คติธรรม .. จากเรื่องหมอปลา .. กรณีหลวงปู่แสง!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาสัปดาห์วิสาขบูชาโลก ระหว่าง ๑๑-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ มีเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตที่ควรแก่การยินดีและนำมาบอกกล่าวเล่าเรื่องให้สาธุชนได้รับทราบ เพื่อร่วมอนุโมทนา

แต่ก่อนที่จะนำไปสู่การแจกแจงเรื่องนั้นๆ .. ต้องขอวกมาสู่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง.. แต่กลับมาเป็นเรื่องใหญ่โต.. ดังที่มีผู้ถามว่า.. “พระอาจารย์มีความรู้สึกอย่างไร.. กรณี หมอปลาเข้าไปรบกวนหลวงปู่แสง!!”

จริงๆ แล้ว.. คงไม่ต้องเอ่ยวิพากษ์ใดๆ ถึงเรื่อง หมอปลา กรณีหลวงปู่แสง.. ด้วยทราบว่า หลวงปู่ให้อภัยหมอปลาและคณะไปเรียบร้อยแล้ว อันเป็นไปตามวิสัยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา.. ที่มั่นคงในพระธรรมวินัย.. เคารพในพระโอวาทปาฏิโมกข์ ได้แก่

..การไม่ทำร้าย ..การไม่กล่าวร้าย

..การสำรวมในศีลปาฏิโมกข์

..การขบฉันพอประมาณ

..การนอนนั่งในเสนาสนะที่เงียบสงัด .. เพื่อกระทำความเพียรประกอบจิตให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป

ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติของพระภิกษุที่ต้องดำเนินชีวิตไปตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ในฐานะพระสงฆ์สาวกในทุกกาลสมัย

เมื่อมาถึงปัจจุบัน สำหรับการใช้ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องรับรู้เรื่องราวต่างๆ นานาในกระแสโลกยุคไอที (เทคโนโลยีชั้นสูงในสมัยปัจจุบัน) คงต้องตั้งสติไว้เบื้องหน้าอยู่เสมอ เพื่อการกำหนดรู้.. เพื่อรู้เท่าทันในเรื่องราวนั้นๆ ที่จะแปรกลับมาเป็นอารมณ์ให้ประยุกต์กับจิต จนเกิดเป็นความคิด ที่ต้องนึกคิดไปตามเรื่องราวหรืออารมณ์นั้นๆ...

หากไม่รู้ทันการรับรู้.. จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องไหลความคิดไปตามกระแสโลกที่เร่าร้อนด้วยเพลิงกิเลสและมากไปด้วยความทุกข์

จึงไม่แปลกที่ชาวโลกในปัจจุบันสมัยต้องแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย มีข้อปฏิบัติ (ศีล) และความเห็น (ทิฏฐิ) ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสิน.. ว่าจะไปอยู่กลุ่มใด.. ประเภทใด!

นับเป็นเรื่องธรรมดาที่คนในสังคมยุคไอที.. จะเคลื่อนไหวเป็นไปด้วยอำนาจ โมหจิต ที่เชี่ยวกรากด้วยกระแสอวิชชา.. ในสายธารแห่งชีวิตที่เป็นไปตามโลกียวิสัย.. จึงให้สัตว์ทั้งหลาย เคารพ นับถือ ยึดมั่น.. ความรัก ความชัง เป็นใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง..

ความรัก .. ความชัง จึงแปรรูปพฤติจิตสู่ความเห็น (ทิฏฐิ) และข้อปฏิบัติ (ศีล).. ที่ดำเนินไปตามความรู้สึก พอใจ .. ไม่พอใจ เป็นลักษณะธรรม..

ในโลกยุคสมัยไอที.. จึงมีการแบ่งแยกหมู่ชนออกจากกันเป็นกลุ่มๆ .. ด้วยศีลและทิฏฐิดังที่กล่าวมา..

ใครชอบใจแบบไหน.. ใคร่ในสิ่งใด.. ประพฤติปฏิบัติอย่างไร.. มีความเห็นเป็นเช่นไร จึงเป็นหัวข้อที่ปรากฏ.. กลายเป็นคติของชีวิต.. ในหมู่ชนนั้นๆ...

ความถูก.. ความผิด.. จึงไม่ยุติลงด้วยธรรม.. แต่ด้วยเพราะความพึงใจ..ไม่พึงใจ ความถูกใจ..ไม่ถูกใจ ต่างหาก ที่เป็นจริง.. ในกระแสโลก ที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองเร่าร้อนเช่นนี้

ทุกเรื่องราวในโลกกระแสวัตถุนิยมมีอิทธิพลครองใจมนุษยชาติ จึงย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย.. ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทิฏฐิและศีลของบุคคล.. หมู่ชนนั้นๆ เป็นสำคัญ

เรื่องราวในโลกสมัยใหม่.. จึงอ่อนไหวแปรปรวนผกผัน.. เปลี่ยนแปลงได้ในทุกขณะ ที่สะท้อนความไม่จีรังยั่งยืนของสภาวธรรมทั้งหลายว่า.. เป็นอย่างนั้นจริงๆ .. อย่างทันตาเห็น!!

ดังที่กล่าว.. จึงไม่แปลก.. ที่จะมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แม้ในเรื่องเดียวกัน แม้จะมีเหตุผลสมบูรณ์ว่า ควรจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม...

การปฏิบัติใดๆ การกระทำใดๆ .. ในวิสัยโลกแบบนี้ จึงต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาทขั้นสูงสุด.. เพราะเหตุแห่งความอ่อนแอทางจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย ที่สูงมากกว่าแต่ก่อนมา.. มากยิ่งกว่า.. อย่างกับหนังคนละเรื่อง ยาคนละขวดกันเลยก็ว่าได้.. และยากที่จะแก้ไขในสันดานสัตว์ยุคสมัยนี้...

จึงเป็นธรรมดาใน กรณีของหมอปลาและคณะ และไม่ว่าจะเป็นใครๆ ก็ตาม ที่กระทำการต่างๆ โดยเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ได้รับทราบ จึงมีทั้งกระแสยินดี.. และกระแสต่อต้าน .. ที่นับเป็นเรื่องธรรมดา

การทำงานในวิถีโลกที่ผกผันวิปริตเช่นนี้.. ทุกคน.. ทุกคณะ.. จึงต้องมั่นคง แน่วแน่ มีอุดมการณ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรม.. ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ยึดหลักสัปปุริสธรรม ๗ ประกาศเป็น หลักบริหารชีวิต.. บริหารความคิด.. เพื่อความไม่คลาดจากธรรม..

หากประมาท มีข้อผิดพลาดแม้ครั้งเดียว จากการทำดีมาเป็นร้อยๆ ครั้ง.. ย่อมขาดทุนยับทั้งชีวิต. นี่เป็นความจริงที่ต้องใส่ใจใคร่ครวญพิจารณา...

ความมั่นคง.. แน่วแน่.. ไม่แปรผันกับเจตนาแห่งการทำความดีที่เป็นธรรม.. จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จึงมีคำกล่าวที่ว่า...

..อย่าได้ท้อ... แม้ท้อ.. อย่าได้ถอย..

แม้ถอย.. อย่าได้หนี..  แม้จะหนี อย่าได้หน่าย

แม้จะหน่าย อย่าได้ละทิ้ง.. การทำความดี.. ที่มีประโยชน์ เหมาะควรเป็นธรรม.. โดยเด็ดขาด!!

ปัญหาใดเกิด มีปรากฏแล้ว ก็ต้องแก้กันไป ด้วยธรรมวิธีที่ถูกต้อง..

ปัญหาใหม่ ต้องเฝ้าระวัง อย่าก่อให้เกิด...

เดินหน้าต่อไป.. ด้วยการปรับกระบวนการพัฒนาที่ถูกต้อง เป็นธรรม.. เพื่อทำงานที่มีคุณค่า มีคุณประโยชน์ ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

อาตมาจึงไม่ได้มองลงไปถึงตัวตนบุคคลนั้นๆ เพียงแต่พิจารณาลงไปหาเหตุปัจจัยของเรื่องราวนั้นๆ ต่างหาก.. ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร.. ..อะไรทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น..

ก็พบความจริงอันหนึ่งว่า.. อุปกิเลสนี้แหละเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้การทำงานของคนเรา แม้ตั้งใจทำความดี แต่หากขาดสติปัญญา ไปติดตาข่ายมารเข้า.. จนก่อเกิดความ  อหังการมมังการ.. อย่างแก่กล้าเกินแกง ก็สามารถก้าวพลาดไปจากธรรมได้..

..เรื่องของเรื่อง.. ที่ไม่เป็นเรื่องจึงเป็นเรื่อง

..เรื่องของเรื่อง.. ที่ควรเป็นเรื่อง.. กลับไม่เป็นเรื่อง

สุดท้าย จึงเสียท่ามารกันหมด.. ทั้งมารนอก.. มารใน..

เมื่อสวมหัวใจมาร.. เพื่อไล่จับมาร.. จึงเกิดภาวะฉ้อฉลขึ้นทันที... เพราะเสียรู้มาร.. ให้สำคัญผิดในธรรม.. จนวิปริตผิดแผกไปจากธรรม ไปสู่ความเป็นอธรรมโดยไม่รู้ตัว...

..โดยไม่รู้ตัวตนในความเป็นอธรรมเลย.. มิหนำซ้ำ อาจจะเกิดโมหะหนัก ให้คาดคิดนึกเดาเอาว่า ตนเองเป็นธรรม.. ทั้งๆ ที่มีพฤติกรรมเสียสมดุลไปจากธรรมแล้ว...

ความปั่นป่วนจึงเกิดขึ้นในสังคม.. ด้วยความคิดวิปริตที่ผิดไปจากธรรม อันเกิดจาก มิจฉาทิฏฐิ.. ตัวการแท้จริง ที่ต้องจับมาคุมขังเข้าเครื่องประหาร.. ทำลายให้สูญสิ้นไป .. มิใช่บุคคลตัวตนที่ไหน

จึงอย่าได้หลงเข้าไปทำตัวเป็นมาร.. กันมากนัก... มิฉะนั้น สังคม ประเทศชาติ จะบรรลัย.. ลุกลามไปจนถึงพระพุทธศาสนา.... ที่จะตั้งอยู่ ทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ หากสัตว์โลกมีทิฏฐิ.. และศีลเป็นเช่นนี้

พระพุทธพจน์ที่ว่า....

..เราหยุดแล้ว แต่เธอยังไม่หยุด...

เราหยุดทำบาปแล้ว แต่เธอยังทำบาปอยู่...

พระสุรเสียงที่กังวานแว่วจากพระโอษฐ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นอมตธรรมที่ควรมนสิการด้วยความเคารพเสมอ ในจิตใจของผู้ใฝ่ธรรม.. ปรารถนาจะสร้างสันติธรรมในโลกนี้....

ในที่สุดแห่งทุกการกระทำ.. เมื่อถึงที่สุด จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์กรรมที่ให้ความเป็นธรรมในทุกกาลสมัย... จึงมิควรที่จะเก่งเกินกรรมกัน ไม่มีประโยชน์และยังเป็นโทษกับผู้กระทำ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง.. จึงควรจบลงตรงคำว่า อภัยทาน ในทุกเรื่องราว.. เพื่อหยุดยั้งกระแสมารมิให้เกิดขึ้นในวิถีจิตของเรา...

..การถอยออกมาคนละก้าว.. ให้แต่ละฝ่ายมีที่ยืน เพื่อการกลับตัวกลับใจ น่าจะเป็นสังคมวิถีพุทธ.. ที่แท้จริง...

..มิใช่การรุกราน.. ฝ่ายอ่อนแอ.. ที่พลาดพลั้ง.. จนไม่มีที่จะกลับเนื้อกลับตัว....

..คำโบราณที่ว่า.. อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก.. อย่าไล่ล่าจนศัตรูไม่มีทางหนี.. น่าจะเป็นศาสตร์พิชัยยุทธ์..ชั้นเยี่ยม..ของบัณฑิต.. ที่พึงเอาชนะด้วยการไม่คิดทำลายส่วนเดียว.. จนพลิกผันจากเทพกลายเป็นมารเสียเอง....

จึงขอให้กำลังใจกับผู้พลาดพลั้งทุกคน พึงใช้โอกาสที่สังคมอารยธรรมหยิบยื่นให้ เพื่อประโยชน์สูงสุดโดยธรรม.. แห่งการนำชีวิตของตนไปในเส้นทางที่ถูกต้อง พ้นโทษ ทุกข์ ภัย

พึงคำนึงเสมอว่า... ไม่มีใครไม่เคยผิด

แต่ไม่ควรติดอยู่กับคำว่าผิดอีกต่อไปต่างหาก.. จึงควร!!

ขอให้กำลังใจกับทุกคนที่ตั้งใจทำความดี แม้จะยังไม่รู้จักคำว่า ความดีที่แท้จริง หน้าตาเป็นอย่างไร!?.

 

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“มิจฉาธรรม .. ในอสัตบุรุษที่น่ากลัวยิ่ง”

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา สงกรานต์ร้อนที่เข้าสู่จุลศักราช ๑๓๘๖ เถลิงศกตรงกับ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ นับว่าร้อนแล้ง ตรงกับคำพยากรณ์ที่พร้อมเกิดพายุร้อนได้ในทุกพื้นที่ เป็นการแสดงสภาวะผันผวนที่เนื่องมาจากวิกฤตร้อนของโลก (Climate Change) ที่หลายฝ่ายเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า มนุษยชาติจะผ่านวิกฤตโลกร้อนไปได้หรือไม่..

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่อากาศร้อนจัด จนเข้าสู่วิกฤตการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของประเทศ

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า.. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในภาวะที่เข้าสู่วิกฤตการณ์โลกร้อน.. ด้วยภาวะการเปลี่ยนแปลงแบบผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติปกติ (Climate Change) อันเป็นผลจากการกระทำของมนุษยชาติ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม จึงได้ถือโอกาสคิดทำโครงการนำพระคืนสู่ป่า.. เพื่อศึกษาวงจรธรรมชาติของชีวิตที่เนื่องกับสิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ที่เกาะเกี่ยวเนื่องกันอย่างมีความสมดุล (Nature Cycle in Balance)

ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...

คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

บูชาพระโอวาทปาติโมกข์ .. ณ เวฬุวันมหาวิหาร ปี พ.ศ.๒๕๖๗

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมาจาก งานมาฆบูชาโลก ที่เวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พร้อมกับติดเชื้อเป็นของแถม ด้วยมีไวรัสแพร่ระบาดในหมู่คณะที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสติดตามไปร่วมร้อยชีวิต