กุนซือสายจีน-ดีลข่าวช่อง 5

ในฐานะที่ทุกท่านได้รับยศสูงขึ้น เป็นนายทหารและนายตำรวจชั้นนายพล ท่านทั้งหลายเมื่อให้คำสัตย์ปฏิญาณไว้แล้วอย่างเข้มแข็งจึงจำเป็นต้องรักษาไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงธรรม ระมัดระวัง รอบคอบ และทุ่มเทเสียสละอย่างสูงสุด ถ้าท่านปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดีสมกับความรับผิดชอบที่มีแล้ว ผลงานของท่านก็จะอำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยตรง และทุกท่านก็จะภูมิใจได้เต็มที่ทั้งในการรักษาหน้าที่และการถวายคำสัตย์ปฏิญาณ”

เป็นสัปดาห์ที่ ตำรวจ ทำงานเข้าตาสามารถคลี่คลาย 2  คดีใหญ่ แบบที่ต้องชื่นชมผลงาน...คดีแรก บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ส่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พร้อมทีมงานไปประสานตำรวจกัมพูชา เข้าตรวจค้นออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ จุดที่ 1 โรงงานร้างไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นจุดที่ใช้โทรศัพท์หลอกเหยื่ออ้างมีพัสดุจากบริษัทขนส่ง DHL หรือ FedEX และถูกด่านกรมศุลกากรอายัดไว้เนื่องจากมีสิ่งของผิดกฎหมายและอ้างเป็นตำรวจเชียงใหม่หลอกเหยื่อ จับกุมผู้ต้องหา 28 คน จุด 2 อาคาร Diwei  Entertainment City เปิดเป็นบ่อนกาสิโนบังหน้า  หลอกลวงให้หลงรักในแอปพลิเคชัน Tinder จากนั้นชักชวนลงทุนเทรดเงินดิจิทัล จุดนี้จับได้ 33 คน ซึ่งถือเป็น 2 จุดสำคัญที่คนไทยหลายๆ คนถูกโทรศัพท์มาหลอกให้โอนเงินจำนวนมาก การเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ก็น่าจะทำให้ประชาชนอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ตำรวจ PCT  ฝากบอก หากพบเบาะแสสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์  PCT 08-1866-3000 หรือสายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ  www.pct.police.go.th ตลอด 24 ชม. หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com

อีกคดีต้องปรบมือดังๆ ให้กับความทุ่มเท อดทนของ  ตำรวจกองปราบปราม และชุดหนุมาน นำทีมโดย บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.มนตรี  เทศขัน ผบก.ป. ที่ในที่สุดก็สามารถจับกุม “ฉุย รักจันทร์”  หรือ จำรัส รักจันทร์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิง ด.ต.อนันต์ มีแสง  ผบ.หมู่ กก.6 บก.ป.เสียชีวิต ด.ต.ชัชชัย พันธอู และ ร.ต.อ.นพดา ณัทณพงศ์ ได้บาดเจ็บ ขณะเข้าจับกุมที่สี่แยกบ้านท่านางพรหม ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ก่อนหลบหนีไป โดยจับได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยมหาดไทย  ย่านรามคำแหง กรุงเทพฯ หลังหลอกล่อเจ้าหน้าที่ให้ค้นหาอยู่บนเขาในจังหวัดพัทลุงและสงขลาอยู่นานหลายวัน รวมทั้งต้องชื่นชมผู้บังคับบัญชาทั้ง ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด กระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด แถมลบข้อครหาการทำคดีนี้ไม่ใช่เพราะแค้นที่ ลูกน้อง  ถูกยิงเสียชีวิต และมองกันว่า ฉุย รักจันทร์ น่าจะถูกเอาคืน  สุดท้าย ตำรวจ ก็แสดงให้เห็นว่า เป็นการทำคดีที่ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย อยู่ภายใต้ความถูกต้อง เมื่อคนร้ายไม่ได้ยิงต่อสู้ ไม่ได้ขัดขืนการจับกุม การนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้ออย่างที่หลายคนคาดกันไว้

นี่ก็มาตลอด เฟกนิวส์ ล่าสุดมีการแชร์ข้อความในเฟซบุ๊กทำนอง ตำรวจเตรียมบริการนำทางรับส่งนักท่องเที่ยวแบบ VIP ไป-กลับจากสนามบิน เมื่อศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทยได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าประเด็นดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ รวมทั้งระบุภาพถ่ายที่ถูกอ้างอิงเป็นภาพที่ถูกถ่ายในการปฏิบัติภารกิจของหน่วย และถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้ว โดยสังเกตได้จากสีเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้มีการเปลี่ยนเป็นสี สนว.01 มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ไม่มีนโยบายบริการนำทางรับส่งนักท่องเที่ยวในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ  และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าว แต่ทั้งนี้นอกเหนือจากการแจ้งเตือนประชาชนแล้ว บิ๊กแจง-พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) คงต้องเร่งติดตามจับกุมผู้ที่ทำเฟกนิวส์ดังกล่าวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะเล่นล้วงคอหูเห่าขนาดนี้ ขืนปล่อยลอยนวล บช.ไซเบอร์ ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกตรงไหนจริงปะ ผบช.แจง ๐

ถึงคราว ททบ.5 ถูกแซะอย่างต่อเนื่อง หลังจากฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไปในสภา เรื่องการเอื้อให้เอกชนเข้ามาผลิตรายการข่าว จนมาถึงประเด็นที่สร้างความฮือฮากรณีที่ บิ๊กตี๋-พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  ททบ.5 (กอญ.ททบ.5) ไปมีภาพพบปะพูดคุยกับ ทูตรัสเซีย-ยูเครน จนทำให้กลุ่มการเมืองเอาไปวิจารณ์กันอย่างเมามันในเรื่องความเหมาะสม ไปจนถึงการทำหน้าที่แบบ “ล้ำเส้น-เกินเบอร์” ทั้งที่ ททบ.5 ไม่ใช่กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ ที่มักถูกแบ่งฝ่ายเป็น “ติ่งส้ม-สลิ่มตกขอบ” ไปเสียทุกเรื่อง ล่าสุด “บิ๊กตี๋” สวมบทสื่อ ยืนยันการทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลสองทาง ไม่รับแต่ข่าวสารจากฝ่ายตะวันตกอย่างเดียว พร้อมมีกระแสข่าวว่ามีการลงนามเอ็มโอยูเรื่องส่งข่าวสารให้ช่อง 5 ไปแล้ว และยังยืนยันว่าดีลนี้ไม่ได้เกี่ยวพันกับกองทัพบก เพราะไม่เคยได้งบฯ จากกองทัพบกมาบริหารแต่อย่างใด กระนั้นผู้สังเกตการณ์ยังตั้งประเด็นคำถามต่อไปถึงการปรากฏตัวของ ไพศาล พืชมงคล อดีตกุนซือ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โปรไฟล์ในฐานะ "ล็อบบี้ยิสต์" อยู่ร่วมวงสนทนาแลกเปลี่ยนข่าวสารด้วย หากติดตามโปรไฟล์ก็จะเดากันได้ว่า “กุนซือผู้นี้” ทำงานมาตั้งแต่ยุค “บิ๊กจิ๋ว” มีสายสัมพันธ์กับ “บ้านท่าพระอาทิตย์” เต็มเปี่ยมไปด้วยวิทยาการย่าน “อุษาคเนย์” จึงไม่แปลกถ้าจะถูกชี้นิ้วเปรี้ยงว่า ไม่นิยมตะวันตกและเทใจให้จีน

แม้กองทัพจะยึดถือ หลักนิยม ของสหรัฐฯ ตามแบบฉบับเดิมที่เริ่มก่อตั้งหน่วยทหารในอดีต แต่เมื่อมองความสัมพันธ์ทางด้านทหารกับประเทศอื่นๆ แล้ว ก็ไม่ได้ปิดกั้นในการเปิดความร่วมมือกับไทย ดูได้จากยุทโธปกรณ์ที่เข้าประจำการในประเทศไทย มีทั้งฝั่งสหรัฐฯ, จีน, อังกฤษ, รัสเซีย, ยุโรป, แอฟริกา ฯลฯ มีการแลกเปลี่ยนการฝึกศึกษา การร่วมกลุ่มในเวทีนานาชาติ โดยยึดตามนโยบายรัฐบาลเป็นหลัก เมื่อเกิดประเด็นช่อง 5 ที่กลายเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมา จนถูกลากโยงไปในเรื่องการเมือง กองทัพบกก็นำเสนอข่าวประชาสัมพันธ์เป็นอีเวนต์ของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ด้วยการเชิญ อ.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์รัฐศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักศึกษาในเรื่องสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนด้วย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่างเป็นจังหวะที่พอดีกัน ๐ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้สหรัฐฯ เองก็ตอกย้ำความสัมพันธ์กับไทยรัวๆ โดย พล.อ. ชาร์ลส์ เอ. ฟลินน์ (Gen. Charles A. Flynn)  ผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก  มาเยือนกองบัญชาการกองทัพบก ที่ถนนราชดำเนิน ก่อนไปร่วมในพิธีปิดการฝึกผสมรหัส Hanuman Guardian 2022 กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก และเข้าชมฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริงของยานเกราะสไตรเกอร์ ที่สนามฝึกบ้านดีลัง จ.ลพบุรี พร้อมจัดพิธีประดับและแลกเปลี่ยนปีกร่มให้กำลังพลที่ผ่านการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศด้วย ขณะที่ ทอ.ยังเดินหน้าฝึกผสม Cope Tiger ที่กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการฝึกผสมทางอากาศที่มีการสนธิกำลังทางอากาศใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ทอ. 3 ประเทศ คือ ไทย-สหรัฐฯ-สิงคโปร์  โดยพิธีปิดนอกจากมี พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.ไทยเป็นประธานแล้ว ยังมี พล.อ.ต.เดวิด เบอร์กี ผู้แทน ผบ.ทอ.สหรัฐฯ กับ พล.อ.ต.เควิน ค็อง ผบ.ทอ.สิงคโปร์ร่วมงานด้วย.