สานรัก 'ไทย-กัมพูชา'

ในไทยร้อนตับแตก

แต่ที่กัมพูชาสุดแสนจะอบอุ่น

วานนี้ (๑๙ มีนาคม) อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ประกาศผ่านสื่อโซเชียล

"...พรรคเพื่อไทยได้รับเกียรติสูงสุดจากสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา ที่ได้เชิญดิฉันและพรรคเพื่อไทยมาพบปะ หารือ และหาความร่วมมือระหว่างพรรค นับเป็นเรื่องยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานสัมพันธ์มิตรภาพระหว่างสองเราให้ยืนยาวสืบต่อไป

สำคัญที่สุด คือการได้รับคำแนะนำมากมายจากผู้มากประสบการณ์ท่านนี้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นค่ะ..."

และยังโพสต์ภาพสวมกอดอย่างยินดีปรีดากับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน

ยินดีด้วยครับ

น่าจะถูกฝาถูกตัวที่สุดแล้ว

ต่างฝ่ายต่างเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชนกัมพูชา น่าจะแนบแน่นยาวนาน ยากที่ใครจะทำลายลงได้

ฉะนั้นต้องจับตาอย่ากะพริบเชียว!

ขึ้นชื่อระบอบทักษิณ-ระบอบฮุน เซน เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ผลประโยชน์ทับซ้อนกับผลประโยชน์ประชาชนมันเนียนจนแทบจะแยกไม่ออก

วันสองวันที่ "อุ๊งอิ๊ง" หอบแกนนำพรรคเพื่อไทย ไปคุยกับ จอมเผด็จการเบ็ดเสร็จแห่งกัมพูชา และ "ฮุน มาเนต" นายกฯ หุ่นเชิดนั้น เขาพูดอะไรกันบ้าง

จากปาก "สรวงศ์ เทียนทอง" เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มี ๓ ข้อครับ

๑.ฯพณฯ ฮุน เซน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้คำแนะนำถึงการทำพรรคการเมือง และการทำประโยชน์เพื่อประชาชน รวมถึงเปิดโอกาสและพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ร่วมกันของทั้ง ๒ พรรคการเมือง ซึ่ง ฯพณฯ ฮุน เซน ก็ได้ยกตัวอย่างให้เห็นถึงคณะรัฐมนตรีปัจจุบันที่มีสัดส่วนของคนรุ่นใหม่มากขึ้น

นอกจากนี้ ฯพณฯ ฮุน เซน ยังเน้นการทำงานด้านสร้างเครือข่ายสมาชิกพรรคการเมือง เพราะเชื่อว่าประชาชนจะเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานทางความคิดของพรรค โดยกล่าวว่าปัจจุบันพรรคประชาชนกัมพูชามีสมาชิกกว่า ๗.๒ ล้านคนหรือเกือบครึ่งประเทศ

๒.ฯพณฯ ฮุน เซน ยังได้รับทราบและเห็นด้วยในหลักการถึงการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ  ที่ได้ริเริ่ม โครงการ “6 Countries 1 Destination” ในเวที  ASEAN Summit และยังได้เสนอให้มีการนำร่องการเข้าประเทศกลุ่มอาเซียนด้วยวีซ่าเดียวระหว่างไทย-กัมพูชาก่อนอีกด้วย

นโยบายนี้จะช่วยสนับสนุน Seamless Tourism หรือการท่องเที่ยวแบบเชื่อมต่อกัน  

อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบาย Soft Power ที่เน้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเป็นการต่อยอดการสร้างมูลค่าการท่องเที่ยวระหว่างกันอีกด้วย

๓.พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้มีการจัดตั้งทีมทำงานระดับพรรคการเมืองต่อพรรคการเมือง เพื่อให้ สส.ในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่ติดกับแนวชายแดน  หารือร่วมกันถึงแนวทางการพัฒนาการค้าชายแดนที่มีแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชาติดกันถึง ๗ จังหวัด

เราสามารถเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นสนามรบ ที่ยังคงมีกับระเบิดสมัยสงครามหลงเหลืออยู่เป็นสนามการค้า เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ๕๒๕,๐๐๐ ล้านบาทในปี ๒๐๒๕

ทั้งนี้ การหารือถึงความร่วมมือที่จะพัฒนาศักยภาพ  สส.ของทั้ง ๒ พรรคการเมืองนี้ มีโจทย์หลักคือการทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชน ให้นำไปสู่การสร้างสันติภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน...

ไม่บ่อย หรือแทบไม่มีเลยในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่จะมีการกระชับความสัมพันธ์กับชาติอื่นๆ ในระดับพรรคการเมืองและรัฐบาลไปพร้อมๆ กัน

อย่างเอิกเกริก!

การที่พรรคเพื่อไทยประกาศเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับพรรคประชาชนกัมพูชา มองเผินๆ เป็นเรื่องดี แต่หากมีเรื่องผลประโยชน์ของทั้ง ๒ ชาติมาเกี่ยวข้องเมื่อไหร่ ระวังหายนะ

วันก่อน "ฮุน มาเนต" บอกว่า ได้พบหารือกับนายเศรษฐาหลายครั้ง ล่าสุดที่ประเทศออสเตรเลีย และได้จัดตั้งแนวทางการทำงานพิเศษ (Special Working Mechanism) ระหว่างกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ  เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานร่วมกันตามแนวชายแดนให้เกิดสันติภาพเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดน การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน

ถือว่าถูกต้องครับ ระดับผู้นำประเทศควรมีช่องทางพิเศษในการพูดคุยกัน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ในทางกลับกัน ช่องทางนี้ อาจนำไปใช้คุยกันเรื่องผลประโยชน์ลับหลังประชาชน ลับหลังรัฐสภาได้ด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวข้องกับชายแดน!

หากไม่นับกรณี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ใช้ช่องทางธรรมชาติจากชายแดนไฟเขียวตลอดทางถึงพนมเปญ บุญคุณที่ต้องตอบแทนระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ฮุน เซน" ชาตินี้ไม่รู้จะชดใช้กันจบหรือไม่

ตราบที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ หรือส่วนรวมก็เชิญอิ่มหนำสำราญ

แต่ในความเป็นจริงต้องจับตาอย่ากะพริบ

เครือข่ายทักษิณ-ฮุน เซน วันนี้แนบแน่นกว่าที่คิด

นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปูทางให้ "อุ๊งอิ๊ง" ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ

ฉะนั้นการเจรจาความเมืองในอนาคตจะราบรื่นจนน่าใจหายเลยทีเดียว

นึกถึงสมัย "ยิ่งลักษณ์" เป็นนายกฯ เดินทางไปประเทศแอฟริกา, โมซัมบิก, แทนซาเนีย, ยูกันดา ชวนให้สงสัยกันไม่น้อยว่าจะไปซื้อไปขายอะไร

มาถึงบางอ้อ เมื่อพลเมืองมอนเตเนโกรชื่อ "ทักษิณ  ชินวัตร" อวดภูมิในโซเชียลว่าประเทศแถบแอฟริกา น่าสนใจมาก ถ้าใครช้าก็อาจตกขบวนได้

"...ทวีปแอฟริกามีทรัพยากรมากจริง ความสามารถในการผลิตเองใช้เองยังน้อย เพราะคนของเขาผ่านความขัดแย้งและสงครามมามาก การศึกษายังน้อย การพัฒนายังต่ำมาก ผู้นำสวนใหญ่มาจากทหาร พื้นเพความรู้ด้านเศรษฐกิจ ด้านการต่างประเทศ ยังน้อยมาก บริษัทใหญ่จึงเข้าไปกันมาก

ที่สำคัญคือน้ำมันและก๊าซ ขณะนี้พบทั่วไปตั้งแต่เหนือแถบลิเบีย แอลจีเรีย มาทางตะวันออกมาเคนยา ยูกันดา  แทนซาเนีย ซูดาน ลงมาใต้ก็โมซัมบิก มาดากัสการ์  แอฟริกาใต้ ขึ้นไปตะวันตกจนถึงไนจีเรียและคองโก ปรากฏเยอะมาก เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การค้นหาทำได้ง่ายและถูกลง..."

หลายปีก่อนประธานาธิบดีเอ็มไว คิบากิ ผู้นำเคนยา แถลงยืนยัน มีการขุดค้นพบแหล่งน้ำมันใต้ดินเป็นครั้งแรกของประเทศ

มีข่าวหนาหูว่า พลเมืองมอนเตเนโกร ให้ความสนใจจะลงทุน เพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่แน่นแฟ้นกับประธานาธิบดีคิบากิ

ครับ...เอาเรื่องเก่าๆ มาเล่า เพราะพูดถึงคนแก่ๆ

๗๕ ปีแล้ว เลี้ยงหลานให้โตเป็นคนดีของสังคมดีกว่า

อย่าให้ใครต้องใช้เส้นทางธรรมชาติไปพนมเปญอีก

เพราะกลับเข้ามาอีกทีไม่ง่ายแล้ว

นักโทษเทวดา ทำแสบไว้เยอะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ครม.ทักษิณาฐา'

ส่องกันอยู่ร่วมเดือน รัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรี ลุ้นกันชนิดกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันหลายวัน เพราะคนที่อยู่ไม่รู้ว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้จะได้เสียบหรือเปล่า

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ