
ฟังจากที่ลูกสาวคุณพี่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ไปคุยกับท่านอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน แล้วได้นำเอาคำชี้แนะ ชี้นำ ของท่านอดีตนายกฯ ต่อบรรดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย ว่าไม่ควรถึงขั้นคิดจะ หักดิบ เอากับสิ่งที่ตัวเองไม่ถูกใจ ไม่พึงพอใจต่อสังคม ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี อันน่าจะถือเป็นคำแนะนำที่ค่อนข้างจะมี ประโยชน์ อยู่พอสมควรทีเดียว โดยเฉพาะตามความคิด ความรู้สึก ของผู้ที่เคยพยายาม หักดิบ ในอะไรต่อมิอะไรหลายเรื่อง ตลอดช่วงชีวิตของตัวเอง นับแต่หนุ่มจนแก่ จนแทบไม่เหลืออะไรจะให้หักอีกต่อไปแล้ว...
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เหล้า-ยา-ปลาปิ้ง ที่เคยฝังแน่นอยู่ในวาสนา ในอุปนิสัย ชนิดเคย แอ่นระแน้ กับ สหายร่วมรบ อย่าง ดร.ปรีชา เปี่ยมพงศ์ศานต์ ที่เยอรมนี นับตั้งแต่ฟ้าเริ่มสางๆ ไปจนค่ำมืดดึกๆ ดื่นๆ ด้วยการ แอ่นเบียร์ กันคนละไม่ต่ำกว่า 24-25 ขวดเป็นอย่างน้อย จนอดไม่ได้ที่จะต้องคิดหาทาง หักดิบ ก่อนตัวเองจะกลายสภาพเป็น โรงเหล้าเตากลั่นโขมง-มีคันโยงผูกสายไว้ปลายเสา แทนที่จะเป็นมนุษย์มนาโดยปกติเหมือนอย่างใครต่อใครเขา แต่ก็นั่นแหละ...ตราบใดที่ วิถีชีวิต มันยังวนเวียน ซ้ำๆ ซากๆ อยู่กับ ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ของตัวเอง โอกาสที่จะ หักดิบ ในสิ่งที่ว่า จึงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย แม้พยายามลดระดับลงมาให้เหลือเพียงแค่ สุรามาเป็นระยะๆ มัชฌิมาปฏิปทา ไปแล้วก็ตามที...
ยิ่งเป็น บุหรี่ ยิ่งไม่ได้ไปใหญ่...โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้ที่คิด หักดิบ อย่าง ป๋า ส.อาสนจินดา ที่สูบบุหรี่วันละ 3 ซองเป็นอย่างน้อย หรือ ป๋าต๊อก ฯลฯ เป็นต้น ดันต้องลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้หลังการ หักดิบ ก็ยิ่งรู้สึกหวาดเสียว สยดสยอง ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะตราบใดที่ยังคงต้องขีดๆ เขียนๆ ปั่นต้นฉบับให้ใครต่อใครเขา โอกาสที่จะ หักดิบ ต่อมะเร็งร้ายเหล่านี้ ย่อมเป็นอะไรที่ออกจะยากเย็น แสนเข็ญ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ หรือพูดง่ายๆ ว่า...ตราบใดที่ วิถีชีวิต มันยังไม่หักเห เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมๆ โอกาสที่จะอาศัย กรรมวิธี แบบที่เรียกว่า หักดิบ เลยค่อนข้างยากเอามากๆ ที่จะเป็นไปได้...
แต่ครั้นเมื่อ วิถีชีวิต มันเกิดการหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ไปตามวัยและสังขาร ไปตาม กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ จนทำให้ ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ แบบซ้ำๆ ซากๆ มันกลายสภาพไปเป็น ความเป็นเช่นนั้นเอง-ความเป็นพรรค์นั้นแหละ ไปจนได้!!! อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้แทบไม่ต้องไปลงทุน ลงแรง แทบไม่ต้องเสียเวลาไป หักดิบ ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุเพราะความสนุกสนาน บันเทิงเริงรมย์ ความหมกมุ่นมัวเมา ฯลฯ อยู่กับอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย มักชักกลายเป็น ส่วนเกิน กลายเป็นสิ่งซ้ำๆ ซากๆ จนไม่ได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นแรงจูงใจ ที่จะเข้าไปข้องแวะใดๆ ต่อไปอีกแล้ว..
คือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหาก วิถีชีวิต หรือวิถีความเป็นไปของโลก มันเป็นอะไรที่หยุดนิ่ง ไม่ได้เคลื่อนไหว หมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย กรรมวิธีการ หักดิบ อะไรต่อมิอะไรต่างๆ อาจมีประโยชน์อยู่บ้างตามสมควร แต่ด้วยเหตุเพราะวิถีโลก วิถีชีวิตใดๆ ก็แล้วแต่ มันไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น แต่ต่างตกอยู่ภายใต้ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง จนทำให้ ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ เลยเป็นแค่สิ่งที่ถูก ปรุงแต่ง ขึ้นมาในอารมณ์-ความรู้สึกของใครต่อใครไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ เท่านั้นเอง ชนิดอะไรที่ตัวเอง ถูกใจ ในวันนี้ อาจกลายเป็นสิ่ง ไม่ถูกใจ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ และอะไรที่ตัวเอง ไม่ถูกใจ ในวันนี้ อาจเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจ น่าประทับใจ ในวันหน้า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...
ไม่งั้น...บรรดา ฝ่ายซ้าย เมื่อหลายต่อหลายสิบปีที่แล้ว จะหกคะเมนตีลังกา ซัมเมอร์ซอลต์ใส่เกลียว 3 รอบ 4 รอบ กลายมาเป็น ฝ่ายขวา อย่างแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็คงต้องเชื่อ มันคงไม่มีโอกาสเป็นไปได้ ไม่มีโอกาสเห็นแล้วเห็นเล่ามาโดยตลอด เช่นเดียวกับ ฝ่ายขวา ที่เอียงขวากระเท่เร่มาแต่อ้อน แต่ออก แต่กลับกลายสภาพมาเป็น ฝ่ายซ้าย ตอนแก่ๆ ก็พอจะพบเห็นได้อยู่เป็นจำนวนมิใช่น้อย อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ความพยายามที่จะ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อความหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ของสรรพสิ่งทั้งหลาย มันจึงเป็นสิ่งที่มีค่า มีราคา มีประโยชน์ยิ่งกว่า ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ เป็นไหนๆ การปรับตัว ปรับสภาพ ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับความเป็นไปของสรรพสิ่ง แทนที่จะพยายามบีบบังคับ พยายามเอาชนะด้วยการ หักดิบ จึงถือเป็นการชี้แนะ ชี้นำ ที่ออกจะเป็นประโยชน์เอามากๆ โดยเฉพาะสำหรับบรรดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย...
ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อวิถีโลก และวิถีสังคมไทย มันชักเป็นอะไรที่ออกจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่นักคิด นักวิเคราะห์ ผู้พยายามเกาะติดความเป็นไปของสังคมมาโดยตลอด อาจารย์ พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ท่านถึงกับต้องสรุปไว้แบบมึนๆ งงๆ นั่นแหละว่า การเมืองทุกวันนี้...มันเต็มไปด้วยการ ซ้อนทับ ของ ชนชั้นนำ-บ้านใหญ่ และพลเมือง จนแทบหาจุดจบ จุดลงตัวใดๆ แทบไม่ได้ ขณะที่ระบอบประชาธิปไตยมันชักใกล้จะเป็น ประชาธิป-ตาย ยิ่งเข้าไปทุกที ความพยายาม หักดิบ เพื่อสนองตอบต่อความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงออกจะเป็น อันตราย!!! เอามากๆ ไม่ว่าต่อตัวเอง ผู้อื่น หรือต่อสังคมทั้งสังคมเอาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้...คงต้องพยายาม ฟังแล้วได้ยิน ต่อคำชี้แนะ ชี้นำ ของอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นซ้าย เป็นขวา เป็นหน้า เป็นหลัง มาแล้วอย่างโชกโชนเอาไว้มั่ง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สองพ่อลูก...สองแผ่นดิน ฤๅจะสิ้นวาสนาและบารมี
เวลาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาสืบเนื่องมาเป็นร้อยปี หากจะมองตั้งแต่ยุคต้นของรัตนโกสินทร์ อาณาจักรกัมพูชาในตอนนั้นคืออาณาจักรเขมรที่เป็นประเทศราชของสยามมาจนถึงรัชกาลที่ 4
ประเทศไทยกับ'หมากตาอับ'!!!
ภายใต้โลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า บรรดา ทวยไทย หรือ ปวงชนชาวไทย ท่านได้ เปลี่ยนแปลง ไปเยอะแล้ว แบบชนิด พลิกหน้ามือเป็นหลังตีน
สีกากีติดลบ!
ยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แวดวง "สีกากี" แค่เพียงสัปดาห์เดียวก็มีบุคลากรตกเป็นผู้ต้องหา ตกเป็นจำเลย ตกเป็นที่พูดถึงในมุมลบของสังคมแทบจะเป็นรายวัน
แรงกดดันดร.ทักษิณยังเป็นเพียงหนังตัวอย่างของคนลัคนาสถิตกันย์
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์สื่อหลายแห่งรวมทั้งที่ไทยโพสต์ คุณศลิลนา ภู่เอี่ยม และคุณบุญระดม จิตรดอน ที่แนวหน้า ว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ ลัคนาส
ฤๅเขาคือเจ้าของประเทศ
มีคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีมีเงินเป็นแสนๆ ล้าน เขามีความร่ำรวย แต่เขาไม่พอเท่านั้น เขามีความทะเยอทะยานอยากเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
กลไกแห่งการวิวัฒนาการ
ภายใน ตัวตน ของมวลมนุษย์ในแต่ละคน...ดูๆ แล้วมันอาจมี กลไก บางอย่าง ที่ซุกซ่อนอยู่ในยีน ในดีเอ็นเอ โดยจะเป็นสิ่งที่ พระเจ้า ท่านประทานมาให้หรือไม่? อย่างไร?