วิชารัฐมนตรี (1)

เนื้อหาหนังสือ "วิชารัฐมนตรี" ศาสตร์และศิลป์ของ "การนำ" ผ่านมุมมองเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนโดย ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล และณัฐธิดา เย็นบำรุง จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ มีทั้งหมด 6 บท รวม 156 หน้า

ในสังคมไทย เรามีหนังสือและตำรามากมายว่าด้วยการบริหารองค์กร การบริหารธุรกิจ และเรื่องราวความสำเร็จของบุคคลในหลากหลายสาขาอาชีพ แต่กลับไม่มีหนังสือที่ว่าด้วยรัฐมนตรีควรทำงานอย่างไร ควร “นำ” อย่างไร และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้อย่างไร

รัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำคัญในการบริหารประเทศ แต่กลับไม่มีหลักสูตรหรือแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการเตรียมตัว ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีการปฐมนิเทศ ไม่มีคู่มือ ไม่มีโอกาสทดลองงาน เมื่อได้รับแต่งตั้งก็ต้องลงมือทำทันที โดยต้องเผชิญกับระบบราชการที่ซับซ้อน การเมืองที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และความคาดหวังของประชาชน ในสถานการณ์เช่นนี้ มีรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คนที่สามารถ “นำ” อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้

หนังสือเล่มนี้เป็นผลผลิตจากการศึกษาและถอดบทเรียนประสบการณ์การทำหน้าที่รัฐมนตรีของศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี 1 เดือน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเมื่อเทียบกับการเมืองไทยที่รัฐมนตรีหลายคนดำรงตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือน

หนังสือ วิชารัฐมนตรี เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การสร้างกำลังคนทักษะสูงผ่านการบริหารจัดการความรู้ในรูปแบบใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดดและยั่งยืนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.)

วัตถุประสงค์ของการจัดทำหนังสือนี้เพื่อสร้างองค์ความรู้และปัญญาจากประสบการณ์ของรัฐมนตรีเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ประกอบด้วยสาระ วิธีคิด กลยุทธ์ มุมมอง และแนวทางในการเป็นผู้นำ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การเป็นรัฐมนตรี แต่หมายถึงการเป็นผู้นำในทุกองค์กร วิชาที่ได้จากรัฐมนตรี นอกจากจะช่วยให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของ “การนำ” ที่ไม่ใช่แค่การบริหาร มีความสามารถในการคิดเชิงยุทธศาสตร์ มุมมองระดับสากล และทักษะการขับเคลื่อนงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเกิดความกระตือรือร้น มีความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตด้วยมุมมองเชิงบวก มองเห็นโอกาสมากกว่าปัญหา และดำเนินชีวิตอย่างมีสมดุลมากขึ้น

จุดเด่นของหนังสือจึงไม่ได้เป็นเพียงการบันทึกผลงานของรัฐมนตรีคนหนึ่ง แต่เป็น “รหัสลับของการนำ” ที่เผยให้เห็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของรัฐมนตรีที่สามารถ “นำ” ได้จริง ภายใต้บริบทที่เป็นจริงของสังคมไทย โดยไม่ยึดติดกับแนวคิด ทฤษฎีการนำและการบริหารจากตำรา ซึ่งบทเรียนและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ผ่านการคิดอย่างลึกซึ้ง ปรับเปลี่ยน ประยุกต์ และปฏิบัติจริง จึงกล่าวได้ว่า นี่เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีลักษณะแบบ “ไทย” ที่ควรเรียนรู้

ผู้เขียนขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการทำให้หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ที่ให้การสนับสนุนโครงการดีๆ เช่นนี้ รวมถึงเพื่อนร่วมโครงการวิจัยทุกท่าน ที่คอยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณผู้บริหารกระทรวง อว. และผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ และที่สำคัญที่สุด ขอขอบคุณ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวง อว. ที่ให้แนวคิด วิธีนำแบบรัฐมนตรี และแบ่งปันประสบการณ์อย่างเต็มที่กับทีมวิจัยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ไม่เพียงแต่ได้รับความรู้ด้านการบริหารและการนำองค์กร แต่ยังได้รับ “วิชาชีวิต” ที่สอนให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างอุดมการณ์และความเป็นจริง

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ วิชารัฐมนตรี เล่มนี้จะเป็น “วิชา” ที่ให้แรงบันดาลใจแก่ทุกคนที่สนใจการนำและการเปลี่ยนแปลง หากผู้อ่านได้เพียงคิดตามก็อาจช่วยกระตุกมุมมอง ความคิดที่มีต่อตัวเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อสังคมและประเทศ ก็ถือว่าหนังสือเล่มนี้ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีแล้ว                     

ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล

 

บทที่ 1

บทนำ

"หลายคนมีความคิดว่า ‘รัฐมนตรีเปลี่ยนอะไรไม่ได้’ เพราะต่างเชื่อว่าภายใต้ระบบการเมืองและระบบราชการไทยนั้นขาดประสิทธิภาพ ล้าหลัง และเต็มไปด้วยอุปสรรค หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อหวังให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจว่า ‘รัฐมนตรีนำได้’ และ ‘ทำได้’ รัฐมนตรีที่มีวิธีคิด มีปัญญา มีแนวทาง มีกลยุทธ์ มีความเข้าใจ และมีวิธีการนำที่ถูกต้อง สามารถขับเคลื่อนนโยบายและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้"

รัฐมนตรีทำหน้าที่อะไร คนส่วนใหญ่อาจไม่ค่อยได้สนใจนัก เป็นเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง การทำหน้าที่ของรัฐมนตรี บางคนมองว่าเป็นงานแปลกดี ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีการเปิดรับสมัคร ไม่มีการสัมภาษณ์ และไม่มีหลักสูตรสอน เมื่อรู้ว่าได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีก็เข้าทำหน้าที่ทันที ไม่มีการสอนงาน รัฐมนตรีในสหราชอาณาจักรและอีกหลายประเทศก็มีลักษณะเช่นนี้ แต่รัฐมนตรีในประเทศสิงคโปร์และสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจมีลักษณะที่ต่างออกไป ในความเป็นจริงแล้ว รัฐมนตรีคือหนึ่งในตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารประเทศ หากมีความเข้าใจในการทำหน้าที่ได้เหมาะสมและถูกต้อง ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งนี้จะสามารถแสดงบทบาทการพัฒนาและผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมและประเทศได้อย่างมหาศาล

 

ปัญหาของรัฐมนตรีไทย: เมื่ออำนาจถูกใช้ผิดทาง

การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งที่เต็มไปด้วยโอกาสและอำนาจในการทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศ แต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของไทยบางคนแทนที่จะใช้อำนาจนี้เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า กลับกลายเป็นว่ารัฐมนตรีจำนวนไม่น้อยมุ่งไปทำเรื่องการใช้อำนาจในลักษณะที่เอื้อต่อการแสวงหาผลประโยชน์มากกว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริง การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อตอบแทนกลุ่มผลประโยชน์หรือสร้างเครือข่ายอำนาจของตัวเองมากกว่า

รัฐมนตรีแทนที่จะให้ความสำคัญกับการชี้นำทางยุทธศาสตร์ การให้วิสัยทัศน์ และการกำหนดทิศทางนโยบายการพัฒนางานของกระทรวง แต่กลับสนใจ “เงินทอน” หรือการหักค่าคอมมิชชันจากโครงการของรัฐ ซึ่งกลายเป็นวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกในการเมืองไทย การบริหารประเทศจึงกลายเป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์พวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ ประการสำคัญคือ รัฐมนตรีที่ตระหนักในหน้าที่และสามารถ “นำ” การเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง เริ่มหายากขึ้น หรือแม้แต่รัฐมนตรีมือใหม่มีความตั้งใจสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา แต่ก็ทำไปแบบไร้ทิศทาง เพราะขาดมุมมองและแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์ หลายนโยบายเกิดจากแรงกดดันทางการเมือง หรือเป็นเพียงการตอบสนองต่อวาระของรัฐบาลในช่วงเวลาสั้นๆ โดยขาดความเข้าใจในเป้าหมายอย่างถ่องแท้

 

ความท้าทายของรัฐมนตรีใหม่

ไม่เพียงแค่เรื่องจริยธรรมของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งของรัฐมนตรีคือ ผู้ที่จะก้าวมาอยู่ตำแหน่งนี้แทบไม่มีการเตรียมความพร้อมมาก่อน ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งมักถูกโยนเข้าสู่กระทรวงที่พวกเขาไม่มีพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวข้องเลย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักร นิกกี้ มอร์แกน (Nicky Morgan) เคยกล่าวไว้ว่า "สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการเป็นรัฐมนตรีคือ คุณอาจถูกโยนเข้าไปในกระทรวงที่คุณไม่มีความรู้มาก่อนเลย" นี่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า รัฐมนตรีหลายคนต้องเริ่มต้นบทบาทของตนโดยไม่มีการฝึกฝนหรือปฐมนิเทศอย่างเป็นระบบ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น

ปัญหาสำคัญของรัฐมนตรีคือ การขาดทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็น การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อาจต้องใช้ความสามารถในการอภิปรายและหาเสียง แต่การเป็นรัฐมนตรีต้องการทักษะการนำ ทักษะการบริหารอีกแบบที่ต่างจากการบริหารทั่วไป การตัดสินใจเชิงนโยบาย และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบราชการ ทักษะที่จำเป็นสำหรับนักการเมืองทั่วไปนั้นแตกต่างอย่างมากจากทักษะของรัฐมนตรี การขาดความรู้ด้านการนำและการบริหารทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องพึ่งพาข้าราชการมากเกินไป และบางครั้งอาจตัดสินใจตามสถานการณ์เฉพาะหน้าแทนที่จะมีแผนงานที่ชัดเจน

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้งทำให้รัฐมนตรีไม่มีเวลาสั่งสมความรู้และประสบการณ์? หลายคนเพิ่งเริ่มเข้าใจบทบาทของตนเอง แต่ก็ถูกโยกย้ายไปตำแหน่งอื่น วัฏจักรเช่นนี้ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่อยู่เสมอ ส่งผลให้การทำงานขาดความต่อเนื่อง และการพัฒนานโยบายระยะยาวเป็นไปได้ยาก ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเป็นรัฐมนตรีไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของอำนาจ แต่เป็นบทบาทที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการเตรียมตัว ทว่า ระบบการเมืองกลับไม่เอื้อต่อการสร้างรัฐมนตรีที่มีความพร้อมอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่หลายรัฐบาลล้มเหลวในการบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพ และเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

 

บทเรียนการทำงานของรัฐมนตรี: วิชารัฐมนตรี

ในสังคมไทย เราอาจมีหนังสือและตำราว่าด้วยการบริหารประเทศมากมาย แต่เราแทบไม่มีหนังสือเล่มไหนที่ว่าด้วย "วิชารัฐมนตรี" เลย ไม่มีหลักสูตรหรือแนวทางที่บอกว่ารัฐมนตรีควรทำงานอย่างไร ควร "นำ" อย่างไร และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร คนที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีมักต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ากระทรวง ทุกอย่างเป็นศูนย์ ไม่มีคู่มือ ไม่มีการปฐมนิเทศ และไม่มีการจัดการความรู้ว่ารัฐมนตรีที่ดีควรเป็นอย่างไร

หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากการถอดบทเรียน "การนำ" ของอดีตรัฐมนตรี ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กระทรวง อว. เป็นระยะเวลา 3 ปี 1 เดือน (พ.ศ.2563-2566) ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในโลกของการทำงานทั่วไป ระยะเวลานี้อาจถือว่าสั้น หลายคนอาจใช้เวลาเพียงเพื่อเรียนรู้ระบบงาน แต่สำหรับการทำหน้าที่รัฐมนตรีของเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้ใช้ช่วงเวลานี้สร้างผลงานเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรมกว่า 20 นโยบาย นโยบายเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็น "นวัตกรรมทางนโยบาย" แต่ยังเป็นความพยายามในการทะลวงข้อจำกัดและกฎระเบียบที่เคยเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน

เอนก เหล่าธรรมทัศน์ มองว่าการได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีนานถึง 3 ปี ถือเป็นความโชคดีและเป็นบุญอย่างยิ่ง เพราะในประเทศไทย ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หลายคนดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปีบ้าง 6 เดือนบ้าง หรือบางคนอาจอยู่ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากการเมืองไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงและการปรับคณะรัฐมนตรีอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยระยะเวลาที่นานพอสำหรับเขา ทำให้ได้ใช้โอกาสนี้พิสูจน์ว่า "การนำ" สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นมากกว่าการบันทึกผลงาน เพราะเป็นการ "ไขรหัสลับของการนำ" ที่เผยให้เห็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของรัฐมนตรีที่สามารถ "นำ" ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ท่ามกลางข้อจำกัดของระบบราชการและการเมืองไทย นี่คือแบบอย่างของผู้นำที่สามารถขับเคลื่อนกระทรวงขนาดใหญ่และกระทรวงที่เพิ่งเกิดใหม่ให้เดินไปข้างหน้า ไม่ใช่เพียงในฐานะผู้บริหาร แต่ในฐานะผู้นำที่เข้าใจว่า "การนำ" คืออะไร และนำอย่างไรให้ได้ผล

หลายคนมีความคิดว่า "รัฐมนตรีเปลี่ยนอะไรไม่ได้" เพราะต่างเชื่อว่าภายใต้ระบบการเมืองและระบบราชการไทยนั้นขาดประสิทธิภาพ ล้าหลัง และเต็มไปด้วยอุปสรรค หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อหวังให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจว่า "รัฐมนตรีนำได้" และ "ทำได้" รัฐมนตรีที่มีวิธีคิด มีปัญญา มีแนวทาง มีกลยุทธ์ มีความเข้าใจ และมีวิธีการนำที่ถูกต้อง สามารถขับเคลื่อนนโยบายและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้ คำถามสำคัญคือ "แล้วเปลี่ยนได้อย่างไร?" หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงคำตอบ แต่ยังมีตัวอย่างจริงจากประสบการณ์ของรัฐมนตรีคนหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "ถ้านำเป็น ทำเป็น และเข้าใจกลไกของรัฐ ระบบที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไม่ได้ ก็เปลี่ยนได้มากกว่าที่เราคิด"

เนื้อหาในเล่มนี้เกิดจากการสัมภาษณ์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ หลายสิบครั้งหลังจากลงจากตำแหน่ง รวมถึงบทสัมภาษณ์จากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง อว. อธิการบดีมหาวิทยาลัย ข้าราชการระดับสูง และบุคคลใกล้ชิดที่ทำงานร่วมกับเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รวมถึงการรวบรวมถ้อยคำจากบทปาฐกถา การบรรยายในที่ประชุม และบทสัมภาษณ์ที่เคยบันทึกไว้ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง เพื่อถอดบทเรียนว่าผู้นำในฐานะรัฐมนตรีที่ชื่อ "เอนก เหล่าธรรมทัศน์" ทำหน้าที่อะไร นำกระทรวง อว.อย่างไร และนำให้เกิดผลอย่างไรต่อสังคมและประเทศ ทั้งหมดนี้จะกลายเป็น "วิชาเรียน" ที่ผู้อ่านสามารถนำไปศึกษา ทั้งในแง่ของการบริหารและการใช้ชีวิต มาร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน ผ่าน "วิชานี้" ที่ชื่อว่า "วิชารัฐมนตรี".

 (อ่านต่อบทที่ 2 วันพุธหน้า)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ

สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง

โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”