สมชื่อ 'สภา ๕๐๐' ซะละมั้ง?

ประเทศไทย "บ้านเรา"

เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย เราก็เท่ากับ หยั่นหว่อหยุ่น "ตราเด็กสมบูรณ์" เท่านั้น

ฉะนั้น เมื่อผู้ใหญ่เขาเหยียบหัวแม่ตีนกัน ไทยเราเป็นเด็ก-เป็นเล็ก ระดับรัฐบาลไม่น่าห่วง เพราะเขารู้ว่าควรวางท่าทียังไง             

ในเมื่อทั้งซ้าย ทั้งขวา.....

ข้างหนึ่งก็มหามิตร อีกข้างก็ญาติผู้ใหญ่ ส่วนรัสเซียนั้น มิตรแท้จริงใจ ไทยรอดจากกรงเล็บนักล่าอาณานิคมมาได้ ก็เพราะ "พี่มีแต่ให้" คนนี้แหละช่วยเหลือ

ที่น่าห่วงก็แต่ "ผู้สันทัดกรณีคีย์บอร์ด" เท่านั้น จะรักใคร-เชียร์ใคร ให้อยู่ในใจ เป็นดีที่สุด

ถ้าคัน จนทนไม่ไหว อยากวิจารณ์ ก็วิจารณ์ไป

แต่ขอให้ระวัง "การใช้ถ้อยคำ" ที่ไปทิ่มตำฝ่ายโน้น-ฝ่ายนี้ แบบเลือกข้าง การทำอย่างนั้น นอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว

ทางตรงกันข้าม ในยุคสื่อสารดิจิทัล.........

การ "วิพากษ์-วิจารณ์" แบบเชียร์มวยนั้น แต่ละฝ่ายเขาจะประมวลเป็นท่าทีและความเห็นในความเป็นประเทศนั้นๆ ไปยังรัฐบาลของเขา

แล้วไทยเราก็จะเสียทั้งมิตร เสียทั้งญาติผู้ใหญ่ เสียน้ำใจไปกระทั่ง "พี่หมี" แดนไกล ที่มีแต่ให้ไทยเราเสมอมา

ยิ่งเดือนพฤศจิกาไทยเราเป็น "ประเทศเจ้าภาพ" ประชุม APEC ด้วยแล้ว

กรุงเทพฯ "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" จะเป็นศูนย์รวมแห่งการพบปะของ "ผู้นำ ๒๑ เขตเศรษฐกิจ"

และที่จะขาดมิได้ ถ้าขาด "งานกร่อย" ทันที ก็คือ ๓ ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก "ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นำจีน และผู้นำรัสเซีย"

จะว่าไป ก็เป็น "โอกาสดี" ของไทยอย่างหนึ่ง......

ถ้าไทยเรา วางตนให้ "อันเป็นที่รักและเอ็นดู" ของ ๓  มหาอำนาจที่กำลัง "ซ่อนใจ" กันอยู่

แล้วสามารถเชิญให้มาร่วมประชุม APEC พร้อมหน้ากันได้ โดยยินดีใช้ไทยให้เป็น "สถานที่กลาง" สำหรับ  ๓ พี่เบิ้ม ได้มีโอกาสสนทนากันเองแบบชิลๆ

โอ...ไทยเรามันจะขนาดไหน!?

งานนี้ ก็ต้องยกให้เป็นงาน "มหาหิน" ของนายกฯ กับรัฐมนตรีดอน และทีมงานกระทรวงการต่างประเทศ

ถ้าทำให้ไทยเป็นสถานที่ "Only love, No  war" สำหรับทุกประเทศในโลกที่ต้องการเคลียร์ใจกันได้ละก็

แค่ "คิด" ก็ตื่นใจ

ถ้าเกิดได้จริง "ประเทศไทย" เราจะเป็นเช่นไร คิดดูเถิด...พี่น้อง!

หยุดเรื่องฝัน หันมาคุยเรื่องจริงบ้างดีกว่า

เมื่อวาน (๓ ส.ค.๖๕) ประชุมรัฐสภา "ล่ม" ซ้ำซากอีกแล้ว

ทั้งเห็นใจ ทั้้งอายแทนท่านประธานรัฐสภา "ชวน หลีกภัย" เลยผม

กดออดก็แล้ว ขอแรงสมาชิกในห้องประชุมไปไล่ต้อนตามห้องอาหาร ตามห้องประชุมกรรมาธิการก็แล้ว ตามห้องส้วม ก็แล้ว

ตามซอกหลืบสัปปายะสภาสถาน เผื่อจะมีบางสมาชิกแอบไปผูกคอตายอยู่ในนั้นก็แล้ว

รอ...เฝ้าแต่รอ...บางสมาชิก ลุกขึ้นกล่าวกระแทกแดกดันผ่านท่านประธานชวน ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ก็ต้องชมความเป็น "ผู้ใหญ่" ที่ถึงพร้อมของท่านประธาน

ท่านกด ท่านข่ม ท่านอดทน ทั้งภาวะน่าอดสูของสมาชิกที่ไม่รู้หน้าที่ ทั้งคำเสียดสีจากบางสมาชิก เรียกว่า รักษาบุคลิกภาพประมุขสถาบันนิติบัญญัติได้สง่างาม

รอ...และ รอ...จาก ๔ โมงเย็น ยัน ๕ โมงเย็น

ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. "กว่าครึ่ง" ไม่ทราบว่า ม.ค.ป.ด.เสียที่ไหน เพราะหายหัวไปหมด "ไม่ครบองค์ประชุม"

ประธานชวนต้องก้มหน้า ข่มใจ

"ปิดการประชุม" ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม  พ.ศ. ...ในมาตรา ๗ ที่ต้อง "ค้างเติ่ง"

จะว่าไป เรื่องสภาล่ม มันเป็นเรื่อง "ประจำสันดาน" สภาไทยไปแล้ว

อยากเป็น ส.ส. อยากเป็น ส.ว.กันนัก

แต่พอได้เป็นแล้ว ประชุมแต่ละครั้ง ยิ่งกว่าต้อนวัว-ต้อนควายเข้าคอก แต่เงินเดือน ผลประโยชน์ บาท-สลึง ก็ขาดไม่ได้ ทั้งข้าวปลาอาหาร ก็ประเคนให้ฟรี

เรียกตัวเอง "ท่านผู้ทรงเกียรติ" โดยไม่กระดากปาก แล้วคิดบ้างมั้ย....

เปิดแอร์ เปิดไฟในห้องประชุมรอเป็นชั่วโมง ค่าไฟฟ้าตอนนี้หน่วยละเท่าไหร่ กะโหลกคิดมีมั้ย

ทั้งเจ้าหน้าที่-พนักงานอีกเป็นร้อย เขาต้องรอ มันเป็นเงินสูญเปล่าอีกเท่าไหร่?

ฉิบหายใคร....

นี่แหละ "ฉิบหาย" ภาษีกูโดยตรงละ คิดแล้วอยากเช่าสัปปายะสภาสถาน เปิดเป็น "สถานอาบนวด" ซะจริงๆ

คุ้มกว่า มีประโยชน์กว่า ถูสบู่ แล้วถีบลงเจ้าพระยา ยังได้ค่าชั่วโมงเข้าคลัง!

ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่...เป็น "แผนดึงเวลา" เพื่อจะล้มกฎหมายลูก "ว่าด้วยการเลือกตั้ง" หรือเปล่า?

จากเดิม หาร ๑๐๐ พอวาระ ๒ พลิกกลับเป็นหาร  ๕๐๐ ต่อมาก็มีข่าว อยากกลับไปให้หาร ๑๐๐ ใหม่

จะทำไงล่ะทีนี้ เพราะมาไกลแล้ว จะกลับไปอย่างเดิมก็ไม่ได้ ต้องรอผ่านวาระ ๓ ไปถึงชั้น กกต.และศาลรัฐธรรมนูญโน่น ว่าจะเอายังไง

ทีนี้ มันก็มีเทคนิคทางรัฐธรรมนูญ "เป็นทางออก" อยู่ว่า กฎหมายลูกต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน ๑๘๐ วัน

จะครบ ๑๘๐ วัน ก็วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหานี้แล้ว เรียกว่ามีเวลาทำการอีกไม่ถึงสัปดาห์ แต่ยังมีหลายมาตราค้างอยู่

ก็อาศัยช่องนี้.....

ดึงให้มันเลย ๑๘๐ วัน กฎหมายลูกก็ตกไป!

แล้วย้อนกลับไปเอาร่างกฎหมายเลือกตั้งที่ กกต.ร่างไว้ "บัตร ๒ ใบ หาร ๑๐๐" มาใช้แทน

มันก็จะเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล (ยกเว้นพรรคเล็ก) ที่คิดสะระตะใหม่แล้ว หาร ๑๐๐  ดีกว่า

ถ้าเล่นแบบนี้ ก็ได้อย่าง แต่ก็ต้องเสียอย่าง คือร่างของ กกต.ต้องทำไพรมารีโหวตตามรัฐธรรมนูญเดิม

ส่วนร่างของพรรคการเมือง การสรรหา ส.ส.ไม่ต้องทำไพรมารีโหวตแต่ละเขต ใช้สมาชิกพรรคในเขตจังหวัด คัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ได้ทุกเขต ทั้งจังหวัด

นี่ผม "อ่านเกม" เอานะ ผิด-ถูก ยังไม่แน่ใจ เพราะอันที่จริง รัฐสภาเมื่อวานต้องไม่ล่ม 

เนื่องจาก ก่อนหน้า วิป ๓ ฝ่าย คือฝ่ายวุฒิสภา, ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ประชุมตกลงร่วมกันเรื่องตารางการประชุมแล้ว โดยท่านชวนเป็นประธาน

คือ มันมีกฎหมายบรรจุเป็นวาระก่อนหน้ากฎหมายลูกเลือกตั้งอยู่ ๒ ฉบับ ตามที่ตกลงกัน ที่ ๒-๓ สิงหาจะประชุมให้เสร็จ

จากนั้น เป็นร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง เพิ่มวันที่ ๙-๑๐  สิงหาสำรองไว้ เพื่อลุยกันให้ทัน ก่อนครบ ๑๘๐ วัน ในวันที่ ๑๕ สิงหา

แล้วจู่ๆ เมื่อวาน กว่าครึ่งก็พร้อมใจกัน "เบี้ยว" ซะงั้น!?

มันก็ผิดแผน-ผิดเวลา.....

ค้างเติ่งอยู่ตรง พ.ร.บ. "กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม" เวลา ๑๘๐ วันก็กระชั้นไล่ตูดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

นี่ก็วันที่ ๔-๕ สิงหา เป็นงานประชุมของ ส.ว.เขา แล้วก็ปิดเสาร์-อาทิตย์ เหลือ ๘-๑๑ สิงหา จากนั้นก็หยุด ๑๒  สิงหา ตามด้วยเสาร์-อาทิตย์

เปิดมาอีกที ก็จันทร์ ๑๕ สิงหา

หมดเวลา ๑๘๐ วัน กฎหมายลูก หาร ๕๐๐ ที่ไม่จบ ก็ต้องใส่โลง หามไปฝัง

แล้วไปขุดเอาร่างของ กกต. "หาร ๑๐๐" กลับมาใช้  ชาวบ้านด่า ว่ากลับกลอกไป-มา ก็ด่าไป พวกกูด้านพอ แต่ได้บัตร ๒ ใบ หาร ๑๐๐

เสร็จสมอารมณ์หมายโจรประชาธิปไตยแล้ว (โว้ย)!

นี่....

มันส่ออาการไปแบบนี้ แต่อาจไม่ใช่ ที่ผมพูดไป "ผิดทั้งหมด" ก็เป็นได้ ก็ต้องดูอีก ๔-๕ วันที่เหลือ ว่า "๓  ฝ่าย" เขาจะ แสดงความจริงใจอย่างไร?

มาร่วมกันทำ เร็วๆ ลวกๆ ที่ค้างให้ผ่านไป

แล้วรีบผ่าท้องทำคลอด "กฎหมายลูกเลือกตั้ง" ให้ออกมา ก่อนแท้งคามดลูกสภาผู้ทรงเกียรติ ผมก็จะได้กราบขออภัย ที่หยามไปล่วงหน้า

แล้วยังมีกฎหมายสำคัญอีกฉบับที่รออยู่ คือร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ ในวันที่  ๑๗-๑๙ สิงหา

ก็ต้องปล้ำกันให้เสร็จ ก่อนที่จะหมดสมัยประชุมกลางกันยา ดูไปแล้วก็ "กลุ้มใจ"

คือกลุ้มว่า "กูจะมีรัฐสภา" ด้วยสมาชิกวุฒิภาวะแบบนี้ไปเพื่ออะไร?

ระบบ "เผด็จการประชาธิปไตยปราบโจร" พิสูจน์แล้ว คือระบบพัฒนาประเทศ

ส่วนระบบ "ประชาธิปไตยโจรเบ็ดเสร็จ" คือ ระบบพัฒนาอำนาจโจร

ไม่เชื่อก็ลองไปถามคุณยาย "เพโลซี" ดูก็ได้!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?

๑ หมื่น 'ไม่ลื่นคอ' นะจ๊ะ

ปกติจ้อจน "จ๋อลพบุรี" ตกต้นไม้ แต่พอถึงเรื่อง "เงินแจก ๑ หมื่น" ชาวบ้านที่ไม่ต่างแมวถูกเศรษฐาเอาปลาย่างทาจมูก ต่างรอฟังผลประชุม ครม.ตกลงจะเคาะแจกวันไหน?

"ขายเพื่อน" ใครจะคบ?

"บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล"สมแล้ว ที่มีคนเรียก "เทพโจ๊ก" บ้าง "มารโจ๊ก" บ้าง "แมวเก้าชีวิต" บ้าง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" บ้าง

'เรามาปฏิวัติกันเถอะ'

รัฐบาลนี้.... ในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด ๓๓-๓๔ คน มี "ใหญ่จริง" ที่ได้รับการซูฮกยกเป็น "บิ๊ก" มีอยู่คนเดียว