ข่าวลือร้อนๆ

ไม่ต้องเติม

ไม่ใช่น้ำมันครับ แต่เป็นเสียง สส.ในรัฐบาล

นั่งยันนอนยันกันไป นายกฯ เศรษฐา บอกว่า ช่วงนี้ข่าวลือเยอะ ยืนยัน ๓๑๔ เสียงแข็งแกร่งพอ ไม่จำเป็นต้องเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล

ข่าวนี้ ว่าไปแล้ว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์หน้าม้านพอควร เพราะคนเขาสงสัยกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังคิดจะร่วมรัฐบาลเพื่อไทยอยู่หรือไม่

ขณะที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็อมพะนำ ไม่ตอบให้ชัดว่า ไม่มีทางที่ประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณ เหมือนที่ นายหัวชวน เคยย้ำแล้วย้ำอีก

ภาพมันจึงออกมาว่า อยากจะร่วมแต่เขาไม่เอาเสียมากกว่า

ฉะนั้นถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาอยู่ในลู่ในทางที่ควร ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง อย่าไปรอฟ้ารอฝนเดินสู่เส้นทางแห่งความเสื่อม เพราะถ้าเสื่อมกว่านี้ โอกาสแก้ตัวแทบจะไม่มีอีกแล้ว

ครับ...ช่วงนี้ข่าวลือเยอะจริงๆ แถมยังมาเป็นแพ็กเกจ

ไม่ว่าจะเป็นปรับ ครม.

รัฐประหาร

คงเพราะเข้าสู่บรรยากาศการซักฟอกรัฐบาลกระมัง แม้จะไม่มีการลงมติ แต่หากฝ่ายค้านดันมีใบเสร็จมัดคนในคณะรัฐมนตรี มันก็เป็นเรื่องอยู่เหมือนกัน

แม้โอกาสจะน้อยนิดก็ตามที

การปรับคณะรัฐมนตรีหลังการเปิดซักฟอก เมื่อดูอายุรัฐบาลแล้วยังก้ำกึ่ง เพราะบริหารประเทศมาร่วม ๘ เดือน จะบอกว่าเร็วไปก็ไม่ได้ หรือถึงเวลาเหมาะสมแล้วก็ไม่เชิง

แต่หากดูฝีมือการบริหาร ว่ากันตามตรง สอบตกเป็นแถว

โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ไม่เอาอ่าว!

คงจะเป็นรัฐมนตรีคลังคนแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ใช้ความพยายามอย่างหนักในการบอกกับประชาชนว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังวิกฤตหนัก

จะต้องทุ่มเงินกว่า ๕ แสนล้านเพื่อแจกประชาชนหัวละหมื่น

ขณะที่ธุรกิจขายบ้านของนายกฯ กลับโกยรายได้เป็นหมื่นๆ ล้านบาท

กำไรเข้ากระเป๋าหลายพันล้านบาท

ปี ๒๕๖๖ ฟาดไปกว่า ๖ พันล้านบาท

ถ้าเศรษฐกิจประเทศกำลังจะฉิบหาย ขายบ้านได้กำไรงามอย่างนี้หรือครับ

กระทรวงการคลังวันนี้ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ สนองนักการเมืองจนลืมไปว่าในอดีตเคยติดคุกแทนนักการเมืองยกเข่งกันมาแล้ว 

โพสต์ของ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีต กกต. วันนี้ผันตัวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญงบประมาณแผ่นดิน แฉให้เห็นถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น

"...จับตา แผนการคลังระยะปานกลาง เมื่อข้าราชการกระทรวงการคลังเลิกความเป็นมืออาชีพ ปรับได้ตามความต้องการของนักการเมือง

แผนการคลังระยะปานกลาง เป็นแผนแม่บทในการบริหารการคลังและการจัดทำงบประมาณภาครัฐ เป็นแผนห้าปี เพื่อประเมินรายได้ รายจ่าย วงเงินกู้ และสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ

การปรับแผนให้ทำปีละครั้ง หลังสิ้นปีงบประมาณ ดังนั้นแผนฉบับใหม่ จะถูกเสนอ ครม.ราวเดือนธันวาคมปีนั้น หรือมกราคมปีถัดไป

รัฐบาลคุณประยุทธ์ อนุมัติแผนไปแล้วเดือนธันวาคม  ๒๕๖๕ พอเดือนกันยายน ๒๕๖๖ รัฐบาลคุณเศรษฐาก็มาแปลก ครัั้งที่ ๑ ขอปรับแผนการคลังระยะปานกลาง เพิ่มเงินกู้ไปอีกแสนล้าน เพิ่มประมาณการรายได้ ซึ่งไม่รู้จะหาได้หรือไม่อีก ๓ หมื่นล้าน ทำให้งบปี ๖๗ เพิ่มจาก ๓.๓๕ ล้านล้าน เป็น ๓.๔๘ ล้านล้าน

พอถึงเดือนธันวาคม ปี ๒๕๖๖ กระทรวงการคลัง ก็เสนอแผนการคลังระยะปานกลาง ของปี ๒๕๖๘-๒๕๗๑ อีกรอบ โดยประมาณรายได้ ปี ๖๘ ว่า จัดเก็บได้ ๒.๘๘ ล้านล้าน ตั้งงบประมาณรายจ่ายปี ๖๘ ไว้ที่ ๓.๖ ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ ๗.๑๓ แสนล้านบาท

เห็นว่า สัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะทำแปลกครั้งที่สอง โดยนำแผนการคลังระยะปานกลาง ฉบับปรับปรุงอีกรอบ เข้าขออนุมัติจากที่ประชุม ครม.

ประมาณการรายได้ยังเท่าเดิม แต่งบประมาณรายจ่ายจะพุ่งขึ้นจาก ๓.๖ เป็นประมาณ ๔.๐ ล้านล้านบาท โดยเป็นการทำงบขาดดุล เพิ่มจาก ๗.๑ แสนล้าน เป็น ๑.๑ ล้านล้านบาท

คือ ต้องกู้เพิ่มในงบประมาณอีก ๔ แสนล้าน เพื่อให้มีเงินพอไปแจกดิจิทัล วอลเล็ตปลายปีนี้

รอดูครับ ว่าจะเป็นตามนี้หรือไม่ มืออาชีพมากเลยครับ กระทรวงการคลัง..."

สมัยเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ได้สร้างวาทกรรม เก่งแต่กู้  กู้มาโกง

วันนี้เป็นไงครับ กำลังทุบสถิติที่เคยด่าเขาไว้

ทำงบขาดดุล ๑.๑ ล้านล้านบาท

ประชาชนเป็นหนี้หัวโต

กองแช่งที่เคยด่า "รัฐบาลลุงตู่" ว่ากู้อย่างเดียว หาเงินไม่เป็น โปรดจำไว้นะครับยุคนั้นโควิดลงยิ่งกว่าโรคห่า

ทำโลกหยุดชะงัก

แต่วันนี้บ้านขายดีเป็นเทน้ำเทท่า รัฐบาลกลับจะกู้ราวกับประเทศกำลังอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลกกำลังจะล่มสลาย

ฉะนั้นหากจะปรับ ครม. คนที่ควรถูกปรับออกคือ รมว.คลังชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน"

สำหรับข่าวลือ ข่าวปั้น ข่าวปั่นเรื่อง รัฐประหาร ก็มาตามสูตร

ในยามที่รัฐบาลกำลังมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือก็มักมีข่าวแบบนี้แหละครับ

แต่...อย่าเลย!

หลายๆ คนยังคิดว่าทางออกของประเทศไทยคือให้ทหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งเต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน

แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมาการทำรัฐประหารก็ไม่เคยทำให้การคอร์รัปชันลดน้อยลงในระดับที่้สามารถเรียกได้ว่า สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้แล้วเลย

ถ้ารัฐประหาร ไม่สามารถปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปตำรวจ  ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือปฏิรูปประเทศได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำ

ขืนทำไปมันก็วนในอ่าง

สู้เลือกตั้งบ่อยๆ ให้เงินสะพัดยังดีกว่า

พวกนักเลือกตั้งอยากใช้เงิน ก็ให้ใช้เสียให้เข็ด

พลาดเมื่อไหร่ก็จับเข้าคุก

การพัฒนาประชาธิปไตย มันมีพื้นฐานเยอะครับ ลำพังเลือกตั้งอย่างเดียวไม่อาจพัฒนาประชาธิปไตยได้สำเร็จ เพราะนักการเมืองยังหลุดเข้าสภาฯ มากมาย

รัฐบาลที่ดีจึงคือรัฐบาลที่คิดพัฒนาประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ

รัฐบาลที่คิดแต่เรื่องแจก หรือรัฐบาลที่คิดแต่เรื่องล้มล้าง  เอะอะล้างสมองเด็ก ประหารแม้กระทั่งรากเหง้าของตนเอง  ไม่อาจนำพาไปสู่จุดเริ่มต้นได้เลย

ล้วนลัดไปสู่จุดจบทั้งสิ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทันเหลี่ยม 'ธนาธร'!

คงจะห้ามไม่อยู่ กกต.เตือนว่าห้าม จัดแคมเปญ จูงใจ ชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม ๒๐ กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ

ยิ่งปรับยิ่งชินวัตร

ยังเป็นที่คาใจกันอยู่ การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ของ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

'ครม.ทักษิณาฐา'

ส่องกันอยู่ร่วมเดือน รัฐมนตรี ว่าที่รัฐมนตรี ลุ้นกันชนิดกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับกันหลายวัน เพราะคนที่อยู่ไม่รู้ว่าจะหลุดหรือไม่ ส่วนคนมาใหม่ไม่รู้จะได้เสียบหรือเปล่า

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี