เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในห้วงเวลาแห่ง วิกฤตศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อภาพลักษณ์คณะสงฆ์ จึงให้นึกถึงครั้ง อุบาสกอุปัฏฐากในพระมหาโมคคัลลานเถระ กล่าวกับพระเถระว่า..
“..ถ้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ประกันธรรม ๓ ประการ คือ โภคสมบัติ ชีวิต และศรัทธา ของกระผมได้ไซร้ พระนางสุปปวาสา โกลิยธิดา จงทำภัตตาหาร ๗ วันเถิด กระผมจักทำในภายหลัง...
พระมหาโมคคัลลานเถระ ตอบว่า.. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ฉันจะเป็นผู้ประกันธรรม ๒ อย่าง คือ โภคสมบัติและชีวิตของท่าน ส่วนท่านเองเป็นประกันศรัทธาเถิด...
อุบาสกอุปัฏฐากของพระมหาโมคคัลลานเถระ จึงรับว่า จะประกันศรัทธาของตนเอง เพราะเป็นผู้ได้เห็นสัจธรรมแล้ว จึงเชื่อมั่นในศรัทธาว่าไม่คลอนแคลน.. จึงยินดีสละวันถวายไทยธรรมของท่านไปให้พระนางสุปปวาสาฯ ก่อน ด้วยความเคารพในพระมหาโมคคัลลานเถระ ด้วยปรารถนาความสุข ความเจริญ และเป็นบุญของพระนางสุปปวาสาฯ..”
เรื่อง วิกฤตศรัทธา จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในหมู่ชนที่ ยังไม่เห็นสัจธรรม.. ยังห่างไกลคุณพระรัตนตรัย เป็นผู้ไม่เห็นพระอริยเจ้า.. ไม่ได้สดับธรรมของพระอริยเจ้า ซึ่งนับเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้น
จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลาย ที่จะต้องขวนขวายในกิจอันควร เพื่อเสริมสร้างความศรัทธาอันถูกต้อง เป็นธรรม ให้กับมหาชน โดย การทำให้ผู้ไม่มีศรัทธา.. มาศรัทธา.. ผู้ที่ศรัทธาแล้ว มั่นคงในศรัทธายิ่งขึ้น!!
จริงๆ แล้ว เรื่องราวในแวดวงพระสงฆ์บ้านเรา.. มีปัญหาผลุบๆ โผล่ๆ ในเรื่อง ความประพฤติไม่ถูกต้องมานานแล้ว ทั้งในเรื่องสตรีและเงินทอง.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคไอที ที่มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ จนกลายเป็นปัจจัยที่ ๕ ของทุกชีวิต
แต่ด้วยพระศาสนายังมีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในคณะสงฆ์ จึงทำให้ภาพลักษณ์คณะสงฆ์ยังเป็นไป.. ไม่สะดุด.. ในความศรัทธาเชื่อมั่น...
แต่เมื่อมาถึงวันที่.. “ฝีมันต้องแตก น้ำหนองน้ำเลือดไหลทะลัก..” จึงเกิดความตกอกตกใจกันไป อย่างยากจะทำใจรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนก่อเกิดคำว่า “วิกฤตศรัทธา” ในแวดวงชาวพุทธ ซึ่งอย่าว่าแต่ในหมู่ชาวบ้านชาวเมืองเลย แม้แต่ในหมู่พระสงฆ์ด้วยกัน ก็ยังทำใจยอมรับได้ยากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.. โดยเฉพาะกับพระเถระทรงสมณศักดิ์ มีฐานะเป็นเจ้าคณะปกครอง.. ที่หลายท่านมีลักษณะท่วงทีกิริยาน่าเคารพศรัทธายิ่ง.. เมื่อพบเจอกัน..
จากปัญหาดังกล่าว หากทำใจให้กว้างๆ มองให้รอบ พิจารณาให้ละเอียด ก็จะพบความน่าสงสารในพระภิกษุบางรูปที่พลาดพลั้ง ตกลงไปในกระแสอบายภูมิ เสวยไฟนรกที่เร่าร้อนแผดเผา
ด้วยคงมิได้เคยคาดคิดว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเช่นนี้กับตนเอง และคงเชื่อมั่นว่า ตนไม่คิดจะทำเรื่องลามกจกเปรตเช่นนั้น แต่เมื่อดำเนินชีวิตมาอย่างหละหลวม ไม่แน่วแน่มั่นคงในพระธรรมวินัย ถูกกระแสโลกธรรมเข้าครอบงำ.. อะไรๆ จึงเกิดขึ้นได้.. อย่าว่าแต่การเสพเมถุนเลย...
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เรา-ท่านทั้งหลายจะต้องช่วยกัน คือ การให้เข้าถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้พระภิกษุ-สามเณร มีความอ่อนแอในการประพฤติตามพระธรรมวินัย.. จนทำให้ภูมิต้านทานกิเลสบกพร่อง ยากจะต้าน.. กระแสกิเลสมาร!!
ในนาทีนี้ จึงควรมองผ่านบุคคลเหล่านั้นที่กระทำความผิด.. ไปสู่เหตุปัจจัยที่สนับสนุนให้คนเหล่านั้นเกิดความประมาท.. ที่นำไปสู่การกระทำที่ผิดพลาดอันใหญ่หลวง.. ซึ่งถือว่า.. เป็นการตายทั้งเป็นของบุคคลเหล่านั้น แม้ยังมีชีวิตอยู่
..ซึ่งผู้ที่จะเข้าใจปัญหาเหล่านี้อย่างถึงราก.. ถึงโคน จริงๆ ก็ต้องมาจากพระสงฆ์ในศาสนา ที่กำลังศึกษาปฏิบัติขัดเกลากิเลสตนเอง อย่างเคารพในคุณของพระธรรมวินัย.. ซึ่งยากมากที่คนภายนอกจะเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งจริง
จึงควรระวังในการรับฟัง โดยมีข้อพิจารณาว่า หากเสียงจากภายนอกเป็น ปรโตโฆษะ.. เป็นเสียงจาก คนดีมีศีลธรรม ที่เรียกว่า สัตบุรุษ หรืออุบาสก-อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาที่เป็น ผู้มีปัญญา.. ก็ควร..
แต่หากมาจาก คนทุศีล ผีเปรตไร้ปัญญา หิวแสง.. เล่นกระแสอย่างไม่รู้จักดีชั่ว.. บาปบุญ ก็ไม่น่าจะเสพคบ
อย่างไรก็ตาม.. ในสถานการณ์จากเหตุการณ์เช่นที่เป็นไปในปัจจุบันนี้ พระสงฆ์ทั้งหลายก็ต้องเข้าใจและทำใจยอมรับให้ได้.. เพื่อใช้วิกฤตการณ์ อุปสรรค ปัญหา.. ให้เป็นโอกาสที่ควรแก่การสอดส่อง มองดู องคาพยพของคณะสงฆ์ว่า.. มีอะไรในกอไผ่บ้าง นอกจากหน่อไม้แล้วนั้น...
ควรใช้ความตรงไปตรงมาของพระธรรมวินัย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด.. ในกระแสสังคมที่ผันผวนเปลี่ยนแปลงไปตามความเชื่อ.. ศรัทธาที่อ่อนแอ
คณะสงฆ์.. โดยเฉพาะ มหาเถรสมาคม.. ต้องดำเนินศาสนกิจอย่างเปิดเผยมากยิ่งขึ้น เพื่อการรับรู้อันเท่าเทียมกันในสังคม.. อย่าได้อัสดงอย่างที่ผ่านมา..
การเชิญชวนพลเมืองภาคสังคมอารยธรรม ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมให้ความเห็นที่ถูกต้อง.. และรับความเห็นที่ถูกธรรม เป็นเรื่องจำเป็นยิ่งในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน
..ควรถึงเวลาแห่งการศึกษาวิจัย การบริหารดำเนินงานของคณะสงฆ์ในทุกมิติ.. เพื่อนำคณะสงฆ์คืนกลับสู่พระธรรมวินัยดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา.. โดยไม่ควรอาศัยอาณาจักรมาจัดระเบียบกฎหมาย จนพันธนาการพระธรรมวินัยให้สูญเสียคุณค่า
จึงควรแล้ว หากพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ.. อุบาสก-อุบาสิกาผู้มีศรัทธามั่นคงในธรรม จะได้รวมตัวกันเพื่อกระทำการชำระข้ออธิกรณ์ต่างๆ ในแวดวงสงฆ์ให้สิ้นไป..
ไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์จากการตายไปของพระเถระหลายสิบรูป เป็นไปอย่างไร้ประโยชน์ โดยต้องยอมรับในความเป็นจริงว่า เราปล่อยปละละเลยศาสนนาวาไหลมายาวนาน... อย่างขาดความใส่ใจ.. ขาดความจริงใจต่อกันและกัน
ดังที่ได้เห็นการจัดการปกครองคณะสงฆ์ ที่นำความคิด ความอ่าน แนวทางแบบโลกนิยม มาใช้ จนครอบ ธรรมนิยม สิ้นไป...
จึงไม่แปลกที่จะเห็นพระสงฆ์จำนวนไม่น้อย.. เข้าไปติดกับดักโลกธรรม อย่างยากจะออกมาจากตาข่ายมารได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข.. หรืออื่นใด
โดยเฉพาะการปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ว่า พระดี.. ต้องดัง มีชื่อเสียง.. มียศถาบรรดาศักดิ์.. มีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าคณะ.. เจ้าอาวาส...
ก่อนจะจบ.. มีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่า... ครั้งหนึ่ง นั่งฟังการประชุมที่มีระดับสมเด็จฯ เป็นประธาน โดยเปิดโอกาสให้พระภิกษุที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะปกครองได้แสดงความเห็น โดยในระยะเวลาร่วม ๓ ชั่วโมงที่รับฟัง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเรื่องพระธรรมวินัยเลย มิหนำซ้ำ.. เมื่อได้ฟังความคิดความเห็นของพระรูปหนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า พระรูปนั้นกลับพูดแต่เรื่องการพัฒนาวัดแบบโลกๆ การหาเงินทองเพื่อมาบำรุงรักษาวัด.. โดยพูดด้วยความภาคภูมิใจในท่ามกลางว่า.. จะต้องมีเงินเข้ามาเดือนละเป็นล้านบาท จึงจะอยู่ได้ เพื่อการดำเนินต่อไปของวัดนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นค่านิยมทุเรศที่สุด.. แต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน แม้แต่พระเถระผู้ใหญ่ที่เป็นประธานในที่ประชุม จึงได้เกิดความเห็นในขณะนั้นว่า.. ถ้าพระผู้ใหญ่ใช้อำนาจความเห็นส่วนตัว แต่งตั้งพระแบบนี้เป็นเจ้าคณะปกครอง.. ไปทั่วแผ่นดิน.. ไม่นานวิบัติใหญ่คงจะเกิดขึ้น.. ด้วยการกระทำอาบัติที่เป็นอาจิณณกรรมในข้อรับเงินทอง.. และอื่นๆ....
จึงไม่แปลกเมื่ออิทธิพลโลกธรรมที่แข็งแรง มาบรรจบกับความล้มเหลวในการปกครอง ที่มาจากเหตุปัจจัยจุกๆ จิกๆ มากมายในแวดวงสงฆ์ จึงทำให้เกิดปัญหามากมายขึ้นดังที่เป็นข่าว.. ซึ่งอย่าว่าแต่ฝ่ายชาวบ้านชาวเมืองเลย.. เชื่อได้ว่า แม้แต่ในหมู่พระสงฆ์ที่มีความสำนึกที่ถูกต้อง ชอบธรรม.. ก็ยากจะทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเข้าใจว่า.. มันจะต้องเกิดขึ้น!!.
เจริญพร
dhamma_araya@hotmail.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
AI กับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ให้ใคร ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ( Artificial intelligence ) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของ”การศึกษา-การทำงาน”


