ตรรกะไม่เหมือนกัน?

ทำตัวเป็นเตมีย์ใบ้..

ดูเหมือนจะเป็นเรื่อง “ยากขั้นสูงสุด” ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีกระมัง? คนไทยเราจึงไม่ค่อยจะได้เห็น “ผู้นำ” ที่ไม่ยอมพูด หรือไม่ยอมแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดๆ ออกจากปากง่ายๆ

จะมีก็แต่เพียงท่านเดียวที่ทำได้ นั่นคือ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น..

 ท่านมั่นคงกับฉายา “เตมีย์ใบ้” ที่สื่อมวลชนตั้งให้อย่างหนักแน่นและคงเส้นคงวามาตลอดยาวนานร่วม 8 ปี!

ซึ่งผล-ด้านดีของการเป็น “เตมีย์ใบ้” ทำให้ไม่ต้องเห็นนายกรัฐมนตรีถกเถียง-ตอบโต้กับฝ่ายค้าน-คนเห็นต่างให้เป็นประเด็นขัดแย้ง ประชาชนสับสน!

และแม้ (พยายาม) จะเข้าใจ..บุคลิกใคร-บุคลิกมัน แต่ประชาชนรวมถึงผมก็ดูจะมีความหวังว่าจะได้เห็น “เตมีย์ใบ้” เกิดใหม่ขึ้นมาอีกรายในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี!

อย่างเวลานี้ ถ้าเผื่อคุณอนุทินจะได้เริ่มค่อยๆ ปรับตัว-เปลี่ยนแปลงบุคลิกท่าที จากที่ตอบโต้ทุกเม็ด-ทุกคน กระทั่งประเด็นหยุมหยิมก็ไม่ละเว้น-วาง..

กลายเป็นคนพูดน้อยลง แสดงความคิดเห็นเฉพาะประเด็นสำคัญ-ใหญ่โต ประเภทนักข่าวถามคนนู้นว่าอย่างนั้น คนนั้นว่าอย่างนี้ก็ปิดปากเสีย ให้เสมือนหนึ่ง “กลัวดอกพิกุลร่วง”!

ทำได้..ก็จะเป็นคุณ-เป็นประโยชน์กับตัวท่าน เพราะอย่างไรๆ เสีย สมัยหน้าคุณอนุทินก็เห็นจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง

ถึงตอนนั้น นอกจากจะได้รับฉายา “เตมีย์ใบ้” แล้ว หากคุณอนุทินจะเดินตามรอยป๋าเปรมก็ต้องคิดหาประโยคให้จดจำ เช่นว่า..

 “กลับบ้านเถอะลูก” นักข่าวจะได้ไม่ต้องคอยตามตื๊อถามโน่น-นี่..ดีไหม?

เออ..แล้วนั่น ไม่เพราะทำลับๆ ดอกรึ? คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-พรรคประชาธิปัตย์ ถึงได้ถูกประทับตรา-เป็นขี้ปาก.. “แอบจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร” ติดตัวมาจนถึงบัดนี้!

ฉะนั้น..ที่คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์วันก่อนนู้นว่า..

“การเดินเข้าไปขอให้ สส.พรรคอื่นย้ายพรรคมาอยู่กับพรรคของตัวเอง เมื่อก่อนเขามีมรรยาทเขาทำแบบลับๆ

 เดี๋ยวนี้ทำแบบเปิดเผย จุดประทัด มีกลองยาวนำหน้า ไม่ต้องอายอะไรกัน เหมือนกับการเสพสังวาสกันกลางถนน ไม่อายใคร!!”

จึงให้คันปากอยากพูด..ที่เขาเดินเข้าไปขอให้ สส.พรรคอื่นย้ายพรรคมาอยู่กับพรรคของตัวเองแบบเปิดเผย ตรงไปตรงมาน่ะ ก็เป็นเรื่องถูกต้อง-ดีงามแล้วนี่นา

ก็เหมือนเจ้าบ่าวที่ยกขบวนแห่ขันหมากไปขอเจ้าสาวถึงบ้านอย่างเอิกเกริกไง มันไม่ใช่การ “เสพสังวาสกลางถนน” ที่ต้องละอาย

แต่มันหมายถึงการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทั้งฝ่ายที่ไปขอและฝ่ายที่ถูกขอ โดยที่มีบุคคลอื่นร่วมรู้เห็นเป็นสักขีพยาน ไม่เห็นจะเป็นการเสียมรรยาทหรือต้องอับอายแต่อย่างใด!

ขอโทษ..ด้วยความเคารพ ผมว่าห้วงนี้คุณนิพิฏฐ์บำเพ็ญพรตอยู่แถวเทือกเขาบรรทัดก็ดีแล้ว เพราะต้องไม่ลืมสิ ต่อให้พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นกลับมาหลังคุณอภิสิทธิ์ได้เป็นหัวหน้าพรรค..

แต่..ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้จัดตั้งรัฐบาลซะที่ไหน!

และเมื่อต้องยังอาศัยเข้าร่วมกับพรรคอื่นเขาเพื่อเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรี แล้วจะแกว่งปากระราน-เหน็บแนมด้วยวาจาให้เป็นที่บาดหมางใจกันไปไย?

ละ-วางความเคียดแค้นส่วนตัวลงเสียบ้างเถอะ จะพูดสร้างศัตรูให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องลำบากใจไปทำไม สู้สร้างมิตรภาพเอาไว้จะไม่ดีกว่าหรือ?

คุณนิพิฏฐ์เองก็เคยลาออกไปอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย ก่อนจะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐมิใช่รึ? ก็ไม่เห็นมีใครตำหนิติติง หรือกล่าวหาเป็นการ “เสพสังวาสกลางถนน” นี่นา!

นั่น..เป็นเพราะคุณนิพิฏฐ์เปิดเผยตรงไป-ตรงมา แต่ถ้าลองทำลับๆ ล่อๆ ก็ไม่แน่ อาจจะเจอคำพูด.. “ไม่มีมรรยาท” เอาก็ได้..

ด้วยตรรกะไม่เหมือนกัน!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กเรียนรำแล้วโง่?

ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี? เอางี้..ขอกล่าวคำแสดงความยินดีปรีดากับ พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ที่คณะรัฐมนตรี มีมติแต่งตั้ง..

อย่าทำเป็นลองยกให้ใคร!

ดีกว่าหยิบยก รักไปให้ใคร เก็บรัก เอาไว้ในใจ คงไม่ทำให้ใจหมอง เก็บรัก เอาไว้ดีกว่า ไม่เสื่อมราคา น้ำตาไม่นอง ค่ารัก มันสูงเกินทอง อย่าทำเป็นลอง ยกให้ใคร

ซี้ซั้วต่า?

“พรรคประชาชนสีส้มกับบรรดานักสิทธิมนุษยชนจอมปลอมทั้งหลายโผล่หัวออกมาประณามกัมพูชาบ้างแล้วหรือยังครับ?”

เห็นจะต้องเอาอย่างจีน?

จะทำได้ไหม.. ทำได้รึเปล่า? เนี่ย..เสียงเพลงจากรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล ลอยมาเชียว หลังเห็นข่าวที่ “ผู้จัดการออนไลน์” นำมารายงาน..

น้ำตาจระเข้?

“การเมืองที่ไม่สุจริต.. เป็นที่มาของการที่ระบบเศรษฐกิจขาดประสิทธิภาพ การเมืองที่ไม่สุจริต เป็นที่มาที่ทําให้เกิดปัญหาสะสมของสังคมมากมาย รวมไปถึงปัญหายาเสพติด และการพนัน