
จี้ “จักรภพ” แจงให้สิ้นกังขาปมตั้งกองกำลังอาวุธต่อสู้ในชุมนุมปี 53 ชี้ไม่แฟร่กับ ปชช.ยึดสันติวิธี อยู่ที่โล่ง กลางถนน ลั่นอยากรู้ มีจริงตามอาคม ซิดนี่ย์ กล่าวหาหรือไม่ ส่วนทักษิณ เชื่อกำลังลนลานในสถานการณ์ “อยู่หรือไป” กับชั้น 14 คาดสิงหาการเมืองร้อน สภาเดือดด้วยผลตัดสินของศาล รธน.-ศาลฎีกานักการเมือง
22 ก.ค. 2568 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ตระเวณออกงานทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และทำบุญทอดผ้าป่า เททองตามวัดต่างๆ นั้น เป็นการสะท้อนถึงอาการลนลานกับการตัดสินของศาลฎีกานักการเมือง กรณีชั้น 14 ในเดือนสิงหาคมนี้
อีกทั้งประเมินว่า การเมืองในเดือนสิงหาคมจะร้อนแรงด้วยปัจจัยคำวินิจฉัยของ ศาล รธน.กรณียื่นถอนถอดอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกฯ ซึ่งคาดว่า คงรู้ผลวันที่ 13 สิงหาคม แต่ที่สำคัญการไต่สวนคดีของทักษิณ อาจมีคำสั่งก่อนคดีของอุ๊งอิ๊ง ดังนั้น ทักษิณย่อมวิตกกับการติดคุกเช่นกัน
“แม้ทักษิณ จะตอบคำถาม 3 บก.เนชั่นว่า กรณีชั้น 14 เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ไม่เกี่ยวกับตัวเอง แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ทำความผิดเพื่อไม่ให้ทักษิณรับโทษอาญาตามคำพิพากษาแล้ว ทักษิณคงกลับสู่สถานะเดิมคือต้องโทษอาญา กลับไปติดคุกที่เรือนจำ”
ส่วนกรณีคดี ม.112 ของทักษิณ นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ศาลอาญานัดพิจารณาคดีในวันที่ 22 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม ถ้าคดีชั้น 14 ตัดสินก่อนคดี ม.112 จึงน่าสงสัยเช่นกันว่า ทักษิณ จะอยู่รอฟังการตัดสินคดี ม.112 หรือไม่
ส่วนอาคม ซิดนี่ย์ เขียนบทความเล่าถึงนายจักรภพ เพ็ญแข เกี่ยวข้องกับการตั้งกองกำลังอาวุธเข้ามาต่อสู้ในไทยช่วงเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายจักรภพ ออกจากไทยไปอยู่กัมพูชาตั้งแต่ปี 52 ต่อเนื่องนานประมาณ 10 ปี ก่อนไปอยู่ดูไบอีก 6-7 ปี แล้วจึงกลับไทย
ในช่วงที่นายจักรภพ อยู่กัมพูชานั้น เกิดเหตุการณ์อย่างไรตามบทความของอาคม ซิดนี่ย์ ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องให้นายจักรภพ ออกมาพูดความจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงการตั้งกองกำลังต่อสู้ และนำอาวุธจากสมเด็จฮุนเซน 2 ตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาไทยจริงหรือไม่
“ผมกับประชาชนชุมนุมกันในที่โล่ง กลางถนน อยู่กลางแจ้ง การต่อสู้ใช้อาวุธสำคัญ คือสันติวิธี และไม่คิดสู้ด้วยกำลังอาวุธใดๆ เลย อีกอย่างผมไม่มีความเชื่อในเรื่องการใช้กำลังอาวุธ ดังนั้น นายจักรภพ ต้องทำความจริงให้ปรากฎกรณีอาคม ซิดนี่ย์ เขียนบทความ เพราะทำให้สถานการณ์ประชาชนผู้บริสุทธ์มาร่วมชุมนุมเสียหายได้”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อการชุมนุมของประชาชนอยู่บนถนน กลับมีการแทรกซ้อนของเพื่อนอีกฝ่ายที่จะตั้งกองกำลังอาวุธมาต่อสู้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ใจร้ายมากกับผู้ชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้น ความจริงเป็นอย่างไร ตนก็อยากฟังเช่นกัน และนายจักรภพ ควรออกมาพูดให้กระจ่าง
“ถ้าผมรู้ว่ามีวิธีคิดแบบนี้ (ใช้กองกำลังอาวุธ) คงไม่มาร่วมชุมนุมด้วย เพราะไม่แฟร์กับประชาชนที่ร่วมต่อสู้ด้วยจิตบริสุทธิ์กลางถนน แต่มีคนจิตไม่บริสุทธิ์อยู่ในกระบวนการนั้น ซึ่งประกอบด้วยใครบ้าง ทำอะไร อย่างไร ผมก็อยากรู้”
ส่วนการชุมนุมของประชาชนเพื่อสำแดงพลังปกป้องอธิปไตยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า อาจมีชุมนุมอีกครั้งที่ กทม. ในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นคงเคลื่อนไปจัดชุมนุมต่างจังหวัด แต่ต้องประชุมตัดสินใจกันอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว! กมธ.ร่างพรบ.สันติสุข สว. จ่อค้านนิรโทษกรรม คนสั่งเผาบ้านเผาเมือง-ผิด ม.112
'สว.ไชยยงค์'คาดมีโอกาสสูงแก้เนื้อหาร่างกฎหมายสังคมสันติสุข เหตุ กมธ.หลายคน ค้านนิรโทษกรรม คนสั่งเผาบ้านเผาเมือง-ผิดอาญา ม.112 จ่อเชิญ 'อภิสิทธิ์-ภรรยาร่มเกล้าฯ-นิกร' ให้ข้อมูล 15 ธ.ค.นี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


