เมื่อโลกกำลังจะลอกคราบ!!!

เท่าที่ฟังๆ จาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์...ที่ได้คิด ได้วิเคราะห์ ไว้แบบในเชิงวิชาการ หรือแบบว่าไปตามตัวเลข สถิติ ข้อมูลและข่าวสาร และคอลัมน์เศรษฐกิจ ไทยโพสต์ ของหมู่เฮา ได้นำมาเผยแพร่ไปมั่งแล้ว

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เห็นว่า ผลกระทบ จากกรณี วิกฤตยูเครน ที่ยังคงตึงตัง โครมคราม อยู่ในทุกวันนี้ น่าจะเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจซักประมาณเดือนนี้ หรือเดือนหน้านั่นแหละ...เป็นต้นไป...

คืออย่างน้อยก็น่าจะทำให้ ตัวเลขการส่งออก สินค้าไทยไปยังทวีปยุโรป ที่ทำท่าว่าชักจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นได้บ้าง อาจต้องหัวทิ่ม หัวตำ กันในอีกขนาดไหน หรือไม่ อย่างไร ก็ยังต้อง ตามไปดู กันเป็นระยะๆ นั่นยังไม่รวมถึงการสั่งซื้อปุ๋ยจากรัสเซีย การเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านจากบรรดานักท่องเที่ยว ไม่ว่าประเภทชาวยุโรป หรือพวกมาเฟียรัสเซีย ที่ชอบมาเดินท่อมๆ แถวๆ พัทยาก็แล้วแต่ ฯลฯ ที่อาจทำให้ความพยายามฟื้นคืนตัวเลขต่างๆ ในทางเศรษฐกิจ ซึ่งตกจากหอ คอย่น มานานแล้ว จากพิษแห่งการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ร่วมๆ 2 ปีเข้าไปแล้ว อาจต้องมีอันหัวทิ่มบ่อลงไปอีกครั้ง อีกครา ได้โดยไม่ยากซ์ซ์ซ์...

เรียกว่า...ไม่ว่าจะว่าในเชิงวิชาการ หรือในเชิงชาวบ้านๆ ก็แล้วแต่ การที่หมีขาวรัสเซียเขาบุกยูเครน จนเป็นเรื่อง เป็นราว บานปลาย ขยายวง กลายเป็น สงครามเศรษฐกิจ ระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก อันมีคุณพ่ออเมริกาและบรรดาประเทศพันธมิตรในยุโรปเป็นหัวหอก ที่กำลังก่อให้เกิดสีสัน บรรยากาศ แบบแทบไม่ต่างไปจาก สงครามโลก (ในทางเศรษฐกิจ) เอาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเมื่อประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเอเชีย และในระดับโลก อย่างจีนและอินเดีย เขายังคงถือหางฝ่ายรัสเซียเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาจะขู่แล้ว-ขู่เล่า เพียงใด ขนาดไหนก็ตามที อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ยังไงๆ...มันคงหนีไม่พ้นต้อง กระทบ ต่อประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่แทบไม่ต่างอะไรไปจาก หญ้าแพรก ซึ่งอยู่ภายใต้ ฝ่าตีนของช้าง นั่นเอง...

การตระเตรียมรับมือกับ ผลกระทบ ดังกล่าว...จึงต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต ระดับอาจต้องถือเป็น วาระแห่งชาติ เอาเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องตัวเลข สถิติ ในเชิงวิชาการ หรือในแง่เศรษฐกิจเท่านั้น เพราะขนาดเรื่อง ช่อง 5 เรื่องคุณน้อง เจ๊ปอง หรือคุณน้อง ต้อย-สนธิญาณ ที่แทบไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ยังถูกกระทบ กระแทก แหลกลาญ ไปเพราะการบุกยูเครนคราวนี้กันเห็นๆ โดยอะไรควร-ไม่ควร อะไรผิด-อะไรถูก อันนั้น...คงเป็นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ต่างก็ถูกกระแทก ถูกกระทบ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะในแง่เศรษฐกิจ การเมือง ไปจนถึงสังคมโน่นเลย การตระเตรียมรับมือกับภาวะที่ว่า จึงถือเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ...

ส่วนการ กินข้าว หรือการ กินเลี้ยง กับบรรดาพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก-พรรคน้อย หรือการวิ่งไล่จับผู้ขาย สลากกินแบ่ง เกินราคา ฯลฯ จะถือเป็น ส่วนหนึ่ง ในการตระเตรียมรับมือกับภาวะดังกล่าว หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...ความผันผวน ปรวนแปร ความวิปริต ผิดเพี้ยน อันเนื่องมาจากความเป็นไปของโลกใบนี้ และเป็นสิ่งที่บรรดาประเทศเล็กๆ ทั้งหลายแทบมิอาจควบคุมได้เลย ยังไงๆ ย่อมต้องคืบคลานเข้ามาหา หรือเข้ามา สร้างปัญหา ให้กับผู้ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ในประเทศนั้นๆ สังคมนั้นๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น...

อีกทั้ง ปัญหา ที่ว่า...มันน่าจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ กว่าที่เคยเป็นมาไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า คือไม่ใช่แค่เฉพาะในแง่ตัวเลข สถิติ ข้อมูลในเชิงวิชาการ หรือในทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังอาจลุกลามไปถึงอารมณ์-ความรู้สึกในทางการเมืองกิริยาอาการในทางการทูต การต่างประเทศ ไปจนถึงความสมัครสมานสามัคคีในทางสังคม ที่ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ อย่าง รัฐบาล ทั้งหลายนั่นแหละเป็นหลัก ว่าจะเตรียมตัวเผชิญหน้า เตรียมตัวรับมือกับ ปัญหา ในลักษณะที่ว่า ในแบบไหน แนวไหน หรือยังสามารถอาศัยกิริยาอาการเดิมๆ แบบประเภทกินเลี้ยง กินข้าว หรือวิ่งไล่จับ ไล่ทุบหม้อข้าวฝ่ายตรงกันข้าม ฯลฯ ที่อาจช่วยให้เกิดการ ประคองตัวรอด ไปวันๆ ได้อีกหลายๆ วัน...

อย่างไรก็ตาม...การ อยู่ยาวว์ว์ว์ อยู่ยืดเยื้อ คาราคาซัง มาประมาณ 7 ปี เกือบ 8 ปีเข้าไปแล้ว อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ เกิดความมั่นอก-มั่นใจได้พอประมาณ ว่าคงสามารถ เอาอยู่ ได้ไม่ยาก สำหรับบรรดาปัญหาทั้งหลายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่ภายใต้ความมั่นอก-มั่นใจใดๆ ก็เถอะ ถ้าหากมันดันไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง หรือข้อเท็จจริงแล้วล่ะก็ มันก็คงไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่เรียกว่า ความประมาท ทั้งหลายนั่นแล ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่ารัฐบาลท่านจะเตรียมตัวรับมือเอาไว้แบบไหน อย่างไร ไม่ว่าจะทุ่มเท มุ่งมั่น เพียรพยายามกันในลักษณะไหน แต่ถ้าหากปราศจากเสียซึ่ง วิสัยทัศน์ และ ปรีชาญาณ ในการ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อสภาพความจริง ข้อเท็จจริง ที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้าแบบแจ่มแจ้ง ชัดเจน งานนี้...อาจถึงขั้นต้อง นอนมา โดยมีพระสวดนำหน้า หรือต้อง ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี กันเป็นแผงๆ ยวงๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Richard Corliss... “Nothing ages so quickly as yesterday’s vision of the future. – ไม่มีอะไรล้าสมัยได้รวดเร็วเท่ากับบรรดาวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเมื่อวันวาน...”.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น