จวก ศธ.ละเมิดสิทธิการศึกษาพระ-เณร ออกระเบียบปิดกั้นนักบวชไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎร แม้แต่รหัส G ก็ไม่ยอมออกให้ ชี้สร้างบาปทำลายการสืบทอดพุทธศาสนา เจ้าอาวาสเผยต้องแบกภาระหารายได้ส่งเสียสามเณรกำพร้าเรียนหนังสือ
29 ก.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่พบว่าการศึกษาของสามเณรโดยเฉพาะสามเณรไร้รัฐไร้สัญชาติจำนวนมากประสบปัญหาเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ไม่ออกรหัส G สำหรับสามเณรที่ไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎรแตกต่างจากเด็กนักเรียนในระบบการศึกษาที่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนไม่มีเอกสารใดๆ สามารถขอรหัสตัว G และได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาล
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่าปัจจุบันสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยสมัยก่อนคนอยากอ่านออกเขียนได้ต้องบวชเรียนโดยมีวัดเป็นแหล่งเรียนรู้ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ให้วัดพัฒนาสอนคนภายนอกด้วย เราจึงเกิดโรงเรียนวัดเกิดขึ้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามต่อมาการเรียนของสงฆ์ถูกกันออกโดยพระเณรต้องไปเรียนทางธรรม ไม่ให้เรียนทางโลก
นายสุรพงษ์กล่าวว่า แม้กรมศาสนาสังกัดกระทรวงศึกษา การเรียนของพระเณรกลับไม่ถือว่าอยู่ในระบบการศึกษาปกติ ทำให้คนบวชน้อยลงและหันไปเรียนหนังสือในระบบปกติมากขึ้น แต่มีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาส ยังคงใช้ช่องนี้ในการดำรงชีวิตและเรียนหนังสือ โดยพวกเขาคาดหวังว่าจะได้เล่าเรียนเหมือนคนอื่น แต่ปรากฎว่ากระทรวงศึกษาธิการกลับไม่ยอมรับ ขณะที่โรงเรียนวัดบางส่วนได้พัฒนาเอาระบบเอกชนเข้าใช้ กลายเป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลโดยมีวัดสนับสนุนรายได้ แต่แทนที่รัฐจะสนับสนุน กลับไม่ดำเนินการช่วยเหลือ ทำให้โรงเรียนเหล่านี้ไม่สามารถเก็บค่าเล่าเรียนได้และรัฐก็ไม่สนับสนุนงบประมาณ
“ แม้การศึกษาปกติมีระเบียบออกรหัส G เพื่อสนับสนุนเด็กที่ไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎรได้เรียนหนังสือ แต่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) ระบุว่าไม่ให้กับเด็กที่ไม่มีเลข 13 หลักซึ่งขัดกับกฎหมาย ทำให้พระและสามเณรต้องลำบาก ยังไปออกเป็นระเบียบไว้เลย กลายเป็นปัญหาของสังคมไทย คือวัดเป็นแหล่งให้ความรู้มาโดยตลอด และควรได้รับการสนับสนุน แต่วันนี้กลับไม่ได้รับการส่งเสริมเลย” นายสุรพงษ์ กล่าว
ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวว่า การแก้ไขปัญหานี้คือ 1 สช.ต้องยกเลิกระเบียนที่ให้สนับสนุนเฉพาะเด็กที่มีเลข 13 หลักและออกรหัส G ให้มีการสนับสนุนสามเณรและพระที่ไม่มีเอกสาร ขณะเดียวกันรัฐไทยต้องเข้าใจด้วยว่าการเรียนรู้เท่าทันทางโลกมีความสำคัญยิ่งสำหรับนักบวช เช่น ความรู้คอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงต้องเปิดโอกาสให้สามเณรและพระสงฆ์ให้เรียนในระบบปกติได้
“สังคมไทยมีศาสนาพุทธเป็นหลัก แต่เรากลับไม่ยอมให้พระสงฆ์และสามเณรได้เข้าสิทธิด้านการศึกษาเหมือนคนปกติ ขนาดพระขึ้นรถโดยสาร เรายังไม่เก็บค่าโดยสารเลย แต่ทำไมพอเป็นเรื่องเรียนกลับไม่สนับสนุนให้พวกท่านได้เรียน ทำไมถึงต้องไปตัดสิทธิของพวกท่าน แทนที่จะเอื้อมากกว่าคนปกติ หรือกรณีที่ท่านมีสถานศึกษาอยู่แล้วก็ควรเทียบวุฒิในระบบได้ ในพรบ.การศึกษาแห่งชาติต้องการให้ทุกคนได้เรียนหนังสือ แต่กลับจำกัดสิทธิพระเณร ถือว่าเป็นการสร้างบาปยิ่ง” นายสุรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวชายขอบได้ลงพื้นที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และสัมภาษณ์สามเณรชาญ(นามสมมุติ) วัย 10 ขวบ ซึ่งไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎร โดยสามเณรชาญเปิดเผยว่า ตนเป็นชาวไทใหญ่เดินทางมาจากรัฐฉาน ประเทศพม่าเมื่อ 4 เดือนก่อน โดยได้บรรพชาที่วัดในรัฐฉานและจำพรรษาเป็นเวลา 2 พรรษา แต่ต่อมาต้องหลบหนีการสู้รบในหมู่บ้านเพราะถูกทหารพม่าทิ้งระเบิด ทำให้โยมพ่อโยมแม่ต้องอพยพหนีเข้ามาในไทย และตนเองมาจำวัดอยู่ในเชียงใหม่
“ปัจจุบันเข้าเรียนโรงเรียนบาลีแห่งหนึ่ง ไปโรงเรียนแค่ 2 วัน คือวันจันทร์และวันอังคาร ต้องนั่งรถเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจากวัดไปเรียนหนังสือในตัวอำเภอเมือง ได้เรียนวิชาสามัญทั่วไป ในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียนได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์ที่วัด ได้เจอโยมพ่อโยมแม่เดือนละครั้ง เพราะพวกเขาต้องไปทำงาน อนาคตหวังว่าจะได้บวชเรียนต่อไป และไม่ต้องการลาสิกขา” สามเณรชาญกล่าว
ขณะที่พระอธิการสถิตย์ สิริวิชโย เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ปัจจุบันมีสามเณรไร้รัฐไร้สัญชาติที่อยู่ในความดูแลประมาณ 20 รูป โดยสามเณรเหล่านี้บรรพชาตั้งแต่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า แต่พวกเขาหนีสงครามตามญาติที่เคยอยู่อาศัยในวัดนี้ พระได้ให้การดูแลรับผิดชอบ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทางไปศึกษาเล่าเรียน โดยได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนในการบริจาคปัจจัย รวมทั้งญาติ ผู้ปกครอง ของสามเณรให้ความช่วยเหลือ แต่ปัจจุบันก็ไม่มีความเพียงพอ เนื่องจากภาระในการดูแลมีจำนวนมาก
พระอธิการสถิตย์กล่าวว่า ขณะนี้ได้นำสามเณรฝากเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนบาลีฯแห่งหนึ่งเป็นการชั่วคราว เนื่องไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร หากให้สามเณรที่มีอายุถึงเกณฑ์ประถมศึกษา 1-6 ก็ต้องลาสิกขาเพื่อเข้าเรียนตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่รับเฉพาะเด็กหญิง-ชาย เพื่อให้สามารถเข้าเรียนได้ตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
“พวกเขาไม่มีผู้ปกครอง รับอุปการะไว้ 1-2 เดือนจะมีญาติมาเยี่ยม สามเณรบางรูปเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่หย่าร้าง ปัจจุบันต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่ได้รับการศึกษาเท่ากับบุคคลทั่วไป พระต้องเป็นผู้ให้ความดูแลรับผิดชอบแบกรับค่าใช้จ่าย เราไม่สามารถทิ้งพวกเขาได้” เจ้าอาวาสวัดหนองบัว กล่าว
ขณะที่พระวิสิทธิ์ ฐิตวิสิทฺโธ (วงใส) ผู้ช่วยศาตราจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสามเณรตกหล่นจากระบบการศึกษา เนื่องจาก สพฐ. รับนักเรียนเฉพาะเด็กหญิง-ชาย แต่ทางเลือกอื่นคือโรงเรียนพระปริยธรรมศึกษาก็รับเฉพาะมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ซึ่งไม่ว่านักบวชหรือเถรวาททุกควรควรมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน
พระวิสิทธิ์กล่าวว่า หากให้สามเณรลาสิขาเพื่อให้ได้เข้าเรียนตามกฎระเบียบของกระทรวงการศึกษาธิการ จะส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาคือ 1.ความมั่นคงในพระพุทธศาสนาที่เป็นสาธารณะทายาท ซึ่งกลไกของนักบวชคือ หากเรามีความเชื่อมั่นในการบวชเพื่อศึกษาก็สามารถที่จะพัฒนานักบวชเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยให้เป็นผู้นำทางสังคมที่ดีได้ และเป็นบุคลากรที่สำคัญมีคุณภาพในฐานะพระสงฆ์ 2. ความมั่นคงทางรัฐ แน่นอนถ้าหากพวกเขาเข้ามาเป็นนักบวชแต่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ก็ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ พวกเขาจะสามารถทำงานที่มีประสิทธิภาพให้กับสังคมได้อย่างไร ถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้พวกเขาจะสามารถพัฒนาในพื้นที่หรือสังคมที่เขาอยู่ได้อย่างแน่นอน ช่วยดูแลเป็นที่พึ่งทางใจให้กับญาติโยมในอนาคตต่อไป
“ปัจจุบันนี้นักบวชเริ่มลดน้อยลง ในขณะที่วัดวาอารามกลับเพิ่มขึ้นไร้ผู้ดูแล หากไม่มีพระหรือสามเณรที่มีความรู้ความสามารถ ก็คงไม่มีใครเข้ามาดูแลพื้นที่แห่งนี้ในอนาคต มีความคาดหวังให้โรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้เปิดการเรียนการสอนเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาได้ เพื่อให้นักบวชมีพื้นที่ในการจัดการดูแลตนเอง และให้เติบโตและพัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นสมณะที่ดีงาม” อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดพระราชทาน สัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระราชาคณะ 23 รูป
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์
กสม. ประณาม 'ทักษิณ' ปราศรัยเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน ย้ำไทยอยู่ภายใต้ CERD
กสม.ซัด 'ทักษิณ' จ้อเหยียดเชื้อชาติคนแอฟริกัน อบรมคนมีอิทธิพลทางสังคมไม่ควรทำ หวั่นโดนขยายความรุนแรง ซ้ำรอยความสูญเสียในอดีต
'ชูศักดิ์' สั่งสำนักพุทธฯ ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ มีมาตรการป้องกันทำลายพระพุทธศาสนา
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีปัญหาพระออกมาเรี่ยรายเงินจะประสานพศ.แก้ปัญหาอย่างไรว่า
'ไพศาล' วอนหยุดทำลายท่าน ว.วชิรเมธี ได้แล้ว ชี้ใส่ร้ายพระสงฆ์เป็นบาปหนักถึงขั้นตายโหง
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า พอได้แล้วโยม การเบียดเบียนทำร้ายพระสงฆ์เป็นบาปหนัก
รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ยันไม่มีพระสงฆ์ในปกครองร่วมลงทุนแชร์แครอท
พระราชพัฒนวัชรบัณฑิต,รศ.ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น เจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง รองอธิการบดีฯวิทยาเขตขอนแก่น เปิดเผยว่า กรณีที่มีพระสงฆ์ 2 รูป ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ขับเคลื่อนแอป "เณรกล้า โภชนาดี" แก้ปัญหาทุพโภชนาการ...สามเณร
พระสงฆ์และสามเณร เป็นประชากรกลุ่มหนึ่งที่มีแนวโน้มมีปัญหาสุขภาพมากขึ้น โดยพบว่าปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคของพระสงฆ์ คือภาวะไขมันในเลือดสูง