ไล่ออกตำรวจ

ว่าที่ ร.ต.ต.สุรยุทธ หลวงพิทักษ์  เป็น ร.ต.ต.ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2563, ว่าที่ ร.ต.ต.หญิง  ปาลินรดา รอดบางยาง เป็น ร.ต.ต.หญิง ตั้งแต่วันที่ 16  เม.ย.2563 และว่าที่ ร.ต.ต.ฉัตรธาร ลิ้มอุปถัมภ์ เป็น ร.ต.ต. เป็นต้น ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ๐

      ต้องเรียกว่า สูสี ดู๋ดี๊ แบบที่ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าสุดท้ายแล้ว ศึกชิงเก้าอี้ ผู้นำสีกากี แทน ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)  ใครจะเข้าวินระหว่าง บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. (นรต.38) เกษียณปี 2566 กับ บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (นรต.40) เกษียณปี 2567 หรือจะมีตาอยู่อย่าง บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณปี 2566  ผบ.ตร.ในดวงใจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาปาดหน้าคว้าพุงปลาไปกิน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอใน ยุทธจักรโล่เงิน ตราบใดที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ยังไม่ตีตราประทับ ล้วนเกิดได้หมด แต่ถ้าวัดกระแส ณ ชั่วโมงนี้ ก็ต้องบอก บิ๊กเด่น เหลื่อมกว่านิดๆ มี บิ๊กรอย หายใจรดต้นคอ ส่วน บิ๊กหิน  น่าจะต้องรอเก็บตกหากเกิดรายการพลาดพลั้ง ซึ่งทุกอย่างจะชัดเจนหลังผ่าน 15 ส.ค.ไปแล้ว ๐

ขจัดปลาเน่าออกจากฆ้องอีกล็อตใหญ่ๆ วงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครั้งที่  7/2565 ซึ่งมีคณะกรรมการ ก.ตร., ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการ ก.ตร.วินัย คณะอนุกรรมการ ก.ตร.ร้องทุกข์ และคณะอนุกรรมการ  ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคลเข้าร่วมประชุมนั้น คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์  และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการตำรวจ เดือน ก.ค.65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 20 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 19 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 165 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 133 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 32 นาย ๐

เหนื่อยใจแทน บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. บอกผ่านสื่อกันจนปากเปียกปากแฉะ ก็ยังมีผู้หลงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ที่อ้างชื่อ บิ๊กโจ๊ก ออกหากินอีก  ล่าสุดรายที่ 6 พื้นที่ จ.เลย ผู้เสียหาย 2 ราย ได้นำที่ดินไปขายฝากกับขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบ จนถูกยึดทรัพย์สินหรือที่ดินไป จึงประสงค์จะขอความช่วยเหลือจาก  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขณะนั้นมีคนแนะนำให้ทราบว่า นางสุภัทรา อายุ 40 ปี ชาว จ.เลย สามารถพาไปพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้ ผู้เสียหายจึงติดต่อพูดคุย ก่อนจะถูกเรียกเงินค่าดำเนินการหลายครั้งมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็สูญเงินไปแล้ว จากนั้นมาแจ้งตำรวจ สภ.ปากชม  กระทั่งจับกุมผู้ต้องหามาได้ โดย บิ๊กโจ๊ก ยืนยันอีกครั้ง  “กระผมไม่มีนโยบายในการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายด้วยวิธี” หากมีใครอ้างชื่อมาหลอกลวงก็ขอให้ติดต่อมาโดยตรง จะดำเนินการจับกุมให้หมด เพราะขนาดเพื่อนร่วมรุ่นก็ไม่ละเว้นมาแล้ว ๐

ประชุมสภากลาโหม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังไม่ได้คุยเรื่อง “โผทหาร” นอกรอบ แต่กระทรวงกลาโหมได้ประสานเหล่าทัพก่อนหน้านี้ ในการส่งบัญชีรายชื่อนายทหารรอบแรกไปที่กลาโหมในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม  รวบรวมสำเนารอบแรกผ่าน พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์  ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ส่วนการหารือในคณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพลฯ ตามขั้นตอนกฎหมาย เบื้องต้นนัดหมายวันที่ 10  ส.ค.นี้ และเมื่อดูภาพรวมแคนดิเดตที่เป็น “ตัวเต็ง” น่าจะไม่พลาดการขึ้นสู่ระดับ ท็อปไฟว์ แต่รายละเอียดการจัดทัพภายในน่าจะเกิดแรงกระเพื่อมอยู่ไม่น้อย ยิ่งบวกรวมกับการโยกย้ายข้าราชการล็อตใหญ่ทุกสีในช่วงต่อจากนี้ไปถึงปลายเดือนกันยายนของ รัฐบาลประยุทธ์ ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้า การเลือกใครมากุมบังเหียนหน่วยงานย่อมต้องประณีต และเป็นหลักประกันว่าไว้วางใจได้ โดยเฉพาะในกองทัพบางตำแหน่งบางหน่วย ที่นายกฯ และ รมว.กลาโหม อาจจะมีการพิจารณาเป็นพิเศษ และอาจต้องมีการ “ล้วง” กันบ้าง ๐

แต่ความห่างของรุ่นระหว่าง 3 ป. กับทหารรุ่นน้องที่เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพ อาจทำให้นายกฯ มีข้อมูลไม่พอในการที่จะไป “แตะ” ใคร หรือตำแหน่งใดได้มาก  ฐานข้อมูลของนายกฯ หรือแม้กระทั่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็จะมาจากทหาร  “บิ๊กเนม” เตรียมทหารรุ่น 20 ที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งยังมีอิทธิพลพอสมควรในการจัด ขุมกำลัง ต่อเนื่องมาในช่วง  5 ปีหลัง ประกอบกับ พล.อ.วรเกียรติ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ยังอยู่ในตำแหน่งในปีนี้ในการช่วยผลักดัน แต่ทั้งคู่ก็จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ซึ่ง ตท.20 ชุดนี้จะเป็นคลื่นลูกสุดท้ายที่มีอำนาจในกองทัพ    ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับ ตท.21 ที่ยังมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งเหลืออายุราชการถึงปี 2566 และ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) จะเกษียณในปีนี้ ในการหนุนผู้ที่ตนเองเสนอให้ไปตลอดรอดฝั่ง จึงคาดว่าปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทร., ผบ.ทอ.คนใหม่จะเป็นไปตามที่เสนอขึ้นไป ไม่น่าจะพลิก

แต่อย่างว่า โผทหาร เป็นหนังชีวิต วันนี้ทะเลอาจจะดูราบเรียบ ฟ้าไม่มีเมฆหมอก แต่เรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้เสมอในช่วงสถานการณ์แปรผัน สำหรับเวลานี้ชื่อของ  บิ๊กหนุ่ม-พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ครองอัตราพลเอกพิเศษ อาวุโสสูงสุดจ่อขึ้นปลัดกระทรวงกลาโหม แม้จะอาวุโสรุ่นน้อย แต่ก็อยู่ในทำเนียบแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่จ่อขึ้นตำแหน่ง ส่วนกองทัพเรือ ชื่อของ บิ๊กจอร์ช-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทร. ซึ่ง “บิ๊กเฒ่า” ไปดึงกลับมาจากกองทัพไทยเมื่อโยกย้ายกลางปี ก็คาดว่าจะ ลอยลำ นั่งคุมทัพน้ำได้ค่อนข้างแน่นอน  ยกเว้นจะถูกนำ “จุดอ่อน” ในเรื่องของการได้รับสถานะหน้าที่บางอย่าง หรืออาจไม่ได้เป็นคุณสมบัติที่มีการบังคับไว้ในกฎระเบียบตายตัว ขณะที่ ทอ.แม้จะมีแคนดิเดตหลายคน แต่ บิ๊กต้น-พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.)  ที่ถูกยกองค์กรให้มีฐานะใหญ่เบิ้มเท่า 5 เสืออากาศ น่าจะเป็นตัวเลือกเดียวในใจ “บิ๊กป้อง” แม้จะมีแคนดิเดตนอกไลน์ตำแหน่งหลักข้ามหัวนั่งคุมทัพฟ้าให้เซอร์ไพรส์

แต่กองทัพบก (ทบ.) มีสมการทางอำนาจที่ซับซ้อน ในรอบนี้คาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยน ผบ.หน่วยคุมกำลัง ในกองทัพภาคที่ 1 เกือบทุกกองพล การขึ้นมาแบบตีคู่ของ  ตท.27-28 โดยมี “แบ็กอัป” ทรงพลังทั้งคู่ คงทำให้ บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คงปวดหัวอยู่ไม่น้อย ในการเขย่าโผให้ลงตัวตามความต้องการของแต่ละคน   และในรอบนี้อาจจะเริ่มเห็นบทบาทการก้าวขึ้นมาของ  ตท.30 ในระดับผู้บัญชาการกองพล หรือเทียบเท่า พุ่งเป้าวางทายาท กระชับสายการบังคับบัญชาให้เข้มแข็ง-เบ็ดเสร็จ  ก่อนที่จะถูกรุกหนักในหมากกระดานต่อไป.