'นักวิชาการ' เผยเส้นทางก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของ 'ปูติน' อ่านใจยากที่สุด ชะตากรรมของโลกอยู่ที่ปูตินล้วนๆ

2 มี.ค.2565- ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ เรื่อง วิถีปูติน กับ ระบอบปูติน มีเนื้อหาดังนี้

ปูติน (เกิดปี ค.ศ. 1952) เป็นผู้นำมหาอำนาจโลกที่ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดโดยใช้เวลาที่สั้นมากคือแค่ 9 ปี นับจากตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกเทศมนตรีเมืองเลนินกราดบ้านเกิดของเขาในปี 1991 จนกระทั่งสามารถคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีได้ในปี 2000 และคุมอำนาจเบ็ดเสร็จในรัสเซียตั้งแต่บัดนั้นถึงปัจจุบัน
ตอนที่ปูตินกลายเป็นผู้นำสูงสุดของรัสเซีย ปูตินมีอายุแค่ 48 ปีเท่านั้น
ปูตินเป็นผู้นำมหาอำนาจโลกที่ดำรงตำแหน่งลากยาวที่สุดในศตวรรษที่ 21 (ถ้านับรวมช่วงที่เขาให้นอมินีนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเขาอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างปี 2008-2012)
ปูตินผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตที่ปูตินเคยรับใช้อย่างซื่อสัตย์ในฐานะสายลับของเคจีบีมาก่อน
ปูตินเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตตั้งแต่อายุ 24 ปีในปี 1976 เขาผ่านการฝึกอบรมเป็นสายลับอย่างเข้มข้นในแผนกต่อต้านจารกรรมที่เลนินกราด ก่อนถูกเคจีบีส่งไปทำงานจารชนเต็มตัวที่เยอรมันตะวันออกในปี 1985 ตอนนั้นปูตินเพิ่งมีอายุ 33 ปี
ตอนที่ปูตินทำงานเป็นจารชนในเยอรมันตะวันออกในฐานะตัวประสานข้อมูล ทำให้ปูตินรู้จักคนมากมาย ปูตินเป็นเคจีบีแนวหน้าเพียงไม่กี่คนที่รู้ล่วงหน้าว่ากำแพงเบอร์ลินกำลังจะล่มสลาย
ปูตินพยายามส่งข่าวไปที่มอสโคว์เพื่อขอกำลังทหารสนับสนุน แต่มอสโคว์กลับเงียบเฉย
วันที่ปูตินเห็นกำแพงเบอร์ลินล่มสลายตรงหน้า ปูตินก่นด่าพวกผู้ใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตว่าคนพวกนี้ทรยศต่อประชาชน และพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตหักหลังประเทศรัสเซีย
ตอนที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 ปูตินเพิ่งมีอายุแค่ 39 ปีเท่านั้น ปูตินตั้งปณิธานกับตนเองว่าเขาจะต้องฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ในอดีตของจักรวรรดิรัสเซียกลับคืนมาให้จงได้
ด้วยเหตุนี้ปูตินจึงผันตัวไปเป็นนักการเมือง ท่ามกลางซากแห่งความล่มสลายของสหภาพโซเวียต ปูตินเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของ Anatoly Sobchak อดีตอาจารย์มหาลัยของปูตินที่ลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองเลนินกราด โดยปูตินได้ใช้ทักษะความรู้เกี่ยวกับเครือข่ายสายลับของเขา ช่วยในการหาเสียงจนอาจารย์ของเขาสามารถชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีได้
การเล่นการเมืองต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก นี่คือความจริงที่ขมขื่น
หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียดูขาดแคลนทุกอย่างที่ควรจะมี ปูตินจึงใช้เครือข่ายสายลับที่อยู่ในภาคธุรกิจของยุโรปตะวันออกในการนำเข้าสินค้าต่างๆจากตลาดมืดส่งให้กับเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (ชื่อเดิมของเลนินกราด)
ปูตินได้เงินจากตลาดมืดนี้เป็นจำนวนมหาศาล จนปูตินมีทุนสนับสนุนมากพอที่จะโดดเข้าร่วมชิงแผ่นดินรัสเซีย
ระบบราชการของรัสเซียเน่าเฟะมากหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แต่ปูตินกลับรู้จักใช้ประโยชน์จากเครือข่ายมาเฟีย เพื่อสร้างขุมกำลังให้กับตัวเอง
เมื่อปูตินเริ่มมีอำนาจทางการเมืองหลังจากที่ปูตินได้ตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก งานแรกที่ปูตินลงมือทำก่อนเพื่อน คือ จัดความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับกลุ่มมาเฟียเสียใหม่ โดยที่ทางการต้องสยบกลุ่มมาเฟียให้อยู่ใต้อำนาจของทางการที่มีปูตินเป็นตัวแทน
"ถ้ามันฆ่าเจ้าหน้าที่เราหนึ่งคน พวกมันต้องตายสิบคน ... ถ้าเราถูกพวกมันโจมตี เราต้องโต้ตอบอย่างรวดเร็วและเหี้ยมกว่า" (ปูติน)
ผลงานสยบมาเฟียในช่วงนั้นของปูติน ปรากฏว่าเข้าตาประธานาธิบดีเยลซินและกลุ่มสามมหาเศรษฐี "The Family" (Gusinsky, Berezovsky และ Abramovich) ที่คุมสื่อหลักกับธุรกิจน้ำมันและทรัพยากรต่างๆของรัสเซีย
ปี 1996 เยลซิน และ The family เห็นต้องกันที่จะยกตำแหน่ง ผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงกลาง หรือ FSB (Federal security service) ให้ปูตินรับผิดชอบ หน่วยงาน FSB นี้มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบประจำการ 66,200 นาย ซึ่งรวมทั้งกองกำลังพิเศษ 4,000 นาย
แถมหน่วยงานนี้ยังจ้างการ์ดพิทักษ์ชายแดนจำนวนสองแสนนายด้วย
ปูตินกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่ค้ำบัลลังก์ให้ประธานาธิบดีเยลซินแล้ว
ปี 1998 เศรษฐกิจรัสเซียล่มสลาย ประชาชนออกมาเดินขบวนประท้วงในท้องถนน ประธานาธิบดีเยลซินจำต้องหาแพะ โดยโทษสาเหตุไปที่การคอรัปชันที่กัดกินประเทศของบิ๊ก Primakov หรือนายพล Yevgeny Primakov อดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็นอดีตหัวหน้า KGB และคอมมิวนิสต์สายเก่า
Primakov ไม่ยอมเป็นแพะ จึงไปขอความช่วยเหลือกับ Yury Skuratov หัวหน้าอัยการที่กำลังสืบสวนคดีฟอกเงินของเยลซิน ทำให้เยลซินหวั่นเกรง Skuratov อยู่ไม่น้อย เยลซินเลยเรียกปูติน ไปถามว่า
"แกพอจะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?"
ปูตินพูดสั้นๆแค่ว่า
"ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจัดการให้นายเอง"
......
17 มีนาคม 1999 Skuratov ศัตรูทางการเมืองของเยลซินถูกลอบถ่ายวีดีโอขณะกำลังร่วมประเวณีกับโสเภณี 2 คน และถูกบีบให้ลาออก ทำให้สามารถป้องกันการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของบิ๊ก Primakov ได้
ปูตินผ่านการทดสอบแล้ว
ประธานาธิบดีเยลซินรู้แล้วว่า "ปูตินมันไว้ใจได้ .. หมอนี่มันพูดจริงทำจริง"
ปูตินจึงได้รับเลือกให้เป็นทายาททางการเมืองของเยลซิน เพื่อที่เยลซินจะได้ลงจากหลังเสืออย่างวางใจ
เยลซินออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวและให้ปูตินเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ในปี 1999
ตอนนั้นทั่วแผ่นดินเต็มไปด้วยคำถามว่า "ปูตินคือใคร?"
3 สัปดาห์หลังปูตินเข้ารับตำแหน่ง เกิดเหตุระเบิดก่อการร้ายกลางกรุงมอสโคว์หลายแห่ง มีผู้เสียชีวิตไปคน 300 คน จับผู้ต้องสงสัยเป็นพวกเชเชนได้ 2 คน ประชาชนรัสเซียโกรธแค้น
ปูตินถือเป็นโอกาสทองประกาศทำสงครามกับเชชเนีย
ปูตินพูดออกทีวีว่า
"ไอ้คนที่ทำแบบนี้ไม่ควรถูกเรียกว่าคน มันเป็นแค่พวกสัตว์ป่าบ้าเลือด เราจะตามล่าพวกมัน ไม่ว่ามันจะอยู่ตลาด สนามบิน หรือบ้านเน่าๆของมัน"
ปูตินกลายเป็นขวัญใจของประชาชนรัสเซียทั้งประเทศทันที
ปูตินสั่งถล่มเชชเนีย ด้วยปืนใหญ่อย่างหนัก กร็อซนีย์เมืองหลวงเชชเนียราบเป็นหน้ากลอง รัสเซียยึดกร๊อซนีย์ได้ ปูตินได้เป็น วีรบุรุษสงคราม
ปี 2000 เยลซินลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แล้วให้ปูตินรับช่วงต่ออย่างเป็นทางการ
.......
หลังจากที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี สิ่งแรกที่ปูตินทำคือขยายใช้ "โมเดลสยบมาเฟีย" ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามตอนปูตินบริหารเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ในระดับประเทศ
รัฐบาลและหน่วยข่าวกรองของรัสเซียภายใต้การนำของปูตินได้ใช้พวกนายใหญ่ของกลุ่มมาเฟียต่างๆทำงานสกปรกให้ ซึ่งรวมถึงการลักลอบค้าอาวุธสงครามด้วย
การที่หน่วยสืบราชการลับของทำเนียบเครมลิน มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับองค์กรอาชญากรรม ทำให้รัสเซียกลายเป็น "รัฐมาเฟีย" อย่างแท้จริง
พวกแก๊งอาชญากรต่างได้รับการคุ้มครองอย่างลับๆ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะองค์ประกอบหนึ่งในโครงสร้างของรัฐรัสเซีย
นี่คือที่มาของ "ระบอบปูติน" ในปัจจุบัน ซึ่งทรงพลังไม่แพ้ "ระบอบสตาลิน" ในสมัยสหภาพโซเวียตที่เป็นคอมมิวนิสต์ แต่คราวนี้ระบอบปูตินคือระบอบอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จที่มุ่งทะยานขึ้นเป็นจักรวรรดิรัสเซียในศตวรรษที่ 21 เท่านั้น
ยุทธศาสตร์ของระบอบปูติน คือการใช้กลุ่มอาชญากรรมทำอะไรก็ได้ที่รัฐบาลไม่สามารถทำได้
.......
ทัศนะเรื่องความชอบธรรมการใช้กำลังของรัสเซียแตกต่างจากโลกตะวันตกเป็นอย่างมาก
เมื่อมีนักข่าวถามปูตินว่า
“ประเทศดีๆหรือคนดีๆ ที่ไหนจะประกาศสงคราม”
ปูตินกลับตอบว่า
“ทำไมคุณคิดว่าการเป็นคนดีหมายถึงการห้ามใช้กำลัง ความดีหมายถึงความสามารถในการปกป้องตัวเองต่างหาก”
การที่ปูตินตอบเช่นนี้เป็นเพราะตัวเขาไม่มองว่าการใช้กำลังเป็นเรื่องผิด แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้หากการใช้กำลังนั้นนำไปสู่สิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นการป้องกันตัว หรือความชอบธรรมทางประวัติศาสตร์
ปูตินจึงเป็นผู้นำมหาอำนาจโลกยุคปัจจุบันที่อ่านความคิดหรือเดาใจยากที่สุด แต่เราจำเป็นต้องอ่านความคิดของปูตินให้ทะลุ
เพราะชะตากรรมของโลกและการเกิดสงครามโลกอยู่ที่การตัดสินใจของปูตินล้วนๆ
......
งานหลักทางการเมืองระบอบปูติน คือการสร้างภาพลักษณ์จำแลงของรัสเซียขึ้นมาในความรู้สึกนึกคิดของชาวรัสเซียในประเทศและผู้คนนอกรัสเซียทั่วโลก
การโฆษณาชวนเชื่อและสร้างข่าวปลอมเพื่อให้ผู้คนหลงเชื่อในภาพลักษณ์ที่จำแลง คือสนามรบทางการเมืองที่เข้มข้นที่สุดในยุคดาต้านิยม (dataism) อย่างในยุคปัจจุบัน
เพราะมันเซาะไชเข้ามาในอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนผ่านจอมือถือ ผ่านทวิตเตอร์และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ
ข้อมูลและข่าวปลอมคืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดในยุคนี้
โดยทำให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นยักษ์มาร (demonization) หรือไม่ก็ด้อยค่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามดูกระจอกสิ้นดี (minimisation)
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับรัสเซียคือการพีอาร์หรือไอโอจากทุกฝ่าย
สงครามโลกยุคนี้มันเริ่มขึ้นจากสงครามเย็นผ่านสมรภูมิไอโอระดับโลก
ความได้เปรียบในสงครามนี้ของระบอบปูติน อยู่ที่การคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
สุวินัย ภรณวลัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักวิชาการ' ยกรายงานสศช.ชี้คนหลายสิบล้านที่เสพสื่ออินฟลู 2 ล้านคนคือเหยื่อที่ถูกล่า

ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ผลกระทบของ "อินฟลูเอนเซอร์" 2 ล้านคนที่มีต่อสังคมไทย มีเนื้อหาดังนี้

แม่ของ ‘อเล็กเซ นาวาลนี’ ประณามแรงกดดันจากทางการรัสเซีย

หลังจากรอคอยมาหลายวัน แม่ของอเล็กเซ นาวาลนี-นักวิจารณ์เครมลิน ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของรัสเซีย มีรายงานว่าเธอได้รับอนุญาตให้เข้าถึ