ไม่ว่าตัวจริง-ตัวสำรอง...ชักจะน่าเบื่อด้วยกันทั้งนั้น

มาอีกแล้ว...ตัวสำรอง นายกฯ สำรอง แค่คำพูด คำจา ไม่กี่พยางค์ แต่ก็เล่นเอาใครต่อใครในแวดวงการเมือง เกิดอาการปวดเศียร เวียนเกล้า ท้องเฟ้อเรอเปรี้ยว ไม่ก็วิงเวียนศีรษะกันไปมิใช่น้อย ต้องนำไปแปลความ ตีความ นำเอารายละเอียด ข้อมูล ความเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ มาใช้เป็นองค์ประกอบ จนเป็นอะไรที่ยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า ไปอีกจนได้!!!

------------------------------------------------------

คืออันที่จริง...ถ้าหากเป็น เกมกีฬา แล้ว การตระเตรียม ตัวสำรอง เอาไว้นั่งๆ ยืนๆ นอนๆ อยู่ข้างสนามนั้น ต้องถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ เพราะถ้าหาก ตัวจริง ดันสะดุดหัวแม่ตีนตัวเอง ล้มคว่ำคะมำหงาย

ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย ไปในรูปไหน ลักษณะไหนก็แล้วแต่ หรือถ้าวันหนึ่ง-วันใด จังหวะหนึ่ง-จังหวะใด ตัวจริงดันเกิดอาการไปไม่เป็น เล่นไม่ออกซะดื้อๆ บรรดา ตัวสำรอง ทั้งหลายนั่นแหละ ถือเป็น คำตอบ ที่สามารถช่วยเปลี่ยนเกม ยกระดับเกมหรือช่วยให้เกมเดินหน้าต่อไปได้ แต่ทั้งนั้น-ทั้งนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับ โค้ช นั่นเอง ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนม้ากลางลำธาร กันในตอนไหน? เมื่อไหร่? หรือไม่? อย่างไร?...

----------------------------------------------------

ยิ่งถ้าหาก ตัวสำรอง มีขีดความสามารถสูง ไม่น้อยไปกว่า ตัวจริง มากมายซักเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสิทธิ์ช่วยเกม เปลี่ยนเกม และยกระดับเกม ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แต่ถ้าหากแค่เดินไป-เดินมา ยังต้องคอยช่วย คอยพยุง ยังต้องเกาะแขน เกาะขา ใครต่อใครถึงจะไปไหว อันนี้...น่าจะลำบาก!!! คงต้องปล่อยให้นั่งๆ นอนๆ ข้างสนามต่อไปเรื่อยๆ น่าจะเหมาะกว่า แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ โค้ช ลูกเดียวเท่านั้นเอง แต่อาจเพราะด้วยเหตุที่ เกมการเมือง นั้น มันอาจมองไม่ค่อยถนัดชัดเจน ว่าทีมใด รายใด มีใครเป็นโค้ช หรือเป็นผู้คอยบริหาร ดูแลและจัดการ อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวต่างๆ นานา การเรียกหา เพรียกหา ตัวสำรอง มันเลยกลายเป็นเรื่องของกองเชียร์ กองหนุน หรือกองหลอน ซะเป็นหลักใหญ่...

--------------------------------------------------

อย่างไรก็ตาม...สำหรับ ตัวจริง หรือ นายกฯ ตัวจริง-เสียงจริง ผู้ที่กำลังลงเล่นอยู่ในสนาม อย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮานั้น แม้ว่าท่านยังไม่ได้ถึงกับเอ็นพลิก กล้ามเนื้อฉีกขาด หรือไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตายให้เห็นโดยชัดเจน แต่อาจเป็นเพราะการส่งบอล จ่ายบอล มันอาจ ไม่เข้าตา แฟนๆ กันซักเท่าไหร่นัก ไม่ถึงกับมีฤทธิ์ มีเดช พอที่จะเทียบเคียงกับ ไอ้โด้ หรือ คริสเตียโน โรนัลโด ที่พยายามตะเกียกตะกายช่วยทีม ผีแดง-แมนยูฯ ไม่ให้โดน ด่าเช็ด มากมายเกินไปกว่านี้ ด้วยขีดความสามารถในระดับ บอลหลังวัด หรือ หลังโรงเรียนเลิก อะไรประมาณนั้น เลยย่อมก่อให้เกิดเสียงเพรียก เสียงเรียกร้องของบรรดาแฟนๆ บางกลุ่ม บางเหล่า ให้เร่งส่ง ตัวสำรอง ลงไปแทนที่ อันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา...

---------------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหาก ตัวสำรอง ที่คิดจะส่งเข้าไปแทนที่ จัดอยู่ในระดับจอมวิ่ง-สู้-ฟัด อย่างไอ้ยักษ์ผิวสี โรเมลู ลูกากู ที่เคยอยู่กับทีมเชลซี หรือระดับ คีเลียน เอ็มบับเป จอมลากเลื้อยริมเส้น แห่งทีมปารีส แซงต์ แชร์แมง ไปจนถึงนักเตะมัมมี่ อย่าง โมฮัมหมัด ซาลาห์ แห่งทีมลิเวอร์พรุน ฯลฯ ไม่ต้องถึงระดับ เมสซี หรือ ไอ้โด้-โรนัลโด ก็แล้วแต่ ยังอาจพอมีน้ำหนัก มีเหตุ มีผล อยู่ตามสมควรเหมือนกัน แต่ถ้าดันเป็นนักเตะประเภทต้องให้ใครต่อใครคอยช่วยพยุง ต้องเกาะโน่น เกาะนี่ ไม่งั้นยืนไม่อยู่ หรือออกไปในแนว ผม...ม่ายรู้ ซะเป็นหลัก อันนี้...น่าจะส่งกลับไปผ่าตัดหัวเข่าไว้ก่อนนั่นแหละ น่าจะเข้าท่ากว่า หรือกลับทำให้เรื่องตัวสำรอง นายกฯ สำรอง กลายเป็นเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ หรือเรื่องจริงอิงนิยายซะมากกว่า...

---------------------------------------------------------

แต่อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่ทำให้การบ้าน-การเมืองในช่วงระหว่างนี้ ออกไปทางน่าเบื่อ น่ารำคาญ ยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งที่อะไรต่อมิอะไรมันก็แย่แสนแย่อยู่แล้ว แต่กลับยิ่งย่ำแย่ ยิ่งยักแย่ยักยันหนักขึ้นไปใหญ่ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความคลุมเครือ อึมครึม ที่อุบัติขึ้นมาภายใต้สัมพันธภาพระหว่าง พี่น้อง 3 ป. นั่นแหละเป็นหลักใหญ่ คือแทบเดาไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าจะออกไปทาง ลิงจั๊กๆ หรือ รักกันจริงๆ หรือไม่? อย่างไร? จนกลายเป็นสิ่งที่ถูกนำไปซุบซิบ นินทา ต่อความยาว สาวความยืด อันทำให้สีสัน บรรยากาศ ของบ้านเมือง แทบหา ความสงบ-เรียบ-นิ่ง ใดๆ แทบไม่ได้ ทั้งๆ ที่ คลื่นยักษ์สึนามิ กำลังใกล้จะสาดซัดเข้ามา ชนิดอาจส่งผลให้ต้องตายโหง ตายห่า กันไปเป็นแถบๆ...

----------------------------------------------------------

และอย่างที่บอกเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...อดีตนักเขียนรางวัลโนเบลไพรซ์ ชาวเยอรมัน ท่านเคยเอ่ยอ้างเอาไว้เป็นวาทะ เคยตั้งเอาไว้เป็นทฤษฎีประมาณว่า ความเบื่อหน่าย...คือพื้นฐานแห่งการปฏิวัติ การเพิ่มความน่าเบื่อให้กับการเมืองไทยด้วยการปล่อยให้ความคลุมเครือ อึมครึม ดำเนินต่อไป ปล่อยให้เกิดการซุบซิบ นินทา การแปลความ ตีความ จนแทบไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ ใครเป็นตัวจริง ใครเป็นตัวสำรอง ใครจะขึ้นมาแทนที่ใครกันในตอนไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร ภายใต้สภาพเช่นนี้ ถ้าหากต้องเจอกับอะไรที่หนักหนา-สาหัส เจอกับ ปัญหา ระดับของจริง-ของแท้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อาจต้องเป็นไปในแบบ...ถ้าหากท่านไม่คิดจะแก้ปัญหา...ท่านก็คือส่วนหนึ่งของปัญหา นั่นแล...

------------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก John Updike... “Vagueness and procrastination are ever a comfort to the frail in spirit. – ความเคลือบคลุมและการผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นเครื่องปลอบประโลมความอ่อนแอแห่งจิตใจเสมอมา”

--------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น