
ได้เวลา..สำรวจตู้เสื้อผ้า
จากการศึกษาวิจัยของ Grazia พบว่า มนุษย์เราส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อผ้าเพียง 32% ของเสื้อผ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เสื้อผ้าของเราเกือบ 70% ยังคงไม่ได้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา
มีคำอธิบายหลายประการสำหรับช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างสิ่งของในตู้เสื้อผ้าของเราและสิ่งที่เราสวมใส่จริง ..นั่นคือ
การซื้อของตามอารมณ์ : คือการซื้อของที่เราซื้อตามอารมณ์หรือในช่วงลดราคา แต่เราไม่เคยรู้ว่าจะจับคู่มันอย่างไร ผลก็คือพวกมันถูกผลักไปอยู่ก้นลิ้นชักในที่สุด
เสื้อผ้าแบบ "เผื่อไว้" เช่น เสื้อแจ็กเกตสำหรับงานราตรี ชุดเดรสสำหรับงานกาลา กางเกงที่เล็กหรือใหญ่ไป... มีหลายสิ่งที่เราเก็บไว้ "เผื่อไว้" โดยไม่ได้ใช้งานจริง
ความผูกพันทางอารมณ์ : ชิ้นงานบางชิ้นเตือนเราถึงช่วงเวลา บุคคล หรือยุคสมัยที่สำคัญ การโยนมันทิ้งไปก็เหมือนกับการพลิกหน้าหนังสือเร็วเกินไป ดังนั้นเราจึงต้องเก็บมันเอาไว้ แม้ว่าจะไม่ได้สวมใส่ก็ตาม
ความไม่ชัดเจนในตู้เสื้อผ้าของเรา : ตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นเกินไป ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นเสื้อผ้าทั้งหมดของเรา และสิ่งที่เราไม่เห็น...เราก็ไม่สวมใส่
มนุษย์ป้ายอมรับว่าจัดอยู่ในประชากรส่วนนี้แน่นอน ..แล้วคุณล่ะ ก็แบบเดียวกันหรือเปล่า?!? เพราะหลายครั้งที่เคลียร์ตู้ แล้วต้องถามตัวเองว่า ..เรามีกางเกงตัวนี้ด้วยหรือ?!?
รายงานข่าวการสำรวจเกี่ยวกับเสื้อผ้านี้ยังบอกว่า ตัวเลข 32% ที่น่าตกใจนี้ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ เพราะความไม่สมดุลของเสื้อผ้ากับความจำเป็นในการใช้จริงๆ นั้น หมายความว่า คุณกำลังทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมากอีกด้วย
การผลิตสิ่งทอเป็นหนึ่งในสิ่งที่ก่อมลพิษมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝ้าย การใช้น้ำและสารเคมีจำนวนมาก การปล่อย CO₂ การขนส่งระหว่างประเทศ... โดยไม่ต้องพูดถึงขยะที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าที่ไม่ได้รีไซเคิล ฉะนั้นการสวมเสื้อผ้าเพียงสามส่วนโดยไม่ตั้งใจ จึงถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอีกด้วย
"การทำให้การบริโภคของเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น ย่อมหมายถึงการใช้สิ่งที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นด้วย" จากวันนี้คงต้องใช้หลักคิดนี้แล้วนะคะ.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย
ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ
60อัป..ใครทำได้ก็ทำไป
ประเด็นขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 65 ปี กำลังเป็นเรื่องฮอตในสังคมไทยอยู่ตอนนี้
เรื่องของ..มิวเซียม
เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เรื่องตลกเรื่องนี้ได้ที่หนึ่งของโลก
ในงานปาร์ตี้รวมดารา มีคุณลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งขึ้นเวทีมาด้วยไม้เท้า แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ พิธีกรถามว่า "คุณลุงยังไปหาหมอบ่อยๆ อยู่ไหมครับ?"

