'ตะวัน' ถึง 'ทักษิณ'

ติดคุกหน้าร้อน น่าจะเป็นอะไรที่โคตรทรมาน

ยกเว้นนักโทษเทวดา ที่ได้นอนตากแอร์เย็นฉ่ำ ในห้องวีไอพี ก่อนถูกส่งตัวไปเสวยสุขที่คฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า

ความเหลื่อมล้ำ ยุติธรรมหลายมาตรฐาน เกิดขึ้นชัดเจนในยุครัฐบาลเศรษฐา

แต่คนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ต่างพากันเมิน ไม่ใคร่จะสนใจกรณี "นักโทษชายทักษิณ" สักเท่าไหร่

ยังคงโฟกัสไปที่ ผู้ต้องขัง และนักโทษคดี ม.๑๑๒ เป็นหลัก

กรณี "ตะวัน ทะลุวัง" คือตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำ และสองมาตรฐาน ในการเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 

"นักโทษชายทักษิณ" คือบุคคลที่ถูกศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิดคดีคอร์รัปชันจริง เจ้าตัวอ้างว่าสำนึกในความผิด เพื่อให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ

 แต่หลังจาก ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ แล้ว กลับคอร์รัปชันอย่างไม่อายฟ้าดินอีกครั้ง

ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว

มีหลักฐานชิ้นใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า "นักโทษชายทักษิณ" ไม่เคยป่วยหนักปางตายระหว่างนอนห้องวีไอพี  ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจเลย นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ของ นายกฯ เศรษฐา หลังเข้าพบ นักโทษที่ได้พักโทษใน คฤหาสน์จันทร์ส่องหล้า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

"...ยังมีอาการเจ็บที่แขนแต่เริ่มขยับได้บ้าง เชื่อว่าอาการคงดีขึ้น เพราะมีความสุขที่ได้อยู่บ้าน หลังไม่ได้อยู่มานาน ๑๗ ปี ทำให้มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี..."

ทั้งคู่คุยกันร่วม ๒ ชั่วโมง

ถือว่าไม่ธรรมดาครับ ผู้ป่วยที่ถูกประเมินว่านอนติดเตียงก่อนวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สามารถนั่งคุยกับคนอื่นได้ร่วม ๒ ชั่วโมง 

ที่สำคัญเจ็บแค่แขน

แบบทดสอบผู้ที่จะอยู่ในเกณฑ์ได้รับพักโทษ ไม่ว่าจะกินอาหารด้วยตนเองไม่ได้ ใช้ห้องน้ำด้วยตนเองไม่ได้ ชำระร่างกายด้วยตนเองไม่ได้ สวมเสื้อผ้าด้วยตนเองไม่ได้  เดินไปมาภายในบ้านไม่ได้ ลุกจากเตียงไปนั่งเก้าอี้ไม่ได้ ขึ้นบันไดด้วยตนเองไม่ได้ อาบน้ำไม่ได้ กลั้นอุจจาระไม่ได้  กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ซึ่ง "นักโทษชายทักษิณ" ทำได้ไม่ถึงครึ่ง  

ให้หลังไม่ถึง ๑๐ วัน นั่งรับแขกได้นานร่วม ๒ ชั่วโมง

มีคำพูดของ นายกฯ เศรษฐา ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลายเป็นการเฉลยว่า "นักโทษชายทักษิณ" ไม่ได้ป่วยหนักจริง

"...ผมถามจากท่าน ก็บอกว่าดีขึ้น ไหล่พอขยับได้ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ที่ได้กลับมาบ้าน ก็ไม่อยากละลาบละล้วงถามว่าเจ็บตรงไหนอย่างไร แต่ยังเหมือนคนป่วยอยู่..."

แม้ นายกฯ เศรษฐา จะบอกว่า "นักโทษชายทักษิณ"  ยังเหมือนคนป่วยอยู่ แต่การเปิดเผยว่า ไม่อยากละลาบละล้วงถามว่าเจ็บตรงไหนอย่างไร ก็แสดงว่า นายกฯ เศรษฐา เองก็มองไม่ออกว่าอาการป่วยของ "นักโทษชายทักษิณ" เป็นอย่างไร

นอกจากใส่อุปกรณ์พยุงแขน!

ก็อย่างที่บอก "นักโทษชายทักษิณ" เพิ่งจะผ่านการเป็นผู้ป่วยหนัก ต้องมีแพทย์เฉพาะทาง ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต มาไม่ถึง ๑๐ วัน

แทบไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเลย!

ก็ไม่แปลกที่นายกฯ เศรษฐา ซึ่งนั่งคุยอยู่ร่วมๆ ๒  ชั่วโมง จะมองไม่ออกว่าเจ็บป่วยตรงไหนบ้าง

นี่คือสิ่งที่นักเคลื่อนไหว นักการเมือง ที่รักในสิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ความเสมอภาค จะต้องออกมาเรียกร้องให้ "คนเท่ากัน"

แต่เปล่าเลย

พรรคเพื่อไทยเงียบกริบ เพราะ "นักโทษชายทักษิณ"  คือศูนย์รวมจิตใจ 

พรรคก้าวไกล เหมือนจะขึงขัง แต่สุดท้ายกลายเป็นเห็นใจ "นักโทษชายทักษิณ" ที่ถูกรัฐประหาร

ขบวนการสามนิ้ว กู่ไม่กลับ เรียกร้องปฏิรูประบบยุติธรรม เฉพาะกรณี ม.๑๑๒ เท่านั้น เพราะพรรคพวกตัวเองก่อคดีไว้เยอะ จนใช้ชีวิตลำบาก

ไม่มีใครพูดถึงนักโทษเทวดา ผู้ทำลายกระบวนการยุติธรรมลงอย่างย่อยยับเลย

แม้แต่อาจารย์คณะนิติศาสตร์หลายๆ คน ที่ออกมาวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในหลายโอกาสว่า เป็นการทำลายหลักกฎหมาย จนไม่รู้จะไปสอนลูกศิษย์อย่างไร

แต่ไม่เห็นแตะการคอร์รัปชันกฎหมายของ "นักโทษชายทักษิณ" เลย

ครับ...วานนี้ (๒๕ กุมภาพันธ์) ลุ้นกันใหญ่ว่าศาลจะให้ประกันตัว "ตะวัน ทะลุวัง" หรือไม่

คำสั่งศาลออกมาชัดเจนครับ...

"...ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองโดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์โดยใกล้ชิดแล้ว กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง..."

ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน 

ไม่มีใครกลั่นแกล้งครับ

แต่เพราะพฤติกรรมทำผิดซ้ำซาก!

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีประเด็นของ "สมหมาย ตัวตุลานนท์" พ่อของ "ตะวัน ทะลุวัง" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ก็น่าเห็นใจ อย่างไรเสียพ่อก็คือพ่อ ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดา

เพียงแต่ดูช้าไปหน่อย กับคำอ้อนวอนที่ว่า

"...หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จะดูแลลูกไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอีก จะให้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น และเรียนให้จบต่อไป..."

นี่ควรเป็นคำพูดตั้งแต่ที่ปล่อยให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"  เป็นนายประกันให้แล้ว

"ตะวัน ทะลุวัง" มาถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้อีกแล้ว  เพราะประกาศว่าจะสู้แบบเลือดต้องล้างด้วยเลือด

ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน!

ผิดกับพรรคก้าวไกล ไม่มีใครออกมาเป็นนายประกันให้ขบวนการสามนิ้่วแม้แต่คนเดียว

การติดคุกครั้งนี้ของ "ตะวัน ทะลุวัง" จึงน่าจะยาวนาน เมื่อบวกกับคดีที่เหลืออีกนับสิบคดี

ครั้งหนึ่งที่ "ตะวัน ทะลุวัง" อดอาหารประท้วงหน้าศาลฎีกา แต่สุดท้ายต้องล้มเลิกไป

วันนั้นเพจทะลุวังอธิบายเหตุผลว่า

"...ตะวันและแบมขอแจ้งต่อสาธารณชนว่าพวกเธอได้เลิกอดอาหารแล้ว และจะรับการรักษาเพื่อนำเอาชีวิตไปต่อสู้ต่อไป เนื่องจากยังคงไม่ได้รับการตอบรับจากศาล..."

และการต่อสู้นอกคุกหลังจากนั้นไม่เคยมีการอดอาหารประท้วงอีกเลย

กระทั่งล่าสุด ประกาศอดอาหารอีกครั้ง หลังกลับเข้าคุก แม้จะยืนยันไม่ขอประกันตัว พร้อมเรียกร้อง ๓ ข้อ

๑.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

๒.ต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างอีก

๓.ประเทศไทยไม่ควรได้เป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน

แต่...พฤติกรรมทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า การอดอาหาร มิได้มีเป้าหมายเพื่อ ๓ ข้อด้านบน

เป็นเพียงวิธีการเอาตัวเองออกจากคุกเสียมากกว่า

อาศัยเงื่อนไขป่วยหนัก ถึงแก่ชีวิต คล้ายๆ กับกรณี  "นักโทษชายทักษิณ"

แต่ "ตะวัน ทะลุวัง" แมนกว่าเยอะ

เจ็บจริง ติดจริง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก็เลี้ยงหลานไง!

อย่าเพิ่งเบื่อ กับการเขียนถึง MOU 44 ซ้ำแล้วซ้ำอีกนะครับ เพราะผลกระทบจะมากกว่าการเสียเขาพระวิหาร

ถึงคิว 'แพทองธาร'

งานงอก! เริ่มต้นจากข้อเขียนของ "คำนูณ สิทธิสมาน" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า อย่าเสี่ยงจงใจขัดรัฐธรรมนูญ! MOU 44 ต้องผ่านรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ ๖๐ มาตรา ๑๗๘

หนึ่งในเหตุวิกฤต

ปล่อยไปไม่ได้ วันก่อน นายกฯ แพทองธาร พูดเรื่อง การจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า