'ธีระชัย' วิเคราะห์อนาคตการค้าไทยในสงครามการค้าโลก

16 เม.ย.2568 - นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “อนาคตการค้าไทยในโลก” ระบุว่า Canton Fair เป็นงานแสดงสินค้าใหญ่สุดในจีน เริ่มมาตั้งแต่ปี 1957 ในปีนี้ พ่อค้าสหรัฐไปเดินน้อย บรรยากาศไม่สดใส

ถามว่า แนวโน้มการค้าโลกจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร?

แนวโน้มที่หนึ่ง สหรัฐกับจีน

คาดว่า จากนี้ไป สหรัฐกับจีนจะเดินแยกทางกันไปตลอด ทรัมป์เรียกร้องโดยไม่หยุด ให้จีนรีบติดต่อเข้าไปเพื่อขอเจรจา แต่เนื่องจากเขาได้แสดงท่าทีดูถูกประเทศคู่ค้าว่าจะต้องเรียงแถวเข้าไปจูบแหวนเหมือนเขาเป็นมหาจักรพรรดิ์ในสมัยโรมัน จีนจึงไม่มีทางจะเป็นผู้เริ่มขอเจรจา ส่วนทรัมป์เองก็ไม่กล้าเสียหน้ากลับลำ ดังนั้น กำแพงภาษีสูงระหว่างสองประเทศจึงจะไม่ลดลงได้เร็ว และถึงแม้จะมีใครเป็นตัวกลางเพื่อให้สองฝ่ายไม่เสียหน้า พ่อค้าทั้งสองประเทศก็จะตระหนักว่าเหตุการณ์สามารถกลับไปหนักอีกครั้งหนึ่งเมื่อใดก็ได้

แนวโน้มที่สอง จีนกับอาเซียน

ใน Canton Fair ที่กำลังจัดอยู่ในขณะนี้ นักธุรกิจจีนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าจำเป็นจะต้องย้านฐานการผลิตไปอาเซียน ซึ่งเป็นแหล่งพันธมิตรและอยู่ใกล้จะสามารถประสานงานได้สะดวก ประกอบกับจีนจะเผชิญปัญหาแรงงานสืบเนื่องจากนโยบายมีลูกคนเดียว จึงต้องมุ่งให้คนรุ่นใหม่ไปเน้นการค้าบริการหรือทำงานไฮเทคมากขึ้น ดังนั้น อาเซียนจึงควรเล็งไปที่โมเดล ให้จีนมาร่วมลงทุน ย้ายฐานการผลิต การออกแบบ วิจัย และเทคโนโลยี มาที่อาเซียน ซึ่งจะมาพร้อมการเปิดตลาดไปยังประเทศกำลังพัฒนาในทุกทวีปได้เป็นครั้งแรก

แนวโน้มที่สาม อาเซียนกับอินเดีย

ในระยะยาว อินเดียจะค่อยๆ พัฒนาความพร้อมด้านอุตสาหกรรมมากขึ้น แต่เนื่องจากจีนและอินเดียมีการกระทบกระทั่งกันตามชายแดนภูเขาหิมาลัยบ่อย จึงไม่สะดวกที่จะจับมือกันโดยตรง ดังนั้น อาเซียนโดยเฉพาะไทยที่มีนักธุรกิจทั้งสองเชื้อชาติจึงสามารถวางตัวเป็นแม่สื่อ ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเติบโตในอินเดีย โดยอาศัยทุนจีนร่วมอาเซียน ประกอบกับใช้อาเซียนเป็นฐานในการขนส่งซัพพลายจากจีนไปยังอินเดีย

ถามว่า ไทยควรเตรียมรับมือการเปลี่ยนโฉมการค้าโลกอย่างไร?

ด้านการเจรจาภาษีทรัมป์

ต้องเร่งเจรจาโดยเกาะกลุ่มอาเซียน เป้าหมายคือเรียกร้องสหรัฐจะต้องปฏิบัติแก่อาเซียนเสมอภาคกันทุกประเทศ เพื่อมิให้ประเทศใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบในโมเดลใหม่นี้

สำหรับสหรัฐ คาดได้ว่าจะต้องการแหล่งซื้อสินค้า consumer ในราคาย่อมเยาต่อไปอีกนาน จึงน่าจะรับได้กับโมเดลการย้ายฐานการผลิตจีนมาอาเซียน ตราบใดที่มีการเพิ่มมูลค่าภายในอาเซียนมากพอที่จะไม่ถือเป็นการสวมสิทธิ์ประเทศอาเซียน

ด้านการลงทุนจากจีน

ภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องประสานงานกับรัฐบาลจีน เดินทางไปเชิญชวนบริษัทจีนที่จะย้ายฐานการผลิต ทั้งนี้ จะต้องมีมาตรการที่จะกีดกันการผลิตสินค้าที่ตกมาตรฐาน การนำเข้าสินค้าที่เป็นอันตราย และอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ

ด้านการขนส่ง

ภาครัฐและเอกชนไทยจะต้องเร่งการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงรางมาตรฐานเชื่อมต่อระหว่างจีนและฐานอุตสาหกรรมในไทย โดยในระหว่างที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ควรเร่งปรับปรุงพิธีการสินค้าผ่านแดนเตรียมไว้ทั้งทางรถไฟและรถยนต์ รวมทั้งควรเร่งพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่ระนองเพื่อให้เป็นฮับขนส่งไปยังจีน และเป็นจุดเชื่อม ‘เรือ-ราง’ ระหว่างจีนกับอินเดียในอนาคต

ด้านการเคลื่อนย้ายคน

รัฐบาลไทยจะต้องจัดขบวนการเพื่อเปิดรับคนจีนมาทำงาน ทั้งที่เป็นแรงงานระดับสูงและผู้มีความรู้เทคโนโลยี รวมทั้งปฏิรูปขบวนการนำเข้าแรงงานเพื่อนบ้านให้มีความสะดวกมากขึ้น บริหารจัดการเรื่องสวัสดิการสำหรับคนต่างด้าวมิให้กระทบต่อคนไทย และเร่งโครงการเรียนภาษาจีน/อังกฤษเป็นการด่วน

ในวิกฤตมีโอกาส แต่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งขับเคลื่อนอย่างเต็มสปีด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธีระชัย' ชำแหละโฆษณาชวนเชื่อ 'จีโทเคน' ของรัฐบาล

'ธีระชัย' ชำแหละแผนชวนเชื่อรายย่อยลงทุนจีโทเคน ส่อสร้างปัญหาให้ ปชช.รับความเสี่ยง จี้จุดอ่อนกฎหมายรองรับอาจไม่ชัดเจน แนะรัฐควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเงินดิจิทัลให้แน่นอนเสียก่อน

'ดร.กอบศักดิ์' จับตา สงครามการค้า สหรัฐ กับ จีน ยกสอง จีนอาจจะไม่ยอม

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า

'อดีตรมว.คลัง' ฟันฉับ 'มูดี้ส์' ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาล

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาล