เขียนถึงอาเฮีย 'สนธิ ลิ้ม'

ช่วงที่เคยมีโอกาสรู้จัก มักจี่ กับอาเฮีย สนธิ ลิ้ม หรือคุณพี่ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นครั้งแรก...ช่วงนั้นอาเฮียท่านก็ถึงกับต้อง ใส่สูททำงาน มาแล้วตั้งแต่นั้น ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าท่านจะร่วมงานกับอดีต นักคิด ด้านการเงิน-การทอง ที่มีอะไรเหนือไปกว่า นักธุรกิจ ธรรมดาๆ เยอะแยะ นั่นคือมิสเตอร์ พอล สิทธิอำนวย มือขวาของนักการธนาคารและอดีต รมว.คลังอย่างคุณ บุญชู โรจนเสถียร นั่นเอง

และจะด้วยความเข้าอก-เข้าใจ เห็นอก-เห็นใจ ประดา คนรุ่นใหม่ไฟแรง หรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่ อาเฮีย สนธิ ลิ้ม ท่านเลยกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น นิตยสารการเมืองที่อันตัวข้าพเจ้าเอง และเพื่อนเก่า-เพื่อนแก่ อย่าง นฤนารท พระปัญญา ร่วมกันบุกเบิกตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว

แม้จะเป็นแค่หุ้นเล็กๆ ประมาณแค่ไม่กี่พันบาท แต่สำหรับนิตยสารดังกล่าวที่เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินเพียงแค่ 30,000 บาทเท่านั้น ย่อมต้องถือเป็นการ ให้ใจ หรือ ให้กำลังใจ อยู่พอประมาณ จนทำให้พอที่จะเกิดอาการปีกกล้า ขาแข็ง ค่อยๆ เติบ ค่อยๆ โต ค่อยๆ ยกระดับตัวเอง ขึ้นมาตามลำดับ...

แม้ว่าโดยความสัมพันธ์นับแต่นั้นมา...จะเป็นไปแบบห่างๆ มีโอกาสเจอะหน้า-เจอะตากันบ้างเป็นครั้งๆ คราวๆ แต่โดย วิถีทาง ของอาเฮีย สนธิ ลิ้ม ที่มีขึ้น-มีลง ชนิดเวลาขึ้นก็แทบจะเป็นดาวค้างฟ้า เวลาลงก็อาจถึงขั้นตกใต้ถุนเอาเลยก็ยังมี ไม่ว่าจะไปเจอกันในระหว่างแวะไปเยี่ยมอาเฮียขณะอยู่ใน ห้องขัง หรืออยู่ในห้องทนาย ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง หรือเจอกันในขณะที่ต้องวิ่งไป แลกเช็ค กับอาเฮียเขา ที่กลายเป็นนักธุรกิจในระดับร้อยล้าน พันล้าน โดยมีคุณน้อง สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ติดสอยห้อยตามไปด้วย โดยบุคลิกลักษณะรวมๆ ก็ดูจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย คือออกจะเป็นประเภทไม่เคยคิดที่จะโอดโอย ขอร้อง วิงวอน ไม่ว่ากับใครๆ ไม่ว่ารัก-ไม่รัก ชอบ-ไม่ชอบ ชัง-ไม่ชัง หรือไม่ เพียงใดก็ตาม แถมยังอาจติดเป็นนิสัยที่มักใช้โอกาสชี้แนะ ชี้นำ สอนๆ สั่งๆ สิ่งหนึ่ง-สิ่งใด ที่คิดว่าอาจเป็น ประโยชน์ ต่อผู้ที่มีสายสัมพันธ์กับตัวเอง ชนิดคุณน้อง สนธิญาณ อาจหงุดหงิดอยู่มั่ง ขณะกำลังนั่งรอการแลกเช็คอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ...

และจะโดยนิสัยเหล่านี้หรือไม่? เพียงใด? ก็ยากที่จะสรุปได้ เลยทำให้แม้ว่าอายุ-อานาม จะล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย หรือเกือบใกล้ๆ 80 ปีเข้าไปแล้ว แต่อาเฮียท่านก็ยังคงตั้งอก-ตั้งใจ ยังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่เป็น ประโยชน์ ให้กับชาวบ้าน ชาวช่องมุ่งที่จะชี้แนะ ชี้นำ สิ่งที่เป็น สาระ และ แก่นสาร อย่างชนิดต้องลงทุน ลงแรง ต้องอาศัยความกล้า ความห้าวหาญ ในการยืนหยัด ยืนยัน สิ่งต่างๆ มิใช่น้อย จนบางครั้ง-บางคราทำให้ผู้ที่ยืนมองอยู่ห่างๆ อย่างอันตัวข้าพเจ้าเอง ก็อดเป็นห่วง เป็นใยต่อความปลอดภัย ความสุข ความสงบ ของตัวท่านเองขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่พร้อมจะ เผาแบงก์ห้าร้อยเพื่อตามหาเหรียญบาทที่ตกๆ หล่นๆ อันอาจถือเป็นคำขวัญ สโลแกน ประจำตัวของอาเฮีย สนธิ ลิ้ม ไปแล้วก็ว่าได้ ก็คงมีแต่ต้องคอยส่งกำลังใจ คอยตามรัก ตามลุ้น อยู่ห่างๆ ไปตามสภาพ...

เหตุที่ต้องหยิบเอาเรื่องอาเฮีย สนธิ ลิ้ม มาพูดถึงไว้ในอาทิตย์นี้ ก็คงไม่มีอะไรมากมายหรอกทั่น แต่ด้วยเหตุเพราะได้ฟังสิ่งที่อาเฮียท่านพูดไว้ในรายการ คุยกับสนธิ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงสิ่งที่ท่าน รับไม่ได้ ต่อบทบาทและพฤติกรรมของบรรดา คนรุ่นใหม่ไฟแรง แห่ง พรรคก้าวไกล ประมาณ 3 เรื่องเท่านั้นเอง คือ 1.เรื่องการแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 2.การระบุไว้ในนโยบายของพรรคในอันที่จะ เลือกข้าง หรือเลือกที่จะให้ความร่วมมือด้านความมั่นคงกับคุณพ่ออเมริกา ไปจนการส่งเสริม สนับสนุน การซ้อมรบคอบร้าโกลด์อย่างสุดจิต-สุดใจ 3.การพูดจาแบบกลับไป-กลับมา จนยากจะแยกแยะว่าอะไรจริง-ไม่จริง ของผู้ที่หวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยให้จงได้...

โดยคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...แต่ละเรื่องที่ว่านี้ แทบไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลยกับตัวตนของอาเฮีย สนธิ ลิ้ม แต่ย่อมเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อชาติ บ้านเมือง ซะมากกว่า ถ้าบรรดา คนรุ่นใหม่ไฟแรง หรือพวก หนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย จะเก็บไปคิด ไปพิจารณา ไปใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ ว่าจะนำมาซึ่งความสุข ความสงบ สันติภาพ สันติธรรม หรือจะนำมาซึ่งความสับสน วุ่นวาย ความระส่ำระสาย ไปจนกระทั่งนำมาซึ่งสงคราม ความแตกสลาย สิ้นชาติ สูญชาติ เอาง่ายๆ สิ่งที่อาเฮีย สนธิ ลิ้ม ท่านพูดๆ เอาไว้ จึงไม่ต่างไปจากการ เตือนสติ ของ ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ผู้ที่ผ่านประสบการณ์ทั้งร้อนทั้งหนาว มาตลอดแทบทั้งชีวิต ผู้ที่สามารถยกมือไหว้ได้ โดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจใดๆ แม้แต่นิด ปัญหาเลยอยู่ที่ว่า...บรรดาเด็กๆ แต่ละราย จะ ฟังแต่ไม่ได้ยิน หรือไม่? อย่างไร? เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าหากเป็นไปในแนวนั้น ก็พึงระวังเอาไว้ให้จงหนัก เพราะสำหรับผู้ที่พร้อมจะ เผาแบงก์ห้าร้อย...เพื่อตามหาเหรียญบาท ย่อมไม่ใช่ผู้ที่จะไปล้อเล่นได้โดยเด็ดขาด!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์