ไม่ทิ้งลูกน้อง

ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเดินทางไปร่วมงานของ บิ๊กต่อ และมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของ ด.ต.สวัสดิ์ เป็นสิ่งที่คนเป็น นาย ควรทำ เพื่อให้ลูกน้องทุกนายและครอบครัวลูกน้องทุกนาย ได้รับรู้ถึงการทำงานเพื่อหน่วย เพื่อองค์กร นาย ไม่เคยทอดทิ้ง

เช่นเดียวกับการมอบรางวัลเมื่อ ลูกน้อง มีผลการปฏิบัติงานดี ทำคุณประโยชน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นาย ก็ต้องให้รางวัล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ อย่างที่ ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่นช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 และหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 โดยครั้งนี้ หน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่น มอบรางวัล 2 ประเภท 6 รางวัล คือ 1.ประเภทหน่วยงานที่มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมดีเด่น แบ่งเป็นการปราบปรามอาชญากรรมทั่วไป ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5 การจับกุมบุคคลตามหมายจับ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2.ประเภทรางวัลผลจับกุมอาวุธปืน อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 4 อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 5 และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 2

ส่วนหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มอบรางวัล 5 ประเภท 26 รางวัล ประเภทหน่วยที่มีผลงานดีเด่นด้านป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ระดับกองบัญชาการ อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 3 อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 4 และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 9 ระดับตำรวจภูธรจังหวัด อันดับ 1  ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ประเภทการบังคับใช้กฎหมายข้อหาขับขี่รถในขณะเมาสุรา ระดับกองบัญชาการ อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 8 อันดับ 2  ตำรวจภูธรภาค 7 และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 5 ระดับตำรวจภูธรจังหวัด อันดับ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี อันดับ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ประเภทการจับกุมข้อหาขับรถในขณะเมาสุรามากที่สุด ระดับกองบัญชาการ อันดับ 1 ตำรวจภูธรภาค 3  อันดับ 2 ตำรวจภูธรภาค 4 และอันดับ 3 ตำรวจภูธรภาค 5 ระดับตำรวจภูธรจังหวัด อันดับ 1 ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา อันดับ 2 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และอันดับ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นต้น

ทำดีมีรางวัลแล้ว ทำไม่ดี ทำผิดกฎหมาย ทำผิดระเบียบ ก็ต้องลงโทษ ลงทัณฑ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายกันไป กรณีเจ้าหน้าที่ กกล.ผาเมือง ร่วมกับตำรวจจับกุมตัว ด.ต.คมภูศิษฐ์ ธนดาวพิจารณ์ อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และภรรยา พร้อมของกลางฝิ่นดิบ จำนวน 50 ก้อน ก้อนละ 1.6 กิโลกรัม น้ำหนักรวมประมาณ 80 กิโลกรัม ซุกซ่อนในท้ายรถเก๋ง บริเวณด่านตรวจแก่งปันเต๊า ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ หลังรับจ้างขนฝิ่นจากอำเภอฝางเที่ยวละ 75,000 บาท ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุด พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ลงนามคำสั่งให้ ดาบคมภูศิษฐ์ ออกจากราชการทันที พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหากพบมีการกระทำผิดข้อหาอื่นเพิ่มเติมอีก 

กองทัพภาคที่ 2 เป็นเจ้าภาพจัดกีฬา 3 แผ่นดิน เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและเจ้าหน้าที่ระหว่าง กัมพูชา ไทย และสาธารณรัฐประชาชนลาว ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และนี่ถือเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกตามนโยบายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก หลังจากการมาเยือนประเทศไทยของ ผบ.ทบ. สปป.ลาว เมื่อปีที่แล้วได้มีการคุยกันว่าควรจัดงานเชื่อมสัมพันธ์ในลักษณะนี้ขึ้น เพื่อกระชับมิตรภาพระหว่างดินแดน โดยก่อนหน้านี้ก็จะเป็นการแข่งกีฬากันระดับกองร้อยระหว่างทหารในพื้นที่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ ฝีกร่วมบรรเทาสาธารณภัยในสเกลเล็กๆ เท่านั้น แต่ครั้งนี้ริเริ่มจัดการแข่งขันถึง 4 ประเภทกีฬา ในครั้งหน้าอาจจะมีการจัดแบบเหย้าเยือน รวมถึงข้อเสนอจาก พล.ท.เจีย โซะเพียะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กองทัพบกกัมพูชา ที่อาจจะมีการจัดแข่งขันจักรยานข้ามประเทศจากการริเริ่มของฝ่ายกัมพูชา

และเป็นไปตามธรรมเนียมหลังจบการแข่งขันรับถ้วยรางวัลกันไปแล้ว ก็ต้องมาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จัดไว้รับรองนักกีฬาอย่างเต็มอิ่ม โดยมี พล.ท.สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายอำนวย สุริยการ หัวหน้าแผนกการต่างประเทศ สปป.ลาว ผบ.หน่วย รวมถึง พล.ท.เจีย โซะเพียะ ดื่มฉลองความยินดีกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ชาติกันอย่างสนุกสนาน ส่งท้ายผลสำเร็จในนโยบาย การทูตทางทหาร ที่กองทัพบกไทยเปิดประตูมิตรภาพไว้สำหรับประเทศเพื่อนบ้านที่ชายแดนติดกัน

สำหรับ แม่ทัพปอง-พล.ท.สวราชย์ แสงผล (ตท.23)  นั้นยังเหลืออายุราชการถึงปี 2567 สามารถนั่งแม่ทัพภาคได้ต่ออีกหนึ่งปี หรือได้ลุ้นเก้าอี้ 5 เสือ ทบ.ก่อนเกษียณอายุราชการ เพราะทั้ง พล.ท.สุริยะ เอี่ยมสุโร (ตท.22) แม่ทัพภาคที่ 3 ก็จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ส่วน พล.ท.ศานติ  ศกุนตนาค (ตท.25) แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ยังเหลืออายุราชการหลายปี คงยังนั่งทำงานที่ภาคใต้ต่อไป ก็คงจะมี  พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะยืนหนึ่งเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ.ในโผนี้ด้วย ขณะที่แคนดิเดตตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ถือว่า ขับเคี่ยว กันหนักระหว่างเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 พล.ต.บุญสิน พาดกลาง (ตท.26) กับ พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ (ตท.26) ที่นั่งเป็นรองแม่ทัพภาคทั้งสองคน  

พูดถึงเรื่อง “โผทหาร” ยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวที่จะมีรัฐบาลใหม่ แต่ก็เริ่มมีการพิจารณาในระดับกองทัพภาคไปพลางๆ บ้างแล้ว โดยตอนนี้รัฐบาลรักษาการยังมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งรักษาการตำแหน่ง รมว.กลาโหม ประธานคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ยังมี “บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะอยู่ เมื่อพิจารณาจากไทม์ไลน์ต่างๆ อาจจะยังไม่ชัดว่ารัฐบาลใหม่หรือเก่าใครจะเป็นคนเคาะ โผทหาร  แต่ถ้ารัฐสภาโหวตเห็นชอบให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ตามข่าวที่ออกมาก็จะนั่งควบ รมว.กลาโหมด้วย น่าสนใจว่าเมื่อมาคุมทหารแล้วจะปล่อยไหลตามที่เหล่าทัพเสนอ หรือจะมีการล้วงโผจากข้อแนะนำของ รมช.ที่คาดว่าจะเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะเป็นทหารเก่า

สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ตอนนี้ยังอยู่ในภารกิจการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เข้าร่วมการประชุม Land Forces of the Pacific (LANPAC) Conference ณ เกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย เยือนโรงเรียนเตรียมทหารของสหรัฐฯ ที่เมืองเวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก, อาคารเพนตากอน, ฐานทัพ Fort Moore รัฐจอร์เจีย และฐานทัพ Joint Base Lewis-McChord รัฐวอชิงตัน โดยมีรายงานว่า หลังจากกลับจากประเทศสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ก็จะเว้นระยะไม่กี่วัน ก่อนจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อพบกับผู้นำทางทหาร และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางทหารด้วย.