เจริญพรสาธุชน ผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๗ เมษายน ๒๕๖๖ อาตมาได้รับนิมนต์จากคณะสงฆ์เกาหลีใต้ให้ไปเยี่ยมเยียน สนทนาธรรม และแสดงธรรม ณ วัดบงอึนซา (Bongeunsa Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีอายุกว่าหนึ่งพันสองร้อยปี ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาซูโดซาน ทางทิศใต้ของกรุงโซล
เดิมมีชื่อว่า “วัดคยองซองซา” สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิลลา ต่อมาได้รับการบูรณะและเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดบงอึนซา” โดยถูกกำหนดให้เป็นวัดหลักของ นิกายเซน (Zen) ที่ชาวเกาหลีออกเสียงเรียกว่า ซอล (Seon).. จึงได้เห็นสภาพวัดที่ยังคงลักษณะความเป็นพุทธศาสนาแบบเซน (Zen) ที่สงบ ร่มรื่น ซึ่งมีการจัดให้มีการสอนการปฏิบัติสมาธิแบบเซนเป็นปกติในวัดแห่งนี้
ในปีนี้ วัดบงอึนซาได้กำหนดนิมนต์พระเถระเกาหลีใต้จำนวน ๑๐๐ รูป มาแสดงพระธรรมเทศนา ๑๐๐ กัณฑ์ ให้ครบภายใน ๓ ปี ซึ่งอาตมาเป็นพระต่างชาติและเป็นพระภิกษุเถรวาท รูปแรก รูปเดียว ในจำนวน ๑๐๐ รูป ที่ได้มาแสดงธรรมนำสู่การอบรมจิตภาวนาตามหลัก วิปัสสนากรรมฐาน (สติปัฏฐาน ๔) ในงานเทศนา ๑๐๐ กัณฑ์ครั้งนี้ ซึ่งได้แสดงไปเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ โดยในวันนั้น มีชาวเกาหลีใต้เข้ารับฟังพระธรรมเทศนาเต็มศาลาปฏิบัติธรรม ร่วมกับคณะชาวไทยทั้งจากสถานทูตไทยและชุมชนชาวไทยในกรุงโซล เกาหลีใต้ นำโดย นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล เกาหลีใต้ ที่มาเข้าร่วมใส่บาตร ฟังธรรม ตั้งแต่ยามเช้าของวันดังกล่าว (๒๓ เมษายน ๒๕๖๖)
จากการได้พบปะกับท่านเจ้าอาวาสวัดบงอึนซา ที่มาถวายการต้อนรับด้วยตนเองพร้อมคณะ จึงได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของพุทธศาสนาในเกาหลีใต้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการศึกษาประวัติพุทธศาสนามหายานในเกาหลีใต้ ที่เชื่อมโยงกับจีนและญี่ปุ่นในห้วงเวลา ๑,๓๐๐ กว่าปี นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และถึงแม้ว่าประเทศเกาหลีใต้จะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมาย แต่ก็มิได้ทำให้ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวเกาหลีใต้สูญสลายไปไม่.. มิหนำซ้ำยังกลับทำให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
วันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น. จึงได้เห็นภาพพระภิกษุและชาวพุทธในเกาหลีใต้ มาร่วมฟังธรรม ปฏิบัติธรรม กันจนล้น พระวิหารของวัดบงอึนซา.. ในหัวข้อบรรยายที่ชื่อว่า “การเจริญอานาปานสติ สู่สูญญตา แก่ชาวพุทธมหายาน.. เกาหลีใต้” มีการเผยแพร่ภาพเสียงผ่านสถานีโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ไปทั่วประเทศ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง...
ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นการประกอบศาสนกิจ ณ วัดบงอึนซา แล้ว จึงได้ออกเดินทางไปสู่ อาณาจักรชิลลาเดิม ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ โดยเข้าพักที่ “วัดพุลกุกซา ฮายอิน” โดยถึงวัดดังกล่าวในตอนเย็นของวันที่ ๒๓ เมษายน จึงได้เห็นสภาพบ้านเมืองเชิงอนุรักษ์ในอาณาจักรซิลลาเดิม ที่ยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลก..
ด้วยสภาพอากาศที่ยังหนาวเย็นอยู่ แม้ในยามนี้ จึงต้องรีบเข้าห้องพักที่ปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ ด้วยระบบน้ำร้อนที่ไหลวนใต้พื้นห้อง ที่กำลังอุ่นพอสบายตัว ควรแก่การภาวนาและพักผ่อน ซึ่งอุณหภูมิในเวลากลางคืนประมาณ ๙-๑๐ องศา.. จึงต้องกลับมาใส่ถุงเท้าและสวมหมวกไหมพรมป้องกันความหนาวเย็นในบางครั้ง
ทุกคนจากประเทศไทยที่เดินทางติดตามไปในครั้งนี้ มีความรู้สึกว่า ชอบอากาศที่กำลังเย็นสบายแสนสะอาด ปราศจากฝุ่นละอองมลพิษ อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยในหน้าร้อนนี้
อากาศเย็นสบาย.. เมื่อบวกกับอาหารแบบเกาหลีใต้ที่เน้นมังสวิรัติ จึงส่งผลให้กายเบา จิตเบา กายสงบ จิตสงบ.. ควรแก่การภาวนาเป็นอย่างยิ่ง จึงให้ระลึกถึงคำว่า อาหารสัปปายะ อาวาสสัปปายะ อากาศสัปปายะ..
เมื่อเสร็จสิ้นกิจส่วนตัวในค่ำคืนนั้น.. จึงไม่เสียโอกาสเวลาที่จะบรรยายธรรม เพื่อให้การอบรมจิตนำภาวนาให้แก่หมู่สงฆ์และคณะศรัทธาสาธุชนที่ติดตามไป
เช้า ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖ .. มีกำหนดการเข้าเยี่ยม วัดพุลกุกซา.. ที่ตั้งอยู่บนภูเขา ท่ามกลางสวนป่าธรรมชาติที่ยังคงสภาพอุดมสมบูรณ์ เพราะได้รับการคุ้มครองดูแลอย่างดีจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ให้ความสำคัญยิ่งต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ.. และการส่งเสริมวัดวาอารามทางพุทธศาสนามหายานให้ดำรงอยู่อย่างมีคุณค่า.. และคุณประโยชน์ต่อมหาชนและประเทศชาติ
การเข้าเยี่ยมวัดพุลกุกซาเป็นครั้งแรกนั้น จึงให้ความรู้สึกสดชื่นสบายใจ.. มีคุณค่ายิ่งทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสภาพของมหาวิหารเก่าแก่โบราณมากกว่าหนึ่งพันปี ที่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ในยุควัตถุนิยมทางเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษยชาติอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้
จึงอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งต่อการบริหารประเทศ ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งที่ควรอนุรักษ์ให้อยู่ร่วมควบคู่ไปกับการพัฒนา เพื่อการก้าวไปยังโลกในยุควัตถุนิยมเทคโนโลยี.. การเปลี่ยนแปลงเพื่อการก้าวหน้าไปร่วมกันอย่างไม่สุดโต่งไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ นับเป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง อันควรเป็นแบบอย่างของประเทศต่างๆ ที่กำลังมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปทางวัตถุนิยม.. จนหลงลืมการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมประเพณี.. คุณค่าความดีงามทางจิตใจในวิถีธรรมชาติ.. ในวิถีศาสนาที่มีความสำคัญต่อการหล่อหลอม ดูแล จิตวิญญาณของมนุษยชาติ.. ให้มีคุณธรรมความดี มีสรณะที่พึ่งทางจิตวิญญาณ.. เพื่อความมั่นคงในอุดมการณ์ของความเป็นสัตว์ประเสริฐที่ควรเชิดชูเหนืออื่นใด...
สภาพธรรมชาติที่ถูกอนุรักษ์.. วัฒนธรรมประเพณีและศาสนาที่ถูกรักษา เพื่อความสืบเนื่องอารยธรรมทางจิตวิญญาณ.. จึงเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งของประเทศเกาหลีใต้ในยามนี้..
โดยเฉพาะเมื่อได้เข้าไปสู่แผ่นดินอารยธรรมมรดกโลก ที่ตั้งของวัดวาอารามทั้งหลาย ที่ยังคงอนุรักษ์โบราณสถานไว้อย่างดียิ่ง.. ไม่รกรุงรังด้วยสิ่งก่อสร้างหลากหลายรูปแบบ.. จนไม่รู้ว่าเป็นวัด.. หรือเป็นชุมชนบ้านเรือนของคนอย่างในหลายประเทศ..
วัดพุลกุกซา.. เป็นหลักฐานสำคัญยิ่งต่อการยืนยันว่า.. การอนุรักษ์ในธรรมชาติของสังคมสิ่งแวดล้อม เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาของประเทศที่มุ่งไปทางอุตสาหกรรม.. เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ดังที่กล่าวกันว่า ของเก่าก็ไม่ทิ้ง.. ของใหม่ก็สรรหา
วัดวาอารามในเกาหลีใต้.. จึงกลายเป็น “Temple Stay” ของชาวเกาหลีใต้ ซึ่งแม้จะต้องเสียเงินเข้าพัก.. เข้าคอร์สอบรมพัฒนาทางจิต.. เจริญสมาธิ ก็ยอมเสียค่าใช้จ่าย เพื่อการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต.. ให้สมบูรณ์พร้อมทั้งกายใจ เพื่อการก้าวไปตามกระแสโลกอย่างมีประสิทธิภาพ.. “การอนุรักษ์กับการพัฒนา” จึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กัน เพื่อการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในชีวิต.. สังคม สิ่งแวดล้อมของมนุษยชาติ...
ความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ยังถูกรักษาไว้อย่างดียิ่ง เมื่อผสมผสานกับสภาพภูมิทัศน์ที่ถูกออกแบบไว้อย่างคงความเป็น “ปรัชญาเซน” จึงได้เห็นคุณค่าในความหมายแบบพุทธะที่ออกแบบให้ด้านหน้าวัดพุลกุกซา.. มีสระน้ำใหญ่แทนความหมายของ ปัญญา โดยมีสะพานหินทอดข้ามสู่ประตูเทพพิทักษ์ทั้ง ๔ ด้าน ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาโตฮัมซาน (Mt. Tohamsan) ที่ห่างจากตัวเมืองเคียงจู (Gyeongju) โดยทางรถยนต์เพียง ๑๕-๒๐ นาที และด้วยความโดดเด่นของการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมของวัด จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา ตรงตามความหมายของวัดพุลกุกซา ที่แปลว่า “วัดแห่งดินแดนของพุทธศาสนา”
อาตมาได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดพุลกุกซา.. ที่มาต้อนรับด้วยตนเอง จึงได้เห็นถึงความใส่ใจที่จะปฏิบัติธรรมให้ยิ่งขึ้น.. โดยท่านได้แจ้งให้ทราบถึงความสนใจที่จะศึกษาปฏิบัติธรรมชั้นสูง.. ตามหลักวิปัสสนากรรมฐานในพุทธศาสนาเถรวาท .. ซึ่งที่ผ่านมาเป็นเพียงการทำสมาธิฌานตามแบบพุทธศาสนานิกายเซน...
ในวันนั้น จึงได้บรรยายโดยสรุปถึงการปฏิบัติธรรมในรูปแบบ สมาธิวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อต่อเนื่องกับการทำ สมาธิฌาน ที่เป็นพื้นฐานการปฏิบัติธรรมที่มีอยู่แล้วของคณะสงฆ์เกาหลีใต้ โดยท่านเจ้าอาวาสวัดพุลกุกซา.. แสดงความสนใจอย่างยิ่ง ด้วยการตั้งใจรับฟังอย่างใส่ใจตลอดเวลา จึงได้กล่าวกับท่านว่า.. ในโอกาสหน้า จะมาสอนการเจริญวิปัสสนาญาณ.. ให้กับหมู่คณะพระสงฆ์และศาสนิกชนที่นี่!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การแก้ปัญหาความขัดแย้ง.. ด้วยวิธีการไม่ขัดแย้ง.. อย่างไร!?
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... พระพุทธเจ้าของเราได้ประทานหลักธรรมเป็นไป.. เพื่อความรัก.. ความระลึกถึงกัน.. ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..
ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ
“พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

