หลังจากที่กลุ่มเทเลนอร์และซีพีได้ให้ข่าวความพยายามในการควบรวมทรูคอร์ปและดีแทคเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ผ่านไปเพียงสองเดือน เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ทรูคอร์ปและดีแทคได้แจ้งความประสงค์ที่จะรวมธุรกิจต่อสำนักงาน กสทช. แล้ว และส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565
ในขณะที่วุฒิสภาได้เลือก กสทช. ชุดใหม่ได้จำนวน 5 คน เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 และทั้งห้าคนมีการเลือกผู้ที่จะเป็นประธาน กสทช. ชุดใหม่เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 ต่อมาประธานวุฒิสภาได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่นำรายชื่อดังกล่าวขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่ปัจจุบัน ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ารายชื่อดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนใด
ทำให้เกิดคำถามว่า กสทช. ชุดไหนจะเป็นผู้พิจารณาการรวมธุรกิจครั้งนี้ เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่าการรวมธุรกิจครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อสภาพตลาดโทรคมนาคมไทยในระยะยาว
ในสถานการณ์ปกติ เมื่อเอกชนนำส่งรายงานการรวมธุรกิจแล้ว สำนักงาน กสทช. จะต้องตั้งที่ปรึกษาอิสระเพื่อจัดทำความเห็นประกอบรายงานการรวมธุรกิจ โดยต้องทำรายงานให้แล้วเสร็จใน 30 วันนับจากวันแต่งตั้ง จากนั้นสำนักงาน กสทช. ต้องรายงานต่อ กสทช. ภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับความเห็นของที่ปรึกษาอิสระ หาก กสทช. เห็นว่าการรวมธุรกิจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดที่เกี่ยวข้อง กสทช. อาจกำหนดเงื่อนไข หรือนำมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดมาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณะ
คำถามสำคัญคือ กสทช. มีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจหรือไม่ ในประเด็นนี้สำนักงาน กสทช. ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการฯ สภาผู้แทนราษฎรว่า ตามประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน กสทช. ไม่มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจ แต่มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขหรือนำมาตรการเฉพาะมาบังคับใช้ และได้แสดงความเห็นอีกว่า สำนักงาน กสทช. เห็นว่ากฎหมายในปัจจุบันเพียงพอแล้ว และไม่มีความคิดในการเสนอแก้ไขประกาศเพื่อให้อำนาจ กสทช. ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามที่เคยบัญญัติไว้ในกฎหมายเดิม
ดังนั้น ในกรณีที่ยังไม่มี กสทช. ชุดใหม่ เป็นไปได้ว่าการรวมธุรกิจนี้จะเดินหน้าต่อไปตามปกติ และในกรณีที่มี กสทช. ชุดใหม่ก่อนการรวมธุรกิจจะสำเร็จ หาก กสทช. ชุดใหม่เห็นว่าองค์กรกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมควรมีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต ก็ต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงประกาศ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ซึ่งหากการแต่งตั้ง กสทช. ชุดใหม่ล่าช้า ก็จะไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงประกาศได้ทันการณ์ เท่ากับว่าการรวมธุรกิจก็จะเดินหน้าต่อไปตามเดิมอยู่ดี จึงเป็นไปได้ว่า ความล่าช้าในการแต่งตั้ง กสทช. ชุดใหม่จะส่งผลกระทบต่อการใช้อำนาจหน้าที่ แม้จะเข้ารับตำแหน่งมาทันพิจารณาเรื่องนี้ก็ตาม
อย่างไรก็ดี การพูดถึงอำนาจการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต ไม่ได้หมายความว่า กสทช. จะมีเป้าหมายหรือธงในการไม่อนุญาต แต่การแก้ประกาศจะช่วยเพิ่มเครื่องมือในการพิจารณาปกป้องผลประโยชน์สาธารณะให้มีทางเลือกแบบกว้างไว้ก่อน
มิเช่นนั้น แม้ในกรณีที่รายงานการศึกษาเกี่ยวกับการรวมธุรกิจเห็นว่า การรวมธุรกิจส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงโดยที่เงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิผล กสทช. ไม่ว่าชุดไหน ก็อาจไม่สามารถยับยั้งความเสียหายนั้นได้เลย
ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา
กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระทรวงทรัพยากรฯ ซีพี และทรู คอร์ปอเรชั่น จัดงานมอบรางวัล พร้อมเชิญชวนสัมผัสคุณค่าของธรรมชาติและสัตว์ป่า ในนิทรรศการภาพถ่าย “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ประจำปี 2565 - 2566
กรุงเทพฯ 11 เมษายน 2567 – มุ่งมั่นเดินหน้าปลูกจิตสำนึกเยาวชนและคนไทยทั้งประเทศ สร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ ผ่านการประกวดภาพถ่าย ‘สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ’ ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 29
ทรู - ดีแทค คว้าคว้า 'ไป่ ทาคน' นายแบบสุดฮอตขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ เจาะตลาดเมียนมา - กัมพูชา
ทรู คอร์ปอเรชั่น คว้า “ไป่ ทาคน” นายแบบสุดฮอตชาวเมียนมา ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ทรู-ดีแทคเครือข่ายอันดับ 1 เพื่อพี่น้องชาวเมียนมา และกัมพูชาในไทย ชู ซิมเมียนมา คุ้มสุด 49 บาท เล่นเน็ตฟรี โซเซียล และเกมส์ฮิต
'วุฒิสภา' ชงสอบแต่งตั้ง 'เลขาฯ กสทช.' ล่าช้าเกือบ 4 ปี ชี้ผลประโยชน์ชาติเสียหาย
“กมธ. ไอซีที วุฒิสภา” ชงสำนักนายกฯ -ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการ หลังพบความผิดปกติ กระบวนการตั้งเลขา กสทช. เกือบ 4 ปียังไม่ได้ตัว จนรักษาการจะครบวาระ ยันไม่ได้ก้าวก่าย แต่ส่งกระทบผลประโยชน์ชาติเสียหาย
'สุทิน' ควง 'เจ้าสัวธนินท์' สักขีพยาน MOU กลาโหมจับมือซีพี
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหม กับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด