สธ.เผยโควิดยังไม่เพิ่ม หลังเปิดสถานบันเทิง 1 สัปดาห์ เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้ 60%

6 มิ.ย.65- ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด 19 และการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น โดย นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์โควิด 19 ของประเทศไทย ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และเสียชีวิต มีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับความต้องการเตียงไอซียูในโรงพยาบาลที่ลดเหลือประมาณ 10% ทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับได้ เริ่มกลับไปบริการผู้ป่วยโรคอื่นตามปกติ ส่วนตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่มีการเปิดกิจการสถานบันเทิง จากการติดตามยังไม่พบแนวโน้มผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ต้องติดตามอีก 1-2 สัปดาห์ จึงบอกได้อย่างชัดเจนว่า การเปิดสถานบันเทิงไม่มีผลกระทบมากนักต่อจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยอาการหนัก

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 อยู่ที่ประมาณ 20-30 รายต่อวัน เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ไม่ได้รับวัคซีนเลยหรือไม่ได้รับเข็ม 3 จึงต้องพยายามทำให้กลุ่มนี้เสียชีวิตน้อยที่สุด คือ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งคำแนะนำของไทย คือ คนอายุ 12 ปีขึ้นไปสามารถรับเข็มกระตุ้นได้ตามที่กำหนดคือ ฉีดเข็ม 2 เกิน 3 เดือนขึ้นไปรับเข็ม 3 กลุ่ม 608 ที่ฉีดเข็ม 3 แล้ว 3 เดือน ให้รับเข็ม 4 และคนทั่วไปรับเข็ม 3 แล้ว 4 เดือนให้รับเข็ม 4 เนื่องจากการฉีด 2 เข็มจะป้องกันอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 6-8% แต่ฉีด 3 เข็มป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต 93% และฉีด 4 เข็มป้องกันติดเชื้อ 76% ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต 96% จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องเร่งรัดเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะช่วงต่อไปที่จะเปิดประเทศและเปิดกิจกรรมให้ทำมากขึ้น ซึ่งมีเป้าหมายฉีดเข็มกระตุ้นให้ได้ 60% โดยขณะนี้ฉีดเข็มกระตุ้นเพียง 41%

ทั้งนี้ มี 20 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นถึง 60% แล้ว ได้แก่ ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ กทม. พระนครศรีอยุธยา น่าน สระบุรี ลำพูน ระยอง นครนายก ฉะเชิงเทรา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ยโสธร สมุทรสงคราม ชลบุรี ลพบุรี มหาสารคาม และนครปฐม ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดใหญ่ๆ และพื้นที่ภาคกลาง ปัญหาสำคัญคือประชาชนเริ่มไม่มารับวัคซีน เนื่องจาก 1.กลัวผลข้างเคียง ซึ่งย้ำว่าผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย และมีประโยชน์ต่อการป้องกันติดเชื้อและอาการรุนแรง 2.คิดว่าฉีด 2 เข็มเพียงพอ แต่การจะให้ปลอดภัยกับทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุถือว่ายังไม่พอ 3.สายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรง ไม่ต้องรับวัคซีน ซึ่งจริงเพียงบางส่วน คือ โอมิครอนไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ยังทำให้กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตได้ 4.กังวลผลระยะยาวของวัคซีน mRNA คิดว่าคงไม่มีผลมากนักหากกังวลก็มีวัคซีนอื่นให้เลือก และ 5.ผู้สูงอายุมารับวัคซีนลำบาก เราจึงพยายามกระจายไปถึงใกล้บ้านมากที่สุดในระดับ รพ.สต.

“หลายคนยังไม่แน่ใจเรื่องเข็มกระตุ้น ย้ำว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้นทุกชนิดทุกสูตรที่มี ขณะที่การฉีดเข็มกระตุ้นมีความสำคัญช่วยป้องกันอาการรุนแรง การเสียชีวิต และช่วยการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย อีโอซีกระทรวงสาธารณสุขจึงเห็นชอบแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยกลยุทธ์ที่จะทำให้ประชาชนรับวัคซีนมากขึ้น คือ ให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนตนเอง ดูว่ายังขาดเข็มกระตุ้นเท่าไร ต้องฉีดเท่าไร โดยวิเคราะห์เป็นรายอำเภอ ซึ่งขณะนี้พบว่าส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ครบจะอยู่ในอำเภอเมือง ส่วนอำเภอห่างไกลหรือชนบทยังฉีดค่อนข้างน้อย บางอำเภอฉีดเข็ม 3 ไม่ถึง 10% ซึ่งหลายจังหวัดเริ่มรณรงค์แล้ว หวังว่าจะร่วมแรงร่วมใจกันจะได้เปิดกิจการต่างๆ ได้มั่นใจและปลอดภัย”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ศุภลักษณ์’ แนะรัฐบาลเพิ่มวีซ่าฟรี ให้อินเดีย หนุนขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง

‘ศุภลักษณ์’ หนุนรัฐบาลเพิ่มวีซ่าฟรี ให้อินเดีย และหนุนสร้างขยายเวลาปิดสถานบันเทิง ดึงนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้น พร้อมจับมือแบงก์กรุงเทพ เปิดตัวบัตรร่วม Co Brand "บัตรเครดิตและเดบิต Bangkok Bank M Visa"

‘หมอยง’ มีคำตอบ! โควิด-19 เริ่มเพิ่มสูง ควรฉีดวัคซีนหรือไม่

ผู้ที่ได้รับวัคซีนมานานแล้วเกินกว่า 3-6 เดือนขึ้นไป และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรให้วัคซีนประจำฤดูกาลปีละ 1 ครั้ง ในปีนี้สามารถเริ่มให้ได้เลยก่อนที่จะมีการระบาดของโรค

'นพ.ธีระ' ยกปาฐกถา 'หมอใหญ่ทำเนียบขาว' เตือนคนไทยโควิด19ยังไม่จบจริง!

'หมอธีระ' เผย WHO ได้สรุปผลเรื่องการฉีดวัคซีนบอกควรฉีดเข็มกระตุ้น 6-12 เดือนหลังรับเข็มสุดท้าย ยก 10 บทเรียนหมอใหญ่แห่งทำเนียบขาวเตือนคนไทย ชี้โควิด19 ยังไม่จบจริง

'นักไวรัสวิทยา' กระทุ้งถึงเวลาทบทวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวใหม่

'ดร.อนันต์'ชี้ไวรัสโควิดเปลี่ยนไวมาก โดยไปในทิศทางที่หนีภูมิจากวัคซีนเดิมไปเรื่อยๆ เผยอาจถึงเวลาต้องทบทวนการกระตุ้นด้วยวัคซีนตัวใหม่แบบจริงจังแล้ว

ศูนย์จีโนมเผยข่าวดี ฉีดวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอเข็ม 4 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันแบบผสม

ข่าวดี! งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมอนทรีออล แคนาดาแสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันแบบผสม (hybrid immunity) อันเกิดจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “เอ็มอาร์เอ็นเอ” เข็มที่ 4