เมื่อประดาบ...ก็เลือดเดือด!!!

แรกๆ...นึกว่าจะหนักไปทางแบบจืดๆ-แห้งๆ สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ไม่ได้เลือกกันนานเกือบ 7 ปี 8 ปี แต่ที่ไหนได้ เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ ยังไม่ทันได้เข้า โค้งวัดเบญจะ ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบเดือนถึงจะรู้หมู่ รู้จ่า รู้สารวัตร แบบชัดๆ จะจะ แต่ก็ดัน เล่น กันชนิดเลือดสาด ทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ ถึงขั้น หมอไม่รับเย็บ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

-----------------------------

เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะดุเดือด รุนแรง ไปได้ถึงปานนี้ สำหรับ การเลือกตั้ง ที่มีทั้ง กลเกมการเมือง และ กลกามการเมือง อย่างที่คุณน้อง ผักกาดหอม ท่านได้ให้คำนิยามเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ส่วนอะไรถูก-อะไรผิด อะไรเป็นเกม-เป็นกาม คงต้องขออนุญาตให้ไปลองติดตามกันเอาเอง เพราะมันออกจะจั๊กกะจี้ จั๊กกะเดียม

เกินกว่าจะเอามาพูดถึงในที่นี้ แต่ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ กาม เพียงแค่  เกม ล้วนๆ...ก็ออกจะเป็นอะไรที่ยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า พอสมควรแล้ว แม้แต่ประเภท บุรุษกล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ที่เคยมาแรง แซงโค้ง ทำท่าว่าจะนำแบบ ม้วนเดียวจบ แต่เมื่อเจอกับ เกม เข้าไปประมาณดอก-สองดอก ชักเริ่มๆ หายใจทางเหงือก ขึ้นมาซะดื้อๆ...

--------------------------------------------

คือต้องตามไปแก้ไข-แก้ตัว...ถึงเรื่องราวตั้งแต่ชาติปางก่อน หรือตั้งแต่ผงาดขึ้นเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรค เผาไทย เขานั่นแหละ โดยไม่ว่าจะแก้แบบไหน อย่างไร แต่การที่ต้องหาทางดำรงตนให้เป็น อิสระ ไม่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับความ ห่วยแตก ในแต่ละรูปแต่ละแบบของพรรค เผาไทย ขณะที่ยังปรารถนาและต้องการที่จะได้มาซึ่ง คะแนนนิยม จากบรรดาผู้ที่ยังหลงใหล ได้ปลื้ม กับพรรคการเมืองพรรคนี้ มันเลยเป็นอะไรที่พูดไม่ออก-บอกไม่ถูก หรือเป็นอะไรที่ยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า อยู่พอสมควรเหมือนกัน ไม่ว่าจะ ก้ามใหญ่-ก้ามโต กว่าใครเขาเพื่อน...ก็เถอะ!!!

-------------------------------------

ส่วนบรรดาผู้สมัครรายอื่นๆ ที่ไม่คิดจะเป็น อิสระ หรือยังคงต้องสังกัดพรรค ต้องอาศัยฐานเสียง ฐานคะแนน ของค่ายที่ตัวเองสังกัด อาจไม่ถึงกับต้องพะว้าพะวังอะไรมากมายนัก แต่ก็นั่นแหละ...โอกาสที่จะต้องเบียด ต้องแซง กันเอง ชนิดเหงื่อไหล ไคลย้อย เหงื่อตกกีบ ด้วยเหตุเพราะชาว กทม.ยุคนี้ อาจต่างไปจากยุคพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูดไปนานแล้ว คือออกจะ ร้อยพ่อ-พันธุ์แม่ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ฐานคะแนนแต่ละฐาน มันเลยออกไปทาง กระจัดกระจาย ไม่ได้เป็นปึก-เป็นแผ่น เป็นกลุ่ม-เป็นก้อนเหมือนแต่ก่อน แถมในแต่ละราย แต่ละฐาน ยังอาจ ซ้อนทับ กันไป-กันมาอีกซะล่วย...

-------------------------------------------------

อย่างราย... ผู้ว่าฯ อัศวิน กับ รองผู้ว่าฯ สกลธี เพียงเท่านี้ก็ บวดหัว ชนิดยา   บวดหาย ก็ไม่น่าจะเอาอยู่ คือไม่รู้ว่าจะแบ่งภาค แบ่งข้าง แบ่งฝ่าย ไป เขย่าประชาธิปไตย ให้ใครกันดี เพราะฝ่ายหนึ่งก็ เอาบิ๊กตู่ แบบสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารมาตั้งแต่แรก ขณะที่อีกฝ่ายก็ เอาบิ๊กตู่ อีกเช่นเคย แต่อาจเอาผ่าน กำนันสุเทพ ซึ่งก็ยังคงทิ่มกระดานอยู่กับ บิ๊กตู่ อย่างไม่คิดลดราวาศอกจนตราบเท่าทุกวันนี้ แต่ถ้าตัดสินใจแฉลบออกข้างไปทาง ดอกเตอร์เอ้ ก็ดันเจอกับ กลกามทางการเมือง ที่ยังคงต้องหาข้อสรุป หาข้อยุติ กันอีกนาน...

 -----------------------------------------------

ไม่ต่างไปจาก วิโรจน์ ชนดะ อีกนั่นแหละ...แม้จะสามารถสร้างฐานคะแนนจากพวก สีแดง ที่แปรสภาพมาเป็น สีส้ม ด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที แต่การไล่เหยียบ ไล่กระทืบ ระหว่างพวกแดง พวกส้ม ในทุกวันนี้ มันออกจะ เอาเรื่อง หรือออกจะเป็นระบบเป็นกิจการยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะในจังหวะที่คุณพี่ โทนี่-โทนาฟ ท่านดันเกิดอาการ ของขึ้น ในช่วงหลังๆ หรือออกมา คลับเห่า ในเรื่องแต่ละเรื่องอย่างชนิดขยันขันแข็งเสียเหลือเกิน คำพูดอะไรก็ตามที่ออกจากปาก ก็เลยไม่ต่างไปจากลูกศรที่ยิงไปแล้ว แทนที่จะ นิ่งเสียตำลึงทอง ก็เลยมีแต่เสียกับเสีย ไม่ได้อะไรติดปลายนวมขึ้นมาเลย ส่งผลให้บรรดาพวกแดง พวกส้ม หันมาไล่เหยียบ ไล่กระทืบ ระหว่างกันและกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ จนอาจเหลือเพียงแค่ กะหรี่สนามหลวง เท่านั้นเอง ที่ยังคงตั้งตารอคอยการ ทวงสนามหลวงกลับคืนมา...

 ----------------------------------------------

ดูจากลักษณะอาการทำนองนี้...เห็นทีบรรดา ผู้ที่ยังมองไม่เห็นผู้ที่เหมาะสม  ทั้งหลาย อาจต้องหันไป เทคะแนน ให้กับผู้สมัคร อิสระ ที่ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับบรรดาพรรคการเมืองทั้งสิ้น ทั้งปวง อย่าง หญิงเหล็ก-รสนา นั่นแหละ น่าจะเข้าท่ากว่า คืออย่างน้อย...ก็ไม่ต้องเสียเวลาปวดหัวตายโหง หรือยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า มากมายซักเท่าไหร่นัก ยิ่ง หญิงเหล็กรายนี้ท่านสรุปทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ แต่ตรงเป้า ตรงประเด็น อย่างมิอาจปฏิเสธใดๆ ได้เลย นั่นก็คือ...แค่ไม่คิดจะโกง...ก็เจริญแล้ว สบายแล้ว!!! ไม่ต้องเสียเวลาพูดพล่าม ทำเพลง อะไรกันมากมาย...

-----------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก “Sanskrit proverb”... Four things come not back: The spoken word; the speed arrow; time past; the neglected opportunity. - สี่สิ่งนี้...ไปแล้วไม่กลับคืนมา หนึ่งคำพูดออกจากปาก สองลูกศรที่ยิงแล้ว สามเวลาที่ผ่านไป และสี่โอกาสที่ล่วงเลย...”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น