คนกราบหมา
อย่านะ..ไม่ใช่อย่างที่กำลังคิดหรอก และก็ไม่ต้องคิดเลย เพราะที่จะคุยต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าของคอกหมาหรือใครทั้งนั้น!
มันเป็นชื่อหนังน่ะ และเป็นหนังไทยที่เขียนบทและกำกับโดยคุณอิ๋ง-สมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ที่ได้สร้างเอาไว้เมื่อ 25 ปีที่แล้ว โดยมีคุณกฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ “น้อย วงพรู” รับบทนำ
และนับเป็นผลงานแรกในวงการบันเทิง ก่อนที่คุณน้อยจะมีผลงานเพลงเป็นครั้งแรกกับ “วงพรู”!
นี่..ผมไม่ได้จะขุดเอา “หนังเก่า” มาแนะนำ หากแต่ “คนกราบหมา” ที่โปรโมตว่าเป็น “หนังไทยแนวตลกร้าย” แม้จะสร้าง-ปิดกล้องเสร็จสมบูรณ์มาตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว..
แต่ก็ยังไม่เคยได้ฉายในโรงภาพยนตร์ที่ไหนมาก่อน ด้วย “ถูกแบน” ในยุคที่ยังมี “กองเซ็นเซอร์” ภายใต้การกำกับดูแลของกรมตำรวจ โดยให้เหตุผล..
“บทภาพยนตร์คนกราบหมาไม่เหมาะสม และดูหมิ่นศาสนาพุทธ รวมถึงหมิ่นทุกศาสนา”!
มาปีที่แล้ว-2566 ผู้กำกับได้นำ “คนกราบหมา” เข้ายื่นตรวจพิจารณาอีกครั้ง และครั้งนี้ที่ได้เปลี่ยนการพิจารณาภาพยนตร์จากระบบ “เซ็นเซอร์”..
มาเป็นการกำหนดลักษณะ-ประเภทของภาพยนตร์ หรือ “เรตติ้ง”!
ทางคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติอนุญาตให้ภาพยนตร์เรื่อง “คนกราบหมา” ฉายในประเทศไทยได้ โดยได้เรตติ้ง “น 15+”
อย่างไรก็ตาม แม้หนังจะฉายในประเทศได้ แต่ด้วยหนังที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม. ทุนสร้างแบบจำกัด-จำเขี่ยจากเงินในกระเป๋าของผู้กำกับเองล้วนๆ
“คนกราบหมา” ก็เลยไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไป จนล่าสุดทางโรงภาพยนตร์ House Samyan ซึ่งฉายหนังอินดี้โดยเฉพาะ..
ก็ได้เตรียมนำหนัง “คนกราบหมา” ฉบับ Director's Cut เข้าฉายในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
ซึ่งถ้าอยากรู้เนื้อหาหนังเป็นอย่างไร ทำไมถึงถูกแบน และทำไมถึงกลับมาฉายได้ ก็ต้องหาเวลา-หาโรงหนัง “เฮ้าส์ สามย่าน” ให้เจอ แล้วไปพิสูจน์กับใจตัวเองดูเอา..
ดูแล้วก็อย่าเอาจริง-เอาจังถึงขั้น “ต้องกราบหมา” กันล่ะ..เห็นแล้วมันทุเรศ-สมเพชน่ะ!
ส่วนนั่น..ใครจะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าคุณหมอวรงค์และ คปท.-กองทัพธรรม เห็นแล้ว ไม่ถูกต้อง จึงได้พากันไปยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ
ก็..ประเด็นที่ใช้รถประจำตำแหน่ง เดินทางเข้าพบนักโทษที่ได้รับการพักโทษ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นั่นแหละ!
และก่อนหน้านั้น คุณหมอกับคณะได้เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
เพื่อยื่นหนังสือให้ตรวจสอบกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณ โดยได้นำรายงานการตรวจสอบข้อเท็จของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปมอบเป็นหลักฐาน
คุณหมอวรงค์บอกว่า.. “การร้องเรียนครั้งนี้ ถือเป็นพยานหลักฐานทางการที่น่าเชื่อถือที่สุด เนื่องจากเคยไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้จะไม่รับเรื่อง เพราะอ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล
แต่ได้ทำการตรวจสอบและทำเป็นเอกสารลับส่งมาให้ตน โดยในเอกสาร ระบุว่า นายทักษิณ ไม่ได้ป่วยหนัก
เพราะในรายงานการส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ เขียนว่า ส่งตัวไปเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยไม่มีการรักษาตัวในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน
และหลังจากครบ 180 วัน เป็นการให้คะแนนที่ผิดปกติ หวังให้การช่วยเหลือ เนื่องจากเงื่อนไขการพักโทษจะต้องมีอายุ 70 ปี และป่วยจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ไม่ใช่กลับบ้านไปยกดัมเบล แล้วกลับไปเป็นปกติ.. การพักโทษเขาต้องการให้กลับไปใช้ช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัว ก่อนตาย
ไม่ใช่กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว ไม่ใช่ออกมาเดินตะแล็ดแต๊ดแต๋ หาเสียง สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ”
โห..แรงอะคุณหมอ!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลวงพ่อชี้โพรง?
เหลิงใน “ดีล” ที่ได้.. จากคืบเอาศอก จากศอกเอาวา..จึงดูท่าไม่ใช่แค่ “น้ำผึ้งหยดเดียว” เสียแล้ว หากแต่มีเหตุหลายเรื่อง-หลายอย่างประเด-ประดังให้สังคมรู้สึกอัดอัด คับแค้นจนทนไม่ได้
กินแหลกกับโกงแหลก
วันก่อน..ลงไป อ.ทุ่งสง-เมืองคอน! จะว่าหนีไปเที่ยวก็ไม่เชิง จะว่าไปทำงานก็ไม่น่าใช่ และก็ไม่ได้มีเรื่องสลักสำคัญอันใดที่จะต้องนำมาคุยในคอลัมน์ตรงนี้
สมบัติผลัดกันชม
คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี.. คนหนึ่ง..ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต!
อะไรๆ ก็กู?
เปิดซ่องอย่างเป็นทางการ.. นี่..ไม่ต้องตาโต-ตาลุกเลยสำหรับหนุ่มน้อย-หนุ่มใหญ่ รวมถึงเฒ่าตัณหากลับ เพราะ “ซ่อง” ที่จะ “เปิด” อย่างเป็นทางการนี้ ไม่ได้เป็นสถานที่คลายกำหนัดแห่งใหม่ที่ไหน?
แค่สิทธิ..อยากรู้
มีแต่ประเทศไทยกระมัง? ที่..นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีนั่งร่วมวงหม่ำข้าวกับ “นักโทษ” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษด้วยเงื่อนไข เป็นผู้สูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง..
สงสัย..นาฏราช
ร้อนเป็นบ้า.. นี่..ไม่ได้แค่คำบ่น-คำสบถกันเล่นๆ และถ้ามีใครจะ “แก้ผ้า” วิ่งกลางถนนกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรเหมือน “สาวแหม่ม” (เมื่อไม่นานมานี้)..