อ่านเจอเรื่องราวการประชุมที่เรียกว่า 'วิธีการเป็นพันธมิตรสำหรับผู้ป่วย LGBTQIA+' ในเว็บไซต์หนึ่ง ก็ให้รู้สึกว่า..โลกไปไกลแล้วจริงๆ เพราะบรรดาคุณหมอชุมชนที่ต้องดูแลผู้ป่วยคิดว่า "อัตลักษณ์ทางเพศ" จำเป็นต้องให้ความใส่ใจ เพื่อความร่วมมือของผู้ป่วยในการดูแลรักษา
เหล่าคุณหมอชี้ว่า เพื่อความสบายใจของผู้ป่วย ไม่ควรเรียกคนไข้ด้วยคำนำหน้านามว่า นายหรือนาง!
นอกจากนั้นยังเห็นว่า บรรดาคุณหมอฝึกหัดหรือพยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้องอบรม เรียนรู้ระหว่างอัตลักษณ์ทางเพศ การแสดงออก เพศ และรสนิยมทางเพศ เพื่อจะได้ 'เป็นพันธมิตร' กับผู้ป่วยในชุมชน โดยอาจจะติดเครื่องหมายสีรุ้งหรือธงบนเครื่องแบบระหว่างการทำงาน บ่งชี้ให้ผู้ป่วย LGBT ได้รู้สึกสบายใจเมื่อใช้บริการ
คุณหมอบอกว่า ขั้นตอนเหล่านี้ 'ละเอียดอ่อนและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ กับคุณ' แต่ผู้ที่อยู่ในชุมชน LGBT+ เห็นมัน และ 'รู้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องเผชิญกับการเป็นศัตรู'
ความคิดแบบนี้เป็นการลงมือปฏิบัติที่ไม่ต้องเสียงบประมาณไปทำห้องน้ำให้เป็นกลางทางเพศแต่อย่างใด
...เออ..มันก็จริงนะ!!! มนุษย์ป้าคิด..คล้อยตาม
อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการลบ คำว่า "ผู้หญิง" ออกจากสารบบของบันทึกสุขภาพ เพราะโรคเฉพาะของผู้หญิงนั้นแตกต่างจากผู้ชาย อาทิ มะเร็งรังไข่ การมีประจำเดือน แต่ปรากฏว่าแนวคิดเสรีภาพทางเพศ ทำให้บางเว็บไซต์ลบคำว่าผู้หญิงออก โดยใช้คำว่า "ใครก็ได้" ที่มีรังไข่ และใครก็ได้ที่มีประจำเดือนแทน ทั้งนี้ ผู้คัดค้านระบุว่า คำแนะนำทางการแพทย์เกี่ยวกับการลดเพศอาจเป็นอันตรายต่อผู้หญิง โดยการส่งข้อความด้านสุขภาพที่มีความสำคัญตกๆ หล่นๆ หรือว่ามากเกินความจำเป็น
..การถกเถียงที่น่าสนใจนี้เกิดในลอนดอน ซึ่งในฐานะผู้หญิงอย่างมนุษย์ป้า ก็รู้สึกว่า สังคมเปิดกว้างให้ผู้คนเลือกเพศตามสบายใจ อีกทั้งเคารพในการแสดงออกของผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศ แล้วลืมไปหรือเปล่าว่า คนที่ยืนยัน และเลือกเพศมาตั้งแต่กำเนิดว่า เป็นชายจริงหญิงแท้นั้น ..คนกลุ่มใหญ่นี้กำลังถูกเพ่งโทษว่า จิตใจคับแคบอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ หากไม่เห็นด้วยกับวิถีในการเปลี่ยนแปลงที่สุดโต่ง สุดฤทธิ์สุดเดชจนเกินพอดี
โลกใบใหม่ที่คนมีความหลากหลายทางเพศพยายามสร้างขึ้นนั้น ได้สนใจหรือไม่กับความถูกต้องเหมาะสม ในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัว ตลอดไปจนถึงสังคม ท่ามกลางการเรียกร้องต่างๆ สารพัด
บอกตรงๆ แค่เห็นซีรีส์และรายการทางทีวีบ้านเราทุกวันนี้ มนุษย์ป้าก็มึนแล้วว่า โลกไม่มีเพศจะรู้จักเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนมีเพศหรือเปล่าหนอ?!?.
"ป้าเอง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย
ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ
60อัป..ใครทำได้ก็ทำไป
ประเด็นขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 65 ปี กำลังเป็นเรื่องฮอตในสังคมไทยอยู่ตอนนี้
เรื่องของ..มิวเซียม
เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เรื่องตลกเรื่องนี้ได้ที่หนึ่งของโลก
ในงานปาร์ตี้รวมดารา มีคุณลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งขึ้นเวทีมาด้วยไม้เท้า แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ พิธีกรถามว่า "คุณลุงยังไปหาหมอบ่อยๆ อยู่ไหมครับ?"


