ความยุติธรรมที่ผุพัง-เน่าเฟอะ กับสังคมป่วยไข้ที่กำลังเปลี่ยนผ่าน!!!

กระบวนการความยุติธรรมที่ผุพัง-บิดเบี้ยว-พิกลพิการในบางสังคมเกิดขึ้นจากการสั่งสมในสิ่งแวดล้อมด้านลบและการปรับตัวไม่ทัน แต่สำหรับบางกลุ่มสังคมเกิดจาก “เนื้อในตน” ที่เรียกว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” ซึ่งสภาพสนิมเนื้อในตนนี้ที่หากผสานเข้ากับสังคมหน้าไหว้-หลังหลอก-สังคมอุปถัมภ์ที่อ่อนแอเปราะบาง ความผุพังจากเนื้อสนิมเนื้อในตนของกระบวนระบบยุติธรรมก็จะผุพัง เน่าเฟอะจนเห็นได้ชัด!

วันนี้โลกใบเก่าที่เคยมีช่องทางการสื่อสารจำกัด-แค่ผ่านสื่อคำบอกเล่าบุคคล หนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ที่จำกัดช่อง ที่เคยเป็นมา วันนี้เปลี่ยนสู่โลกใบใหม่ที่มีการสื่อสารออนไลน์-ไร้ขีดจำกัด ไร้พรมแดน ไร้กาลเวลา ไม่อยู่ใต้กรอบการกดทับของชนชั้น เชื้อชาติ สีผิว เพศสภาพ หรือการปกครองของรัฐชาติอีกต่อไป! สื่อออนไลน์เชื่อมถึงกันได้อย่างไร้ขีดจำกัด มันจึงเผยให้เห็นความผุพังป่นปี้ของกระบวนระบบความยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้งทุกเมื่อเชื่อวันในคลื่นการสื่อสารของโลกวันนี้!

กระบวนระบบที่เรียกว่า “ความยุติธรรม” ถูกเผยให้เห็นสายธารที่เน่าเฟอะตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-จนถึงปลายน้ำทีเดียว! มันตอกย้ำคำเล่าลือที่ว่า ระบบยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมายนั้น มีไว้ใช้กับคนจน-คนไม่มีพวกอย่างชัดเจนยิ่ง!!! การจัดการความผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นของผู้คนในบ้านเมืองที่ท่องบ่นกันว่าเป็น “ระบบกล่าวหา” นั้น ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนจน-คนทั่วไป-คนไม่รู้- คนไม่มีพวกพ้อง! มันจะกลืนกลายเป็นระบบปรักปรำ-ให้ร้ายป้ายสี มากกว่าเป็นระบบกล่าวหา!

ผู้คนที่ไม่รู้กฎหมาย-ไม่เท่าทันในความซับซ้อนของกระบวนระบบยุติธรรมจะถูกตราหน้า-ถูกกำกับให้เดินไปในมุมอับ-จนถึงจุดสูญสิ้นอิสรภาพ! นี่คือสภาพความเป็นจริงที่กดทับ-ปิดกั้น-กดดันผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมที่หลุดเข้าไปอยู่ในหลืบหลุมการถูกกล่าวหาจากกระบวนการไม่ยุติธรรม-ที่เรียกว่ากระบวนการยุติธรรม!

ขณะที่ในมุมกลับ หากคนมีเงิน-อำนาจ-พวกพ้อง สร้างอาชญากรรมขึ้นกับผู้คนและสังคม คนกลุ่มนี้กลับได้รับการดูแลจากโครงข่ายที่โยงใยถึงกันเกือบทุกระดับ การกล่าวหาที่เกิดจากอาชญากรรมที่ตัวเองสร้างทำจะได้รับการปกป้อง-ชี้แจง-ลดทอน-ฟอกชำระ เพื่อให้หลุดออกจากบ่วงหลุมของความชั่ว-ความเลว ความเคลื่อนไหวในกระบวนระบบแบบไม่ยุติธรรม-ที่ถูกชี้เรียกว่าความยุติธรรมนี้เอง มันเป็นมูลฐานเบื้องหลังความผุพัง-บิดเบี้ยว-เน่าเฟอะของกระบวนการยุติธรรม ที่วันนี้ผู้คนได้รับรู้และสัมผัสจับต้องได้! ค่าใช้จ่ายในความฉ้อฉล-คอร์รัปชัน-ซื้อขายในอุตสาหกรรมความไม่ยุติธรรมในสังคมบ้านเมืองที่เกิดขึ้นนี้ ผู้คนเรียกมันว่า “ราคาของความยุติธรรม!” เพื่อทำให้ความโสมมความเน่าเฟะของกระบวนการความไม่ยุติธรรมที่ทำกันนั้นดูเบาลงในสายตาและความคิดของผู้คนในสังคม

แต่จริงๆ แล้วมันคือความเลวร้ายคอร์รัปชัน โกงกิน ทำลายล้างกระบวนระบบการจัดการความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สินของผู้คนและสังคม มันสร้างความผุกร่อน-เน่าเฟอะ ทำลายระบบความยุติธรรมอย่างรุนแรง!

ข่าวสารยุคใหม่และสื่อออนไลน์วันนี้เผยให้เห็นตัวตนที่พิกลพิการ-อุบาทว์ของกลุ่มสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ให้เห็นสภาพผุพัง-เน่าเฟอะ จนรับรู้กันอย่างกว้างขวางชัดเจนขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ด่านความยุติธรรมแรกที่ระบบตำรวจ-ต้นทางของความยุติธรรม ข่าวสารที่เชื่อมถึงกันทั้งโลก-ทุกสังคมชุมชน-ทุกเพศวัย ทำให้วันนี้ตำรวจกลายเป็นกลุ่มงานที่สังคมไม่ไว้วางใจ รังเกียจ ไม่มีใครอยากไปสัมผัสใกล้ชิดให้แปดเปื้อนตัวด้วย!      คนบางกลุ่มในสังคมถึงกับตั้งเครือข่ายเชื่อมโยงส่งข่าวสารถึงกัน เปิดตัวออกมาต่อสู้-ต่อต้านความเน่าเฟะ-การรีดไถ-ความหื่นอำนาจ ที่มีความพิกลพิการเน่าเละฝังอยู่ในระบบ! จนทำให้ตำรวจน้ำดีที่มีอยู่ไม่น้อยได้รับผลกระทบด้านลบไปด้วยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้!

กลุ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมส่วนอื่นๆ ที่ตั้งกันขึ้นมาใหม่ๆ เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอสไอ ป.ป.ช ปปง. หรือหน่วยอื่นๆ ที่มีภารกิจปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับระบบกฎหมายและการอำนวยความยุติธรรม ต่างกลายเป็นตัวตลก-ตัวประหลาดสำหรับสังคมวันนี้ไปแล้ว เป็นหน่วยงานที่ผู้คนมองว่าไม่น่าไว้วางใจมากขึ้นทุกขณะ เป็นผลมาจากการสื่อสารรับรู้ของผู้คนในโลกยุคสื่อสังคมออนไลน์ที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงข่าวสารได้อย่างไม่จำกัดสถานที่ กาลเวลา และชนชั้น!

กระแสข่าวที่ปรากฏขึ้นในสังคมหลายกรณีต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่การเข้าไปจัดการกลุ่มจีนเทาของฝูงผู้พิทักษ์ความยุติธรรมทั้งหลาย การจัดการกับโครงข่ายพนันออนไลน์ การจัดการกับกลุ่มค้ายาเสพติด- ค้ามนุษย์ การแต่งตั้งโยกย้ายของคนทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมทั้งหลาย การใช้พวกพ้อง-อิทธิพล-เงินเข้าช่วยคนผิด การตั้งกรรมการสอบสวนกรณีสั่งไม่ฟ้องหลายคดีของสำนักงานอัยการ การเปลี่ยนหรือสั่งถอนหมายจับของวงตุลาการ หรือหลายกรณีในการปะทะกันของผู้มีอำนาจต่างหน่วยงาน การยื้อ-ดึงคดี จนถึงตรงกันข้ามในการเร่งลงโทษบางคน-บางกรณี-บางคดี ฯลฯ ภาพเหล่านี้ได้โผล่ออกมาขยี้ชี้ให้เห็นความไม่ยุติธรรม! เปิดความเน่าเฟอะ-ผุกร่อน-น่ารังเกียจของกระบวนการที่เรียกว่าความยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน!

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณ พันตำรวจโทมานะพงษ์ วงศ์วิวัฒน์ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากความผุกร่อน-ฉ้อฉลของกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก ที่กรณีของท่านได้ตอกย้ำให้ผู้คนและสังคมรู้เช่นเห็นชาติความเลวร้ายที่ไร้ความยุติธรรม ที่มันปิดบังอำพรางตัวในชื่อ “กระบวนการยุติธรรม” มายาวนาน!!!.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...

คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

บูชาพระโอวาทปาติโมกข์ .. ณ เวฬุวันมหาวิหาร ปี พ.ศ.๒๕๖๗

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมาจาก งานมาฆบูชาโลก ที่เวฬุวันมหาวิหาร พระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ พร้อมกับติดเชื้อเป็นของแถม ด้วยมีไวรัสแพร่ระบาดในหมู่คณะที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสติดตามไปร่วมร้อยชีวิต

บนเส้นทางมหาปรินิพพาน “มัชฌิมาปฏิปทา สู่ อัปปมาทธรรม”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา.. บนเส้นทางมหาปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจฉิมสมัย มีปรากฏร่องรอยธรรมที่ควรศึกษาอย่างยิ่ง

มาฆบูชาโลก ณ เวฬุวันมหาวิหาร ชมพูทวีป (พ.ศ.๒๕๖๗)

เจริญพรศรัทธาสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาระหว่าง ๒๒-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งในชมพูทวีป บนแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา เนื่องใน วันมาฆบูชาโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็น “วันมาฆบูชาปูรณมี”

“มายาสาไถย..” ..ในสังคมปัจจุบัน!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ย่อมมีประโยชน์ ๓ ระดับ ได้แก่