวสอดคล้องกับคณะนายสนธิ แต่มีแนวทางของตัวเองเหมือนกัน โดยได้เปิดประเด็นปัญหาหลากหลายมาต่อเนื่อง ทั้งปัญหาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตทำลายระบบการเงินของประเทศ ปัญหาบ่อนคาสิโนในชื่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

ตลอดจนเปิดโปงปัญหาอสังหาริมทรัพย์ให้ต่างชาติซื้อแผ่นดินอาศัย 99 ปี รวมทั้งโครงการแลนด์บริดจ์ซุกที่ดิน 3 แสนไร่ให้ต่างชาติเช่านาน 99 ปี และชำแหละร่าง พรบ.ขนส่งทางรางซ่อนยกที่ดินสองข้างทางให้สัมปทานเอกชน อย่างไรก็ตาม กรณี MOU 44 จะสอดรับกับความรู้สึกของประชาชนได้รวดเร็วมากที่สุดทั้งนี้ประเมินจากประชาชนนับพันร่วมสนับสนุนนายสนธิ ไปยื่นหนังสือถามรัฐบาลถึงทำเนียบรัฐบาล

อีกอย่างประชาชนแต่ละสีเสื้อต่อสู้และเก็บความเจ็บปวดไว้มากมายจากการชุมนุมปี 2550-2557 ให้พรรคเพื่อไทยได้อำนาจการเมือง แต่แล้วกลับถูกทรยศหักหลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนการเหลิงอำนาจได้นำพาปัญหามาสู่จุดเดิมกันอีกครั้งในขณะนี้

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่เคยเปลี่ยนความคิด ยังใช้วิธีการด้อยค่าอ้างบ้านเมืองต้องการความสงบ แต่เมื่อครั้งตัวเองต่อสู้ก็ถูกฝ่ายรัฐบาลขณะนั้นอ้างแบบนี้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงอยู่ในกลเกมของละครการเมืองนี้มายาวนาน

อย่างไรก็ตาม แนวความคิดรัฐบาลเพื่อไทยขณะนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ปี 2548 แล้วถูกปิดเกมโดยทหารยึดอำนาจในปี 2549 และปี 2557 เพราะการอธิบายความของรัฐบาลไม่ได้นำความรู้มาหักล้าง แต่เล่นเกมแสดงอาการกระทืบคนในชาติ แล้วก้มหัวให้ต่างชาติมาหาประโยชน์ในดินแดนไทย

ส่วนพรรคเพื่อไทยเสนอแนวคิด พรบ. จัดระเบียบว่าด้วยกระทรวงกลาโหม และแก้ไขกฎอัยการศึก นายจตุพร กล่าวว่า เป็นกฎหมายที่หวังควบคุมการแต่งตั้งโยกย้าย และสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นแผนหนึ่งมุ่งหวังสกัดการรัฐประหาร ซึ่งเป็นหลักคิดผิดพลาดอย่างยิ่ง

“ในวันที่กระแสประชาธิปไตยขึ้นสูง พรรคเพื่อไทยได้เสียง สส.เกินครึ่งสภา ยังไม่กล้ายุ่งกับทหารเลย ยังอธิบายห้ามไม่ให้ไปแตะทหาร แต่วันนี้ได้เสียงแค่ 141 และยังจับมือกับทหารยึดอำนาจตั้งรัฐบาลอีกต่างหาก แล้วครั้งนี้ใหญมาจากไหน จะดัน พรบ.จัดระเบียบทหาร อีกอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาลยังปฏิเสธความคิดเพื่อไทยเลย ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยแน่จริงก็ทำเลย (เสนอกฎหมายป้องกัน รปห.)”

พร้อมกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดและพฤติกรรมการเมืองแบบไม่มีความซื่อสัตย์ ทั้งที่ความสุจริตใจ แล้วการบริหารบ้านเมืองไม่ลุแก่อำนาจ และมีความรักในผืนแผ่นดินไทย อีกทั้งต้องไม่มีเงื่อนไขผลประโยชน์ทับซ่้อนกับประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการป้องกันการยึดอำนาจได้ดีกว่าออกกฎหมาย เพราะแม้มีกฎหมายป้องกัน รปห. แต่เมื่อเกิดยึดอำนาจก็ฉีกทิ้งได้ทุกครั้งคราวไป

ดังนั้น การออกกฎหมายป้องกันการปฏิวัติ แค่คิดก็โง่ เพราะไม่เคยมีอยู่จริงและไม่เคยสำเร็จในทางการเมือง และช่วงต่อสู้ที่มีพลังแข็งแรงยังไม่กล้าทำ แต่ในวันที่ประชาชนย่อยยับแล้วกลับแสดงความกล้าขณะที่ไปจับมือกลุ่มยึดอำนาจตั้งรัฐบาล

“คาดว่า วันนี้ ความสัมพันธ์ของผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทยกับทหารน่าจะระหองระแหงกัน เพราะถ้าความสัมพนธ์ดีกันแล้ว เรื่องการแก้ พรบ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมจะไม่หลุดออกมาแน่”

นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทำเป็นเก่งกับทหารในยามการเมืองเป็นปกติเท่านั้น จึงเท่ากับหาเรื่อง เมื่อได้เรื่องแล้วก็หนีกันหัวซุกหัวซุน อีกอย่างนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คนจุดประเด็นและเคยเสนอนิรโทษกรรมสุดซอยยังไม่ออกมาพูดให้เป็นเรื่องเป็นราวว่า จะเอาจริงกันแค่ไหนด้วย

“การอ้างให้ประเทศเดินหน้าหาความสงบ แต่กลับมาหาเรื่องทหารกับเสียเอง ดังนั้น จึงทำเป็นนักประชาธิปไตยแบบเดิมๆ อีก ใครเชื่อก็โง่เต็มที แต่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยเอาจริงกับกรณีนี้กันสักเรื่อง”

อีกทั้งกล่าวถึงการนำลูกเรือประมงไทยที่ถูกพม่าจับตัวไปว่า รัฐบาลไร้ปัญญานำกลับมาว่า เอาแต่ผลัดผ่อนไปเรื่อยเป็นวันๆ แล้วที่สุดบอกรอทางการพม่าอนุญาต อีกอย่างในกรณีนี้ รมว.กลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย เมื่อมีหน้าที่คุมกำลังทหารในประเทศ ควรมีลักษณะแข็งแรง แต่ไม่แข็งกร้าว กลับให้ความเห็นเสมือนเป็น รมว.ต่างประเทศ ใช้ท่าทีอ่อนน้อมในการแก้ปัญหาพม่าจับลูกเรือประมงไทยไปคุมขัง

ในกรณีนี้ ตนเห็นว่า รมว.ต่างประเทศไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ควรจะอยู่ที่เนปยีดอ เมืองหลวงพม่า อีกทั้ง รมว.กลาโหมไทยต้องนำผู้บัญชาการทหารระดับสูง นัด รมว.กลาโหมพม่าคุยกันในเรื่องการปล่อยลูกเรือประมงไทย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่กระตือรือร้นเอาคนไทยกลับบ้าน ได้แต่ใช้ลีลาแบบขอความเห็นใจกับพม่า ซึ่งเป็นการแสดงความอ่อนแอ

“เหตุนี้น้ำหน้ารัฐบาลไทยคงไม่มีทางนำลูกเรือไทยกลับบ้านได้จริงๆ เพราะไทยแสดงความอ่อนแอให้ประเทศข้างบ้านเห็น ดังนั้น ประเทศเพื่อนบ้านย่อมไม่เกรงใจ”

นายจตุพร เชื่อว่า ขณะนี้สถานการณ์เลยเถิดแล้ว จนรัฐบาลไม่สามารถชี้แจง MOU 44 ด้วยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชนย่อมนำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงการเสียดินแดน โดยปรากฎการณ์นายสนธิ แค่มายื่นหนังสือกับรัฐบาลยังมีคนมาร่วมแสดงพลังกันมากขนาดนี้ ซึ่งไม่มีใครคาดคิด จะมีคนนับพันมาร่วมสนับสนุนนายสนธิ

“ประชาชนต้องสนับสนุนประชาชนด้วยกัน เมื่อเคยถูกหลอกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วยังเป็นบทเรียนเจ็บปวดกันทุกฝ่ายที่เดินมาถึงสถานกาณ์ขณะนี้ ดังนั้น ความกังวลถึงการเสียดินแดนจะเป็นสถานการณ์ประชาชนไม่พอใจข้ามปี ขอให้จับตาเฝ้าสถานการณ์กันไว้ นอกจากนี้ กรณีตรวจสอบไต่สวนชั้น 14 ปปช.จะปิดเกมอย่างไรหรือจะลากเกม ซึ่งไม่ง่ายเลย เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาแล้ว”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' ประเดิมขึ้นเวทีอ้อนคนศรีสะเกษ ระดมตำรวจ 200 นายคุมเข้ม!

'ทักษิณ' ประเดิมเวทีแรกศรีสะเกษ ตร.คุมเข้ม อ้อนอย่าขี้เหนียว วอนเลือก 'วิวัฒน์ชัย' พร้อม สจ. ยกจังหวัด ฟุ้งรัฐบาลเพื่อไทยแก้ศก.ได้ดีสุด หากทำไม่ได้ คนอื่นก็หมดปัญญา

เอาเงินแผ่นดินไปชดใช้ 'อัลไพน์' คนจะลุกฮือ 'ทักษิณ-เพื่อไทย' สิ้นชอบธรรม

'จตุพร' เชื่อเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ไม่ใช่เกมการเมืองเอาคืน เตือนเอาเงินแผ่นดินไปชดใช้คนจะลุกฮือ คาด 'ทักษิณ' ลุอำนาจ เพื่อไทยสิ้นชอบธรรม นักการเมืองไร้ซื่อสัตย์ จุดจบ ปชต.แบบเดิมๆ เชื่อ นายกฯ ยังไม่ยุบสภา แต่ดึงยื้อในสภาพไม่มีผลงานจะเดินจุดจบแบบเดิม มี สส.มากก็ช่วยไม่ได้

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'อำนาจนอกระบบของทักษิณ'

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “อำนาจนอกระบบของทักษิณ" มีเนื้อหา ดังนี้

'จตุพร' ขยี้ 'ทักษิณ' คุยคำโตโชว์ปราบแก๊งคอลฯสิ้นปี บี้ตัดไฟ ตัดเน็ตก่อนเถอะ

'จตุพร' ขยี้' ทักษิณ' คุยโวโชว์อวดจะจัดการแก๊งคอลฯ สิ้นปี ถามทำไมรอนานปล่อยให้หลอกต้มเป็นปี จี้ทำทันทีแก้ปัญหาต้นต่อจากภายในไทยก่อน ฝ่ายค้านแนะตัดไฟฟ้า ตัดเน็ตพวกแก๊งคอลฯ กลับไม่หือไม่อือ ได้แต่พูดเอามัน หลอกคนฟังให้เคลิ้ม บี้นายกฯ เร่งแสดงศักยภาพทำงาน อย่าปล่อยให้ประเทศเสียโอกาส

'เพื่อไทย' นอนมา! คว้าชัยเลือกตั้ง 'นายก อบจ.' ค่ายน้ำเงินสูสีส้ม

ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 13 - 19 ม.ค. 2568 ได้ทำการสำรวจประชาชนในหัวข้อ "เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 2568"