แค่สิทธิ..อยากรู้

มีแต่ประเทศไทยกระมัง?

ที่..นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีนั่งร่วมวงหม่ำข้าวกับ “นักโทษ” ที่อยู่ระหว่างการพักโทษด้วยเงื่อนไข เป็นผู้สูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง..

แบบไม่แคร์ ไม่แยแสความรู้สึกของประชาชนอย่างใดไม่?

และตาสี-ยายสาก็รู้ว่า การที่นักโทษเรียก (สั่ง) นายกฯ-รัฐมนตรีไปกินข้าว ณ โรงแรมหรูก็เพื่อสรุปรายชื่อ “คณะรัฐมนตรีชุดใหม่” ตามที่ตัวเองและเครือญาติต้องการ!

แล้ว ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ไปอยู่ไหนมา ถึงได้โพสต์ “การปรับ ครม.เพื่อให้ได้คนเก่งกว่า ดีกว่า เหมาะสมกว่า บริหารงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนใช่หรือไม่”

ก่อนที่จะถามต่อ..“เขามีสิทธิ์ที่จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อตอบแทนส่วนตัวกันหรือ?”

โธ่ถังกะละมังหม้อ..“อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร” ก็รู้ดีว่าเรื่องพรรค์อย่างนี้มันมีมาทุกยุค-ทุกรัฐบาล เพียงแต่ยุครัฐบาลเพื่อไทยครองอำนาจทีไรก็จะเห็นชัดกว่าเท่านั้นเอง!

ฉะนั้น..“การปรับ ครม.เพื่อให้ได้คนเก่งกว่า ดีเหมาะสมกว่า บริหารงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน” จึงอย่าได้คิด-ได้หวัง

เพราะคนมีอำนาจเหนือรัฐบาลที่เขาปรับ-เขาตั้งขึ้นมานั้น เขาไม่ได้คิดที่จะเอาคนเก่งมาบริหารงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ-ประชาชน

หากแต่เขาหวังผล..ให้เกิดประโยชน์กับตัวเขา-ครอบครัวญาติโกโหติกาเขา และเผื่อแผ่พวกพ้องเขาบ้างเล็กน้อยแบบเศษเนื้อข้างเขียงเป็นจุดหมาย!

เมื่อรู้เช่นเห็นชาติเช่นนี้แล้ว ถ้าเราจะปล่อยให้เขาใช้สิทธิ-ใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจก็ไม่ต้องทำอะไร วันๆ ก็นั่งดูเขากับพวกเอา “ตีนเหยียบหน้า” อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็แค่นั้น

แต่..หากเกิดสำนึกร่วม จะไม่ปล่อยให้เขาใช้สิทธิ-ใช้อำนาจกอบโกย-โกงกิน กระทั่งทำร้าย-ทำลายกระบวนการยุติธรรมให้ตกต่ำ-ถดถอย

ก็ต้องช่วยกันคนละมือ-คนละไม้ และทุกวิถีทางที่จะคอยขัดขวาง ไม่ปล่อยให้ “เขา” กำเริบเสิบสาน หลงเหลิงอำนาจไปกว่านี้!

ดูอย่างคุณตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ไม่เคยพัก วันก่อนได้พูด..“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไปคุยกับทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรมโรสวูดท่ามกลางกระแสปรับ ครม.นั้น

เป็นการแสดงออกเพื่อกวนตีนสังคม เพราะคน 2 คนจะไปคุยกันที่ไหนเป็นส่วนตัวไม่มีใครรู้ก็ได้ แต่มาแสดงให้สังคมเห็นคงประกาศศักดายิ่งใหญ่เบ็ดเสร็จแล้ว

อีกอย่าง เนื่องจากทักษิณเป็นผู้ต้องโทษอยู่ระหว่างการพักโทษคดีทุจริต ซึ่งสารภาพยอมรับความผิดไปแล้ว ดังนั้น นายกฯ ควรรู้หลักครรลองคลองธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี

อะไรพึงทำและไม่พึงกระทำ ถ้าคุยกันไม่ให้ใครรู้แล้วไม่เกิดภาพอุจาดของประเทศ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในวงกว้างกว่าจะไม่ดีกว่าเหรอ

การไปคุยกันแบบประเจิดประเจ้อ ราวกับแสดงให้ดูเสมือนว่า วันนี้ประเทศนี้เบ็ดเสร็จแล้ว ไฟเขียวก็โล่ง

ดังนั้นการแสดงออกแบบกวนตีนสังคมจะลากให้บ้านเมืองเดินสู่การล้มกระดานแล้วเดือดร้อนประเทศและประชาชน

แล้วนายกฯ ใช้รถประจำตำแหน่งไปพบได้เหรอ หรือนายกฯ ส่วนท้องถิ่นทำไม่ได้ แต่นายกฯ เศรษฐาทำได้

ปปช.ไม่คิดจะเตือนหรืออย่างไร เมื่อครั้งนี้ใช้รถประจำตำแหน่งไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และยังไปกินข้าวเที่ยงกับคนยังไม่พ้นโทษ ยังหารือปรับ ครม.อีก

ทำได้อย่างไรกัน แล้ว ปปช.ไม่รู้สึกรู้สาเลยเหรอ..”

เอ้อ..แต่ได้ยินคุณภูมิธรรมว่า.. “การไปคุยที่โรงแรมไม่มีนายทักษิณ และเราไม่ได้พบนายทักษิณ..ตนคุยกัน 2 คนกับนายกฯ”

ผมล่ะอยากเชื่อนะ แต่ด้วยเพราะคนในรัฐบาลพูดจาโกหก-สับปลับกันจนเวียนหัว ก็จึงอยากให้คุณภูมิธรรมได้ช่วยหาหลักฐานอะไรมายืนยันหน่อยได้ไหม?

เช่นว่า ภาพนายทักษิณอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ในวันดังกล่าว ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ไม่ได้เค้นหรือจ้องหาเรื่อง-จับผิด..

แค่ “สิทธิ” ประชาชนที่อยากรู้เท่านั้นครับ!.

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อโหสิได้ก็..อโหสิ

กวาดไป 6 รางวัล! ก็..ขอปรบมือ-ดีใจกับ “มาตาลดา” ละครสร้างสรรค์ที่ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอิบในทุกตอนที่นอนดู แม้จะผิดหวังไปบ้างกับรางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม”..

ไม่รัก-ไม่บอก

จงใส่ Mask กันต่อไป! นี่..ผมไม่ได้บอก แต่ WHO นู่นต่างหากที่พูด พร้อมประกาศ ช่วงนี้โรคเฝ้าระวังตัวใหม่ COVID สายพันธุ์ omicron JN 1 ได้ระบาดทั่วโลกเพิ่มขึ้น 52% แล้ว!

ประสาคนขี้สงสัย

หนังเจ๊งยับ! นี่..มีคนพูดให้ได้ยิน ถ้าไม่จริงอย่างไร ผู้สร้าง-ผู้กำกับหนังเรื่อง “ปะ ฉะ ดะ” จะชี้แจงก็ได้นะ เผื่อบางทีจะทำให้ผมเปลี่ยนใจ นึกอยากดูหนังขึ้นมาก็ได้

หนังไทยคึก..สายเขียวเหี่ยว

“อนงค์” เตรียมทะยานมุ่งสู่ 100 ล้าน! อย่างนี้ไม่เรียกว่า “เคาะสนิม” แล้ว เพราะแม้ คุณเอส-คมกฤษ ตรีวิมล จะ ห่างหายจากการกำกับภาพยนตร์ไทยไปกว่า 17 ปี แต่กลับมาคราวนี้ก็ยัง “คมกริบ” ในฝีไม้ลายมือ..

สรุป..ไม่ต้องแก้?

ไม่พูดพร่ำทำเพลง.. อดีต สส.คนงาม คุณเอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ โร่เข้าแจ้งความกับตำรวจ ก่อนโพสต์.."นอนไม่หลับ จริงๆ อยากจะพัก แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ ยอมรับเคยชื่นชอบ

ไม่อยากจบ..จัดให้

“ปัญหามันเยอะเหลือเกิน.. สะสมมาเยอะ ทุกๆ ด้าน เศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ยังมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่อีก”