ไทยจะไม่เสื่อม .. ด้วยอปริหานิยธรรม!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในทุกสถานการณ์โลกที่สะท้อนสภาวธรรม ไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบ.. กุศลหรืออกุศล ดีหรือชั่ว.. บุญหรือบาป ล้วนบ่งบอกความเคลื่อนไหวใน จิตวิญญาณมนุษยชาติ ที่ประกอบด้วย กิเลส หรือ สติปัญญา อันเป็น มูลเหตุของบาปกรรม .. บุญกรรม

สันติภาพ และ สงคราม .. จึงเป็นสภาวธรรมที่อยู่ตรงข้ามกัน ดุจดัง กิเลส และ ปัญญา ซึ่งไม่ว่าเป็น สงครามภายนอก .. ที่นำไปสู่การรบราฆ่าฟัน การทำลายล้างกันด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์..

..หรือ สงครามภายใน .. ที่ถูกกิเลสในใจคนเราโจมตีทำลาย เพื่อให้ย่อยยับจาก สันติสุข ล้วนย่อมมีเหตุมาจากอกุศลธรรมเดียวกัน คือ โลภ โกรธ หลง

พระพุทธศาสนา จึงมุ่งสั่งสอนให้พิจารณาเห็นจริงใน เหตุปัจจัย .. ในเรื่องนั้นๆ.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากภายนอกหรือเกิดขึ้นภายใน ทั้งนี้ เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ตรงเหตุ...

จึงได้เห็นหลักธรรมเพื่อสันติภาพในพระพุทธศาสนาที่สอนให้สร้าง สันติภาพภายใน ผ่านหลัก เมตตากรุณา.. อหิงสา.. ขันติ และสติ อันเป็นไปเพื่อลดละความเห็นแก่ตัว การยึดมั่นถือมั่นในประโยชน์แห่งตน จนเข้าไม่ถึงคำว่า ความสุขที่แท้จริง ในฐานะสัตว์ประเสริฐ..

..การสรรค์สร้างทัศนคติให้ถูกต้องตรงตามธรรม จึงเป็นจุดมุ่งหมายในพุทธศาสนา.. ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า.. ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม .. อำนาจแห่งธรรม ย่อมชนะอธรรม.. ในทุกกาลสมัย และอำนาจที่เหนืออำนาจใดๆ ในโลกนี้ คือ อำนาจแห่งกรรม..

ความเข้าใจใน กฎแห่งกรรม.. ความเชื่อมั่นใน อำนาจธรรม.. จึงนำไปสู่ ความเคารพกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ อันเป็นไปเพื่อการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องตรงธรรม (ทัศนคติธรรม) ด้วยการสร้างความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) ที่ว่าด้วย กฎเกณฑ์ของกรรม อันเป็นมโนธรรมของชาวโลกที่สำคัญยิ่ง

การสร้าง สันติภาพ ภายในจิตใจ.. สู่การสร้างคุณธรรมความดีในหมู่คณะ.. ในสังคมประเทศชาติ จึงเป็น การศึกษาเพื่อการสร้างสรรค์ชีวิตให้ดีงาม สอดรับกับธรรมชาติ.. เพื่อประโยชน์สุขแท้จริงทั้งของบุคคล.. และสังคมประเทศชาติ ที่สมาชิกในสังคมต้องเคารพธรรม.. มี ศีลธรรม เป็นพื้นฐานชีวิต

หลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้แสดงให้เห็น สัจธรรมของสันติภาพ ว่าแท้จริงมิได้เกิดจากความเก่งกล้าสามารถในการรบราฆ่าฟัน... ความกล้าหาญในการสงคราม

แต่จะต้องเกิดจาก ความเข้มแข็ง มั่นคง เฉลียวฉลาด อย่างมีปัญญา รู้เข้าใจในหลักธรรมเพื่อการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ในอันที่จะได้บรรลุถึงความเจริญสุขสถาพร.. ไม่มีความเสื่อมเลยทั้งต่อตนเอง.. หมู่คณะ.. สังคมและประเทศชาติของตน ด้วยการสถาปนาความเข้มแข็ง มั่นคง ในส่วนภายในเป็นสำคัญที่สุด.. อย่างความเชื่อมั่นว่า.. จักไม่มีอำนาจใดๆ ภายนอกมาบั่นทอนทำลายให้เสื่อมไปได้เลย..!!

ดังใน สมัยพุทธกาล เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรู จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธ ต้องการยกกองทัพไปทำสงครามกับ แคว้นวัชชี เพื่อทำลายล้างพวกกษัตริย์ลิจฉวีให้สิ้นซาก โดยก่อนที่จะตัดสินใจเคลื่อนกำลังทหารเข้าโจมตีทำลายพระนครเวสาลี แคว้นวัชชี พระเจ้าอชาตศัตรูแห่งมคธได้มอบหมายให้ วัสสการพราหมณ์ มหาอำมาตย์/ที่ปรึกษา ได้เข้าเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระคันธกุฎีบนภูเขาคิชฌกูฏ แห่งพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อกราบทูลเรื่องความประสงค์ของพระเจ้าอชาตศัตรู.. โดยมีเจตนา เพื่อต้องการทราบพุทธพยากรณ์ ที่เมื่อตรัสอย่างไรย่อมเป็นเช่นนั้น..

ในครั้งนั้น พระพุทธองค์มิได้ตรัสใดๆ โดยตรงตามที่ วัสสการพราหมณ์ กราบทูล แต่ได้ตรัสถาม พระอานนท์ที่ยืนถวายงานพัด ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ในขณะนั้นว่า...

..อานนท์ ชาววัชชียังหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์อยู่หรือ..”

พระอานนท์กราบทูลว่า.. “ชาววัชชียังหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ พระเจ้าข้า...”

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสต่อไปตามลำดับว่า.. “อานนท์ ชาววัชชีหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์เพียงใด.. พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเสื่อมเลยเพียงนั้น..”  ..และตรัสถามต่อไปในเรื่อง ความพร้อมเพรียงในการประชุม.. ความพร้อมเพรียงในการเลิกประชุม.. ความพร้อมเพรียงในการช่วยทำกิจที่ควรทำ... ซึ่งพระอานนท์กราบทูลว่า.. ชาววัชชียังถือปฏิบัติอย่างมั่นคงในความพร้อมเพรียงดังกล่าว.. จึงได้ตรัสสรรเสริญว่า ชาววัชชีจะไม่พบกับความเสื่อมเลย หากยังถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเช่นนี้ และแม้ในข้ออื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เช่น ..ชาววัชชีไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ได้บัญญัติ.. ไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว ประพฤติมั่นในธรรมของชาววัชชีตามที่บัญญัติไว้ในครั้งก่อน.. เพียงไร จักไม่มีความเสื่อมเลยเพียงนั้น เป็นต้น

เมื่อ วัสสการพราหมณ์ ได้ยินว่า.. หลักธรรมดังกล่าว ชื่อ อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ทรงแสดงแก่ชาววัชชี เมื่อครั้งประทับ ณ สารันททเจดีย์ ใกล้พระนครเวสาลี ซึ่งตราบใดที่ อปริหานิยธรรม ๗ ประการ ยังตั้งมั่นในชาววัชชี.. ชาววัชชีจักปรากฏอยู่ใน อปริหานิยธรรม ๗ ประการ เพียงใด ชาววัชชีพึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเสื่อมเลย..

โดยแปลความตรงๆ ตามภาษาแบบเราๆ ว่า... กองทัพแห่งแคว้นมคธ อย่าได้คิดไปโจมตีทำลายแคว้นวัชชีเลย จะสูญเสียกำลังไปเปล่าๆ.. ด้วยยากที่จะเอาชนะแคว้นวัชชีได้ ด้วยชาววัชชีมีความสามัคคีธรรมที่เข้มแข็ง มั่นคง อันเป็นไปตาม หลักอปริหานิยธรรม ที่ปกปักรักษา.. ปกป้องคุ้มครอง

เมื่อ วัสสการพราหมณ์ ทราบถึงอำนาจแห่ง อปริหานิยธรรม ที่ก่อให้เกิด ความสามัคคี อันทรงอำนาจธรรม.. จึงได้เกิดความเห็นตามความคิดนึกแบบผู้รู้ทางโลกว่า... แคว้นมคธ โดยพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่พึงทำสงครามเพื่อเอาชนะแคว้นวัชชีด้วยกำลังทหาร.. เว้นแต่การใช้การทูตเข้าโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมให้ยอมมาอยู่ในอำนาจการปกครองของแคว้นมคธ หรือดำเนินแผนทำลายให้เกิดความแตกสามัคคี “สามัคคีเภท”...

จึงเกิดการเปิดแผนยุยงให้แตกแยกขึ้น ที่เรียกว่า “ยุทธการสามัคคีเภท”.. ด้วยอุบายวิธีลุ่มลึกไปตามลำดับอย่างมีแบบแผน.. จนที่สุดในเวลา ๓ ปี ได้ประสบความสำเร็จเมื่อเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีผู้ปกครองแคว้นวัชชีได้เกิดความแตกสามัคคีกัน.. ที่นำไปสู่ความฉิบหายของแคว้นวัชชี เมื่อกองทัพจากแคว้นมคธของพระเจ้าอชาตศัตรูได้นำกำลังทหารเข้าโจมตีแคว้นวัชชีได้อย่างง่ายดาย

ยุทธการสามัคคีเภท จึงเป็นเรื่องที่ทันสมัย ไม่เคยเสื่อมคลาย ซึ่งชาวไทยควรนำมาศึกษา เพื่อให้ตระหนักเห็นโทษภัยของการแตกความสามัคคี.. โดยเฉพาะในหมู่ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่.. ที่อาสาเข้ามามีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง.. ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ.. รวมถึงประชาชนทุกคน.. เพื่อจะได้หยุดการแบ่งพรรคเล่นพวก.. การใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชน.. จนนำไปสู่การแตกแยกของคนในชาติ

ยิ่งในสมัยที่สังคมเข้าสู่ยุคไอที.. มีการใช้เครื่องมือสื่อสารอันทรงอิทธิพลจากเทคโนโลยีชั้นสูง ยิ่งจักต้องตระหนักถึง ความสำคัญของการใช้ด้วยสติปัญญา เพื่อการพิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ อย่างรอบคอบ ในการใช้สอย เสพข่าวสารเรื่องราวทั้งหลาย ที่ปัจจุบันกลายเป็นช่องทางหากินของพวกมิจฉาชีพ..

ในขณะเดียวกัน จักต้องไม่วิตกหวาดกลัวจนปิดตนเอง.. ไม่ยอมรับรู้.. ไม่ยอมเรียนรู้ เรื่องราวใดๆ.. ที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วไร้พรมแดน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรจะเปิดจิตด้วยการยึดหลัก กาลามสูตร เป็นที่ตั้ง ดำรงคติ อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ.. ก่อนที่จะพิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบ อย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง..!!

การเปิดจิตใจให้กว้าง เพื่อเรียนรู้แม้ในเรื่องที่ไม่ตรงใจ ด้วยจิตใจเป็นกลางๆ.. โดยตั้งมั่นใน คติธรรม จึงควร.. เพื่อการผ่อนคลายการยึดมั่นในความคิดตนเอง เพื่อรับฟัง แม้ในความคิดเห็นที่แตกต่าง.. เพื่อการเข้าใจในปัญหาอย่างไม่แตกแยก โดยอาศัย หลักอปริหานิยธรรม.. (ธรรมไม่ให้เสื่อม) และ ปุริสธรรม ที่เน้นการรู้เหตุรู้ผล.. เป็นสำคัญ จะได้นำไปสู่การสร้างความปรองดองของมนุษยชาติในฐานะสัตว์สังคม .. ได้

ดังปัญหาชายแดนระหว่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน.. ซึ่งไม่น่าวิตกกังวลใดๆ เลยในการแก้ไขปัญหา.. ตราบที่ชาวไทยยังมี ความรักสามัคคี.. และมั่นคงอยู่ใน อปริหานิยธรรม..

สำคัญอย่างยิ่ง จะต้องขจัดความขัดแย้งทางความคิดและการเมือง-การปกครองที่ไร้คุณธรรม ให้สิ้นไป และมีการดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญา.. ดำรงอยู่อย่างมีเหตุผล เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน แม้ในความเห็นต่าง.. เพื่อการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามธรรม.. ด้วยการอ้างอิง หลักธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อม (อปริหานิยธรรม).. เพื่อจะได้เข้าใจถึงโทษภัยของ “สามัคคีเภท .. ความแตกแยกในสังคม” อันเป็นภัยร้ายยิ่งกว่า.. ภัยใดๆ ภายนอก!.

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การแก้ปัญหาความขัดแย้ง.. ด้วยวิธีการไม่ขัดแย้ง.. อย่างไร!?

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... พระพุทธเจ้าของเราได้ประทานหลักธรรมเป็นไป.. เพื่อความรัก.. ความระลึกถึงกัน.. ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..

ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ

 “พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”

เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ

สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง