'อนุทิน' เผยอาจต้องใช้มาตรการแซงก์ชัน กดดันประเทศเพื่อนบ้านร่วมมือหยุดเผาป่า

"อนุทิน"​ นำถกแก้ฝุ่น​ PM. 2.5 เกือบ​ 3 ชั่วโมง ย้ำบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด​ งดเผาทุกประเภท​ 3 เดือน​ ก่อนชงของบกลางนายกฯ​ ซื้ออุปกรณ์​เปลี่ยนรูปแบบเตรียมหน้าดินแทนเผา​ คาดโทษผู้ว่าฯ​ ละเว้นเตรียมเด้งเข้าตึกหลังกระทรวง​ บอกแม้เป็นข้อสั่งการแต่มีกฎหมายรองรับ

29 ม.ค.2568 - นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงภายหลังการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยใช้เวลาการประชุมทั้งสิ้นกว่า​ 2 ชั่วโมงครึ่ง​ ว่า​ วันนี้ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่องหมอกควันพิษไฟฟ้าและฝุ่นละออง PM 2.5 การประชุมวันนี้ไม่ใช่เป็นการประชุมในเรื่องเฉพาะกระทรวงมหาดไทย​ แต่เป็นการประชุมบูรณาการความร่วมมือ ของทุกภาคส่วนราชการ ภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ ที่เป็นภัยพิบัติระดับชาติ ในกฎหมายจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย​ ซึ่งในกรณีนี้ถือเป็นความโชคดีที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี ที่ได้แสดงความห่วงใยในปัญหา​ สั่งการขณะเดินทางร่วมการประชุมยังต่างประเทศ​ และให้ถือเป็นวาระระดับชาติ​ ซึ่งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชน​ เกิดความปลอดจากสภาวะหมอกควัน

ขณะเดียวกันนายอนุทิน​ กล่าวย้ำว่า​ ทุกหน่วยงานต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยใน​ 3 เดือนนี้​ ต้องไม่มีการเผาป่า​ เผาในที่โล่งแจ้ง​ เผาซากผลผลิตทางการเกษตร​ เพราะสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศ​ และสุขภาพประชาชน​ พร้อมย้ำว่า​ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการกำหนดวันเผาแต่ในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า จะตัดวันเผาออกไป แต่จะต้องไม่เผา เพราะหากเขาจะผิดกฎหมาย มีการดำเนินคดี มีมาตรการลงโทษ และที่สำคัญจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือหรือสิทธิ การช่วยเหลือใดจากทางราชการ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดรับมอบอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถสั่งการดำเนินการป้องกัน ไม่ให้เกิดภัยพิบัติ ไฟป่าและการเผาในทุกรูปแบบ อย่างเต็มที่ และไม่มีการตั้งวอลลุ่มแถลงความคืบหน้าการดำเนินการทุกวัน โดยมอบหมายให้นายจิรายุ​ ห่วงทรัพย์​ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนรับทราบ

โดยนายอนุทินย้ำว่า​ ข้อสรุปของที่ประชุมวันนี้ การดำเนินการทุกอย่างจะต้องห้ามเผา
ใครเผาถือว่าผิดกฎหมาย มีบทลงโทษที่รุนแรง​ พร้อมกล่าวว่า ขอให้เข้าใจรัฐบาลในการดูแลภาพรวม​ เพราะเมื่อดูแลบ้านของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมีความพร้อมไปเจรจาเพื่อนบ้าน​ โดยจะไม่ให้ความร่วมมือซื้อสินค้า ไม่ให้ความร่วมมือเป็นจุดผ่านสินค้าไปยังประเทศที่สาม​ แซงชั่น​ และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี​

โดยนายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ในเบื้องต้น​ ที่ประชุมมีการหารือเรื่องการของบกลางเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้าน เปลี่ยนจากการเผาเพื่อเตรียมหน้าดิน มาเป็นรูปแบบอื่น เพื่อให้มลพิษนั้นหมดไป​ ในรูปแบบ​ อาทิ​ เครื่องบีบอัดเศษพืชผลทางการเกษตร​ แทร็ก​เตอร์​ ค่าน้ำมัน​ เพื่อเป็นทางเลือกให้ชาวบ้าน พร้อมกับยังผู้ว่าราชการจังหวัด​ดูงบที่แต่ละจังหวัดมีการจัดสรรไว้​ ว่าจะสามารถช่วนเหลือส่วนใดได้บ้าง​

ส่วนจะมีมาตรการอย่างไรหากยังหากยังมีการเผาอยู่ในพื้นที่ต่างๆ​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า จะออกมาในลักษณะการขอความร่วมมือก่อน​ หากยังพบการเผาแสดงว่ายังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ของผู้ราชการจังหวัด​ ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาสากล​ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นข้อสั่งการมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว เพราะนายกฯเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ​ และหากพบว่าผู้ว่าฯคนใดยังละเว้นอยู่​ ก็ต้องมาอยู่ตึกหลังนี่​ นายกฯรีบเซ็นให้อยู่แล้ว

ส่วนการเจรจา ขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายอนุทิน​ กล่าวว่า การเจรจาก็เจรจาไป เราก็ทำของเรา เพราะขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เขาก็ทำกันอยู่แล้ว​ โดยมีการชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ววานนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคำสั่ง 'อนุทิน' ตั้งคกก.สืบสวนข้อเท็จจริง ปมร้อนงบประกันสังคม

สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการใช้งบสำนักงานประกันสังคม (สปส.) นั้น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 86/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง

'ขัดแย้งไป-เคลียร์ไป'ลากรัฐบาล คดีกวนใจ'นายใหญ่'กับเกมยึดอาวุธลับ

“ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ และอาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมไปกับเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตาย”

'อนุทิน' บอกดีเอสไอไม่ใช่เครื่องมือการเมือง เชื่อขรก.ประจำไม่ทำตามคำสั่งผิดกฎหมาย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ รับพิจารณาคดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นคดีพิเศษ ฐานความผิดฟอกเงิน ซึ่งถูกหลายฝ่ายมองเป็นการใช้หน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง