..ออกแบบการชำระอธิกรณ์สงฆ์.. ด้วยพระวินัย... (..หรือด้วยกฎหมายบ้านเมือง!!)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวิถีโลกที่แสดงความวุ่นวาย สับสนอลหม่าน หรือสงบ เรียบร้อย น่ายินดี แท้จริงเป็นปรากฏการณ์ปกติของโลก ซึ่งแสดง สภาวธรรมที่ปรากฏเป็นไปตามเหตุปัจจัย..

ความเข้าใจใน เหตุปัจจัย .. จึงเป็นเรื่องสำคัญของพุทธศาสนา ด้วยเป็นรากฐานของความเป็นเหตุเป็นผลที่นำไปสู่การเข้าถึงความเป็นธรรมดา ที่สะท้อนความเป็นจริงในความเป็นธรรมดาของทุกชีวิตภายใต้ กฎธรรมชาติ

ด้วยความเข้าใจใน เหตุปัจจัย จึงสามารถนำพาตนเองออกจากความทุกข์ได้ โดย การประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม.. ด้วยการพัฒนาจิตใจให้มีความรู้ความเข้าใจตรงตามความเป็นจริง ที่แสดงสภาวธรรมปรากฏ อันเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น...

พระพุทธศาสนา จึงสรุปคำสั่งสอนรวมลงที่ ความเป็นธรรมดา ที่เรียกว่า ธรรม หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุและปัจจัยมารองรับ และเมื่อเหตุปัจจัยเสื่อมสลายไป สิ่งนั้นย่อมเสื่อมสลายตามไปด้วย โดยเรียกกฎความเป็นเหตุเป็นผลดังกล่าวว่า กฎความเป็นธรรมดา.. (อิทัปปัจจยตา)

จึงได้เห็นการใช้ กฎอิทัปปัจจยตา อธิบายวิถีชีวิตที่แสดงกระบวนการเกิดขึ้นของความทุกข์ โดยมีเหตุปัจจัยก่อรูปนามส่งต่อสืบเนื่องกันเป็นทอดๆ ในลักษณะ กฎลูกโซ่ เพื่อแสดงความสัมพันธ์สืบส่งต่อของเหตุปัจจัย ที่นำไปสู่ปลายทาง คือ ความทุกข์ เพื่อจะได้ออกจากความทุกข์ ด้วยการดับเหตุแห่งทุกข์นั้น โดยการจับหลัก เหตุปัจจัย ได้ว่า.. ทุกข์เกิดขึ้นเพราะมีอะไรเป็นเหตุปัจจัย...

การเข้าถึงแนวทางดับทุกข์ด้วยความรู้ที่ถูกต้อง ว่า ทุกข์เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยใด.. เพื่อการดับเหตุต้นทางของทุกข์ จึงเป็นความรู้ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง โดยทรงแสดงว่าเป็น อริยสัจธรรม คือ เป็นความจริงที่ผู้รู้นั้นสามารถดับทุกข์ได้จริง

ผู้ปฏิบัติธรรม.. ที่เข้าใจในหลัก เหตุปัจจัย ตามที่กล่าว จะรู้จักการ ปลง-ปลด-ปล่อย .. ในทุกเรื่องราว ด้วยความรู้เข้าใจตามความเป็นธรรมดา ที่สามารถนำไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง ด้วยการเข้าถึงภาวะการปล่อยวาง.. ว่าง และสงบ

ผู้รู้ธรรมดังกล่าว.. จะไม่เข้าไปเชื่อถือเรื่องปาฏิหาริย์หรือโชคชะตา ฤกษ์ยามมงคลจากภายนอก ไสยเวท ไสยศาสตร์.. แต่จะบริหารจัดการชีวิตให้เกิดประโยชน์ได้ ภายใต้ความเข้าใจใน เหตุปัจจัย อันแสดงกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ โดยสรุปลงที่ การสร้างคุณความดีให้ถึงพร้อมใน กาย วาจา และใจ เพื่อเป็นมงคล.. เป็นฤกษ์ดี ยามดี.. มีวาสนาบารมีที่เกิดขึ้น ได้จากการกระทำที่ถูกต้องตรงตามเหตุปัจจัยนั้นๆ

จึงเห็นได้ว่า คุณประโยชน์ของความรู้ ความเข้าใจ ใน เหตุปัจจัย ที่สามารถสร้างมงคลชีวิตได้อย่างถูกต้อง ไม่ขัดแย้งกับสัจธรรม .. ในธรรมชาติ โดยยอมรับในความเป็นจริงตามกฎเกณฑ์ของกรรม อย่างเข้าใจในการหาประโยชน์จากกฎแห่งกรรม เพื่อการจัดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างการจัดระเบียบแบบแผนการปฏิบัติตน ที่เรียกว่า วินัย ให้สอดรับกับธรรมชาติผ่าน กลไกกฎเกณฑ์ของกรรม ได้อย่างมีคุณค่ายิ่ง เพื่อการขจัดปัญหาต่างๆ (ความทุกข์) ให้สิ้นไปได้จริง อย่างเป็นอัศจรรย์ในปัญญาของมนุษย์เมื่อเข้าใจ หลักเหตุปัจจัย .. ในวิถีธรรมชาติ!!

พระพุทธศาสนา จึงมีหลักศึกษาปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน เพื่อการฝึกฝนตนเองให้มีความประพฤติทางกาย วาจา และใจ ที่ถูกต้องชอบโดยธรรม เป็นประโยชน์และเหมาะควรตามฐานะในพระพุทธศาสนา ดังที่เรียกว่า พระวินัย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการละกิเลส สู่เป้าหมายสูงสุด คือ พระนิพพาน...

พระวินัย.. จึงเป็นหลักธรรมที่แสดงให้เห็นบริบทแท้จริงของพุทธศาสนา ว่าเป็นแนวทางแห่งพรหมจรรย์อันทรงคุณค่ายิ่ง ควรแก่ความศรัทธาเลื่อมใส ทำให้เป็นที่น่าเชื่อถือยอมรับ จึงกล่าวว่า การดำรงอยู่ของพระวินัย เป็นหลักประกันความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ดีงาม ความสวยงาม และความสงบเรียบร้อย ในหมู่สงฆ์.. สังคมและสิ่งแวดล้อม.. และสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดมีขึ้นได้ในทุกสมัย ด้วย พระวินัยจะกดข่มบุคคลที่ควรกดข่ม จะยกบุคคลที่ควรยก.. จะเป็นกลไกในการบริหารคณะสงฆ์ ป้องกันมิให้เสื่อมเสีย อีกทั้งจะเป็นเครื่องช่วยแก้ไข ระงับ อธิกรณ์ต่างๆ ให้สิ้นไปได้ โดยการให้ความสำคัญกับ สังฆกรรม เป็นสำคัญที่สุด.. ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า...

วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ

วินเย ฐิเต สาสนํ ฐิตํ โหติ

แปลว่า.. พระวินัย เป็นอายุของพระพุทธศาสนา

เมื่อพระวินัยดำรงอยู่ พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่

ดังนั้น ปัญหา ข้ออธิกรณ์ใดๆ ที่เกิดในหมู่พระสงฆ์ จึงควรดำเนินการแก้ไขตามระเบียบแบบแผนในพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า “พระวินัย” เป็นหลัก.. โดยเมื่อสงฆ์ถึงความพรั่งพร้อม.. ก็จักสามารถประกอบสังฆกรรม.. เพื่อชำระอธิกรณ์นั้นๆ ให้สิ้นไป ด้วยความเคารพในพระธรรมวินัยยิ่งชีวิต.. เว้นในผลแห่งการกระทำที่เป็นความผิดชัดเจนต่อทางโลก (คดีโลก) ซึ่งสามารถดำเนินการตามกฎหมายบ้านเมืองได้ แต่ก็ควรนำเข้าสู่ ทางธรรม (คดีธรรม) เพื่อสรุปผลทางวินัยควบคู่ไปด้วย จักได้ปกป้องพระพุทธศาสนาไว้สืบไป.. โดยยึดหลัก โลกรองรับธรรม.. ธรรมอภิบาลโลก!

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำข้ออธิกรณ์หรือข้อกล่าวหานั้นเข้าสู่คณะสงฆ์ เพื่อตั้งศาลสงฆ์ขึ้นมารับผิดชอบในแต่ละระดับ จนถึงระดับสูงสุด (มหาเถรสมาคม...) ก่อนจะสรุปผล แจ้งทางบ้านเมือง เพื่อดำเนินคดีทางโลกต่อไป (หากมี..) อันเป็นไปตามระเบียบแบบแผนทางธรรม เพื่อการให้ความเคารพใน พระวินัย.. การยกเอากฎหมายบ้านเมืองเป็นใหญ่เหนือ พระวินัย ..นั่นคือการทำลาย รากแก้วพระพุทธศาสนาโดยปริยาย

ดังตัวอย่าง กรณี พระอาจารย์รูปหนึ่งแถวปทุมธานีที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจากข้อเท็จจริงพบว่า ข้ออธิกรณ์ที่ถูกกล่าวหา หลายเรื่องผ่านการสอบสวนทางสงฆ์ (ฝ่ายปกครองของพระอาจารย์รูปนั้น) ไปแล้ว.. แต่เมื่อมีประเด็นใหม่ขึ้นมา ปรากฏว่ามีการจับทุกเรื่องมาโยงกันกลายเป็นข้ออธิกรณ์ใหม่.. จนทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมผู้เสพข่าวสารในยุคไอทีที่แพร่อย่างรวดเร็ว ให้ผิดบ้าง ถูกบ้าง ไปตามกระแสชอบ-ชัง โดยไร้ความห่วงใยใน ความเป็นลบต่อสถาบันสงฆ์และองค์กรพุทธศาสนา ด้วยการมุ่งหวังทำลายกันอย่างไร้มโนสำนึกในฐานะชาวพุทธ...

จึงควรเป็นหน้าที่โดยตรงของคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง ที่ควรใช้โอกาสนี้ เปิดศาลสงฆ์ เพื่อไต่สวนข้ออธิกรณ์ทุกกรณี.. เพื่อเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ในปัจจุบันในกรณีหากมีข้ออธิกรณ์ที่เกี่ยวกับพระวินัย และจะได้เปิดโอกาสให้ฝ่ายบ้านเมืองได้สอบหาข้อเท็จจริงในกรณีที่เป็นประเด็นทางกฎหมาย.. หากมีมูล เพื่อจะได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม... ทั้งนี้ในเบื้องต้นควรสรุปให้จบในข้ออธิกรณ์ของฝ่ายสงฆ์ก่อนว่า ในแต่ละข้อหา (อธิกรณ์) ที่ถูกร้อง อันประกอบด้วยประจักษ์พยานต่างๆ ที่ปรากฏนั้น ผิด.. หรือไม่.. ถ้าผิด.. ผิดในข้อใด และถ้าไม่ผิด.. เพราะอะไร.. และควรเปิดเผยเป็นสาธารณะตามความเหมาะควรโดยพระวินัย!

เมื่อได้ความชัดเจนสรุปจบข้ออธิกรณ์นั้นๆ จากคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองแล้ว.. ก็สามารถนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางฝ่ายบ้านเมืองได้ (หากมีประเด็นเกี่ยวข้อง..) โดยในกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่อง การรับบริจาค.. การใช้เงินบริจาค ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบการของคณะสงฆ์หรือไม่.. โดยคณะสงฆ์ควรจัดส่งผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ทางกฎหมายเข้าไปช่วยดูแล.. เพื่อคุ้มครองพระที่ดีไม่ให้ถูกทำลาย และช่วยสนับสนุนฝ่ายบ้านเมืองให้พิจารณา สืบสวน สอบสวน คดีได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

..ซึ่งหากผลการสอบสวนผิดจริงตามกฎหมายบ้านเมือง ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน.... สำคัญยิ่งอยู่ที่ฝ่ายสงฆ์ว่า มีความเห็นเป็นอย่างไรตามพระวินัย โดยเฉพาะจากภาพและหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ.. ซึ่งควรอย่างยิ่งที่ฝ่ายสงฆ์จะต้องชี้โทษอย่างชัดเจนและเด็ดขาดตามพระวินัย และควรสรุปให้เสร็จโดยเร็วภายใน ๓ วัน ๗ วัน อย่าได้เหมือนกับกรณีอธิกรณ์อดีตหลวงตาทางอีสานที่ลากกันยาวเป็น ๑๐ ปี จนเหตุต้นความผิดเป็นปัจจัยส่งต่อไปสู่ความผิดต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะการประกอบสังฆกรรมของสงฆ์ ที่มีอดีตหลวงตารูปนี้เกี่ยวข้อง.. ที่ส่งผลเลวร้ายมากหากอดีตหลวงตารูปนี้ทำหน้าที่.. พระอุปัชฌาย์ และที่สำคัญยิ่ง คือ จักต้องทำให้ ฝ่ายผู้กล่าวหา (ร้องอธิกรณ์) ยอมรับได้ด้วยในผลสอบนั้นๆ จะได้ยุติ.. และจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะพระอาจารย์รูปนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างข้อควรระวังของภิกษุทั้งหลาย ที่ควรตั้งอยู่ในปาติโมกข์ศีลสังวร..​ อินทรียสังวร.. เพื่อการเข้าถึงความเป็น พระปฏิบัติดี-พระปฏิบัติชอบ ได้ในโอกาสต่อไป.. ซึ่งจะเป็นแบบอย่างให้เข้าใจตรงกันได้ว่า.. พระนิพพานไม่ใช่สำเร็จด้วยการจดจำ.. แต่สำเร็จด้วยการกระทำที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง.. จึงขอฝากบท โศลกธรรม ไว้เป็นอนุสติดังนี้ว่า..

“..วินัยคืออายุแห่งพระศาสนา

ดั่งลมหายใจพาชีวิตสถิตมั่น

วินัยตั้งมั่น ศาสนาย่อมยืนยง

เมื่อวินัยมั่นคง ศาสนาย่อมไม่สิ้นสูญไปจากใจ!”.

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ

สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง

โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”