ถือกฎหมายคนละฉบับ! นายกสมาคมทนายฯ งัด ม.55 โต้ ม.246 กรณี 'ทักษิณ-ชั้น 14'

แฟ้มภาพ

18 ม.ค.2568 - นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่าตามที่มีนักกฎหมายบางท่านแสดงความคิดเห็นว่า การที่ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ส่งตัวอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อันเป็นการส่งตัวอดีตนายกไปคุมตัวในสถานที่อื่นนอกจากเรือนจำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อหมายขังของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 146 นั้น ตนเห็นว่าเป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อน ดังนี้

1. กรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 246 วรรคหนึ่ง (2) เป็นเรื่องของ “การทุเลาการบังคับให้จำคุก“ ซึ่งต้องหักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมในสถานที่นอกจากเรือนจำออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา แต่กรณีของอดีตนายกเป็นเรื่องของ "การส่งตัวไปรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ" ตามมาตรา 55 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งกฎหมายให้ถือว่าถูกคุมขังอยู่ตลอดเวลาที่รักษาตัว จึงเป็นคนละกรณีหรือเป็นคนละเรื่องกัน

2.การส่งตัวอดีตนายกไปรักษาตัวนอกเรือนจำดังกล่าว ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 วรรคสอง ประกอบกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจผู้บัญชาการเรือนจำมีอำนาจส่งตัวผู้ต้องขังไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคนั้นโดยเฉพาะได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากศาล

3. มาตรา 55 วรรคสาม ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 บัญญัติว่าในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องหาไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา

4. ดังนั้น ห้องพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จึงมีสถานะตามกฎหมายเป็นสถานที่คุมขังอันเป็นเรือนจำตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 จึงถือว่าอดีตนายกทักษิณถูกคุมขังตามหมายขังของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในเรือนจำตลอดเวลาที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตามกฎหมาย การที่อดีตอาจารย์กฎหมายบางท่านแสดงความเห็นว่าต้องให้ศาลฎีกาฯ ออกหมายขังอดีตนายกและนำตัวกลับมาขังในเรือนจำใหม่นั้น เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนถึงขั้น ”เลอะเทอะ“ เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจนำผู้ต้องขังที่ได้รับโทษครบถ้วนแล้วกลับไปขังซ้ำอีก

5. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เป็นกฎหมายสองฉบับที่มีฐานะเท่ากันโดยเป็นพระราชบัญญัติเช่นเดียวกัน พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 มีผลบังคับใช้วันที่ 10 มิถุนายน 2478 ในกรณีที่กฎหมายที่มีฐานะเท่ากันมีบทบัญญัติแตกต่างกัน ต้องถือว่ากฎหมายที่ออกมาในภายหลังเป็นข้อยกเว้นหรือออกมาแทนที่ (supersedes) กฎหมายฉบับแรก จึงต้องใช้กฎหมายที่ออกมาในภายหลังที่มีบทบัญญัติในเรื่องนั้นโดยเฉพาะ การส่งตัวอดีตนายกไปรักษาตัวนอกเรือนจำจึงต้องเป็นไปตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะที่ออกมาในภายหลัง อันเป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปที่สอนในชั้นปีที่ 1 ของคณะนิติศาสตร์

จึงสรุปได้ว่า การส่งตัวอดีตนายกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามกฏหมายราชทัณฑ์ จึงไม่ต้องขออนุญาตศาลและที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลและที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ กฎหมายถือว่าอดีตนายกถูกขังตามหมายขังของศาลในเรือนจำตลอดเวลาตามกฎหมายราชทัณฑ์แล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ

"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย

ป.ป.ช. สอบคุกวีไอพี ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ

ป.ป.ช.ลุยตรวจเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกสอบสิทธิพิเศษ “ผู้ต้องขังจีนเทา” ไล่เช็กกล้อง-เส้นทางนำคนนอกเข้าเรือนจำ จ่อรายงานบอร์ดป.ป.ช.พิจารณาต่อ

กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง

'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล

รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ

รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน

เซ่นคุกวีไอพี! รมว.ยธ. สั่ง 'ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ-เลขาฯ' ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เอื้อผู้ต้องขังชาวจีนว่า ข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถือว่ามีความคืบหน้าและเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว