
“นาฏราช” ครั้งที่ 14 เพิ่งผ่านพ้นไป!
ปีนี้..เช่นเคย ผมไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ได้ติดตามดูจากข่าว ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกๆ ท่าน ซึ่งก็เห็นว่าเหมาะสมแล้ว ยกเว้นบางท่านที่ดูจะขัดใจ-ขัดตาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม การประกาศรางวัล “นาฏราช” ของสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์ ตลอดมา ปีนี้เป็นปีที่ 14 ก็ไม่ค่อยจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบสักเท่าไร
หรือจะพูดว่า “ไม่มีเลย” ก็ไม่น่าจะผิด นั่นแสดงว่าแม้จะมีคนเห็นแย้งอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาใน “นาฏราช” ว่าบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส!
คุณเขมทัตต์ พลเดช อดีตนายกสมาพันธ์สมาคมฯ ได้โพสต์หลังการมอบรางวัล (ขออนุญาตคัดลอกบางช่วงตอน) ว่า..
“concept ที่ยิ่งใหญ่มิใช่พิธีมอบรางวัล แต่เป็นที่มาของรางวัลว่าเป็นรางวัลที่บุคลในวิชาชีพบันเทิงโหวตให้ผลงานและบุคคลในวงการเดียวกัน”
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การผลิต content ในแต่ละสถานี หรือแต่ละค่ายจัดละคร หรือทีมข่าว ต้องมีการแข่งขันในเรื่องความนิยมของผู้ชมที่วัดด้วย Rating
แต่เมื่อถึงการโหวตคัดเลือกจากคนในวงการ 400 กว่าคน ที่เรียกว่า voter นั้น เป็นสิ่งที่คนบันเทิงยอมรับและภาคภูมิใจเหนือกว่าการมอบรางวัลอื่นๆ
เพราะเท่ากับคู่แข่งของวงการบันเทิงสร้างสรรค์ ยังต้องยอมรับในฝีไม้ลายมือของเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันแม้จะอยู่ต่างค่าย..
ผมจึงขอสรุปและประมวลงานประกาศ รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 14 ดังนี้ 1) concept ยังคงยึดมั่นในแนวทางคนบันเทิงโหวตให้คนในวิชาชีพเดียวกัน 2) สัดส่วน voter มีการเฉลี่ยในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน
ในแต่ละสถานี ประมาณ 80% ของ voter ทั้งหมด ที่เหลือเป็น voter ผู้คร่ำหวอดในวงการทั้งศิลปินอาวุโส ผู้กำกับ producer, นักวิชาการด้านสื่อสาร, คนเขียนบท และอื่นๆ ซึ่งสมาพันธ์ทาบทาม
3) เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายการหรือค่ายละคร สามารถส่งผลงานเพิ่มได้ นอกเหนือจากที่สถานีโทรทัศน์ส่งผลงานเข้าประกวด
4) ปีนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ส่งผลงานเข้าประกวดเยอะหลายเรื่อง โดยเฉพาะผลงานคุณภาพหลายเรื่องจาก Netflix และ VIU Tv ที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์
5) ปรับระบบจัดเก็บข้อมูล/คะแนน จากที่มอบให้บริษัทเอกชนดำเนินการ เปลี่ยนมาเป็นระบบประมวลผลของ 4 มหาวิทยาลัย
คือ NIDA, วารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์, นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนิเทศศาสตร์ ABAC ซึ่งมาตรฐานการประมวลผลและการเก็บคะแนนยังเป็นความลับจนถึงวันประกาศเช่นเดิม
6) จัดการประกาศผลแบบ New normal ผ่านระบบออนไลน์ เพจ “หน้าจอ” ของสมาพันธ์สมาคม และ link. ไปกับเพจและ Application ของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ อีกหลายแห่ง...
สิ่งที่น่าสังเกตในบรรดารางวัลนาฏราชปีนี้ คือ คุณภาพของการผลิต การกำกับ และบทบาทการแสดง รวมทั้งองค์ประกอบของการผลิตในทุก content ที่ได้รางวัล มีความประณีตและพิถีพิถันมากขึ้น
content หลายเรื่องได้รับการออกอากาศในต่างประเทศ รวมทั้ง platform ต่างประเทศ ซึ่งหมายถึงการสร้าง value ที่่เกิดขึ้นจาก soft power ของกลุ่มผู้ผลิตในประเทศที่ต่างชาติยอมรับมากขึ้น..
softpower ของไทยมีมาตรฐานและผู้ผลิตรายการระดับโลกมักชอบมาทำงานในประเทศไทย เพราะครบทุกอย่าง ยกเว้น Studio ขนาดใหญ่
ซึ่งต่างประเทศต้องการ size ของสตูดิโอที่มีขนาด 3,000 ตารางเมตรขึ้นไป.. เรื่องนี้คงต้องรอแนวทางการส่งเสริมจากรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
เพราะเท่าที่เห็นจากการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ soft power แห่งชาติขึ้นมาล่าสุด ยังไม่มีชื่อผู้แทนจากองค์กรวิชาชีพผู้ผลิต content ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ soft power ไปนั่งสักคน
ก็หวังว่านโยบายผลักดัน soft power ของไทย จะได้ไม่สนับสนุนแบบ soft soft อีกต่อไป”
ครับ..ฝากรองประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์พิจารณาด้วยละกัน!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาอย่าง“ปาโบล”?
วันก่อน..นั่งคุยกับนักร้องลูกทุ่ง (ชาย) ท่านหนึ่ง ได้รู้ว่าเวลานี้วงการเพลงลูกทุ่งเปลี่ยนโฉมไปมาก ทั้งเนื้อหา ดนตรี และนักร้อง แทบไม่เหลือกลิ่นอายความเป็นเพลงลูกทุ่งไทยดั้งเดิมที่รุ่นพ่อ-รุ่นแม่ได้สืบสานกันมา
ไม่ได้รู้สึกเห็นใจ
ได้ดู “ของแขก” กันรึยังล่ะ? อย่าคิดมาก..ผมหมายถึงภาพยนตร์ไทยที่กำลังฉายโกยเงินวันละเฉียด 10 ล้านบาทอยู่ในขณะนี้น่ะ!
ไม่ต้องจับตาดู
อ๋องเอ๊ย.. พรรค (ก้าวไกล) เค้าไล่เหมือนหมูเหมือนหมา-ไร้ราคา เพราะติดยึดกับตำแหน่งจนต้องฝืนมติขนาดนี้แล้ว ยังมีหน้าจะนั่งเป็น “รองประธานฯ” ให้ สส.-รัฐมนตรี-นายกฯ ลุกขึ้นกล่าว..
เงินชาวบ้านอย่าเงียบ
นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย! นี่..ต้องขอบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ กับการประกาศเป็นสัจจะวาจาของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” ว่า..
'แต้มต่อ'กับมือปราบหูดำ
รัฐบาลจะพังเพราะโครงการรับจำนำข้าว! แล้วที่สุดคำเตือนนี้ของ “ดร.โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร” เมื่อปี 2555 ก็เป็นที่ประจักษ์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์พัง รัฐมนตรี-นายบุญทรงติดคุก (แต่นอนในเรือนจำรึเปล่าไม่แน่ใจ)!
บ่นผู้ว่าฯ..สงสัยนักร้อง
ไม่ได้จะฟื้นฝอยหาตะเข็บ! แต่หากคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ศึกษาดูงาน เตรียมการและเตรียมตัวรับมือน้ำท่วมมา 2 ปี ก่อนจะลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จริง..