ปรากฏการณ์ทักษิณ

หวังว่าคงอยู่สุขสบายดีนะครับ

ไม่ได้หมายถึง "นักโทษชายทักษิณ"

แต่เป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

เห็นภาพ คนป่วยห่างหมอไม่ได้ เป็นตายเท่ากัน นอนโรงพยาบาลตำรวจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ร่วมครึ่งปี จู่ๆ หายเป็นปลิดทิ้งในวันที่ได้พักโทษ

ออกจากโรงพยาบาลได้เดือนเดียว เดินปร๋อ!

แถมยังลงพุง แสดงว่ากินดี กินได้มานานแล้ว

ไม่ต้องกินทางสายยาง

ผิดไปจากใบรับรองแพทย์ ประเมินคัดกรองปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ที่กรมราชทัณฑ์ใช้ประเมินนักโทษเด็ดขาดที่เจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ ที่มีอายุ ๗๐ ปีขึ้นไปที่ขอพักโทษ

เกณฑ์ทั้งหมดที่ใช้วัดในแบบทดสอบ มี ๑๐ ข้อ ต้องได้คะแนนไม่เกิน ๑๑ คะแนน

๑.กินอาหารด้วยตนเองไม่ได้

๒.ใช้ห้องน้ำด้วยตนเองไม่ได้

๓.ชำระร่างกายด้วยตนเองไม่ได้

๔.สวมเสื้อผ้าด้วยตนเองไม่ได้

๕.เดินไปมาภายในบ้านไม่ได้

๖.ลุกจากเตียงไปนั่งเก้าอี้ไม่ได้

๗.ขึ้นบันไดด้วยตนเองไม่ได้

๘.อาบน้ำไม่ได้

๙.กลั้นอุจจาระไม่ได้

๑๐.กลั้นปัสสาวะไม่ได้

"นักโทษชายทักษิณ" ได้ ๑๑ คะแนน ขณะที่คนปกติทั่วไปจะได้ ๒๐ คะแนนเต็ม

คนที่ได้ ๕-๑๑ คะแนน คือผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง

ในด้านสุขภาพ ต้องการความช่วยเหลือบางส่วน มีโรคเรื้อรังหลายโรค หรือมีภาวะแทรกซ้อน มีกลุ่มอาการของผู้สูงอายุที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ และการเข้าสังคม

ด้านสังคม มีความจำกัดในการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม เช่น มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย อาจมีปัญหาทุกข์ยาก หรือไม่มีก็ได้

"นักโทษชายทักษิณ" ได้รับการพักโทษในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ เพราะผลประเมินนี้ครับ

๑๑ คะแนนช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ผ่านไปเพียง ๑ เดือน อย่างที่เห็น

ออกสังคมได้โดยไม่มีขีดจำกัด

เดินได้เองเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ต้องมีคนประคอง

วันหนึ่้งใส่ปลอกคอ

อีกวันไม่ต้องใส่

งานนี้สมควรมีคนติดคุกเพราะ เป็นผู้สร้าง "นักโทษชายทักษิณ" ให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เป็น Soft Power ที่ไม่มีทางหาที่ใดเหมือน

แพทยสภา ว่าไงครับ?

ก่อนวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา "นักโทษชายทักษิณ" ยังเป็นผู้ป่วยวิกฤตหนัก ห่างหมอไม่ได้แม้วินาทีเดียวอยู่เลย

วานนี้ (๑๔ มีนาคม) เดินตากแดดได้แล้ว

คุยจ้อตลอดทาง

ช่างต่างกับวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ที่อธิบดีอัยการคดีอาญา ยืนยัน "นักโทษชายทักษิณ" มีสภาพป่วยขั้นวิกฤต เสียงไม่มี เดินไม่ไหว

หลักฐานทนโท่แบบนี้ พอจะตรวจสอบได้หรือยัง

พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.๒๕๒๕ มาตรา ๗ แพทยสภามีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

๑.ควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม

๒.ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในทางการแพทย์

๓.ส่งเสริมความสามัคคี และผดุงเกียรติของสมาชิก

๔.ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่น ในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข

๕.ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุข

๖.เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย

ควบคุมกันเองได้หรือเปล่าครับ

หรือจะปล่อยให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน ไม่จบไม่สิ้นว่า หมอฉีกจรรยาบรรณทิ้ง เพื่อรับใช้การเมือง

ก็ไม่เห็นแพทยสภาจะขยับทำอะไร

ก็สมควรแล้วครับที่พรรคฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่วางใจ

แต่ก็หวั่นใจอยู่ เพราะพรรคก้าวไกลไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่

เพราะท่าทีจากพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้ ไม่ได้มองว่า "นักโทษชายทักษิณ" ผิด

ที่ผิดคือการทำรัฐประหาร

"นักโทษชายทักษิณ" ในสายตาพรรคก้าวไกลคือ บุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อ "นักโทษชายทักษิณ"

ฉะนั้นคาดหวังอะไรมากไม่ได้

ส่วนประชาธิปัตย์ โอกาสนี้สามารถกู้ศรัทธาได้

แต่อย่างว่า ช่วงตั้งรัฐบาล "เดชอิศม์ ขาวทอง" เลขาธิการพรรค ยอมรับว่าบินไปพบ "นักโทษชายทักษิณ" ที่ฮ่องกงจริง 

ก็ต้องดูอีกขั้วของประชาธิปัตย์ว่าจะเอาไง

แม้จะยังไม่ติดคุกแม้วันเดียว วันนี้ "ทักษิณ" ยังมีสถานะนักโทษอยู่นะครับ ฉะนั้นบรรดาข้าราชการ รัฐมนตรี นักการเมือง สอพลอแต่พองาม

ปรากฏการณ์ทักษิณ!

นอกจากเขย่าการเมืองแล้ว ยังเขย่าจริยธรรมของข้าราชการ นักการเมือง ประจานให้เห็นถึงความต่ำตมในสำนึก

ในขณะที่ประชาชนเรียกร้องว่าการปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่นักการเมืองยังคงประคบประหงมความเลวทรามและล้าหลัง

การเมืองยุคนี้ยังสิ้นหวัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ครม.ทักษิณาฐา'

ส่องกันอยู่ร่วมเดือน รัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรี ลุ้นกันชนิดกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันหลายวัน เพราะคนที่อยู่ไม่รู้ว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้จะได้เสียบหรือเปล่า

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ