ชาวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ร้องศาลปกครองเพิกถอน 'อีไอเอ' โครงการแสนล้าน 'ผันน้ำยวม'

ชาวบ้านเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ร้องศาลปกครองอีไอเอฉบับ “ร้านลาบ” โครงการยักษ์แสนล้าน “ผันแม่น้ำยวม” บกพร่อง กระบวนการรับฟังความเห็นไม่ชอบ รวบรวมรายชื่อฟ้องชลประทาน-กก.สิ่งแวดล้อม-สผ.-กฟผ.

3 ก.ย.2566 - นายวันไชย ศรีนวน ผู้ใหญ่บ้านแม่งูด ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) ใน จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ในนามเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน กำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง โดยผู้ถูกฟ้องคือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีคำขอให้เพิกถอนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่มีความบกพร่อง และขอให้เพิกถอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“ชาวบ้านได้หารือกันหลายรอบแล้ว และตัดสินใจว่าครั้งนี้เราจำเป็นต้องพึ่งศาลปกครอง เพราะเห็นมาตลอดหลายปีว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบนั้นทำหน้าที่บกพร่อง การจัดทำรายงานอีไอเอใช้ข้อมูลไม่ถูกต้องหลายประการ เช่น มีอาจารย์ขอมาพบชาวบ้านแค่เอาหน้ากากอนามัยมาให้ เอามะขามป้อมมาแจกชาวบ้าน แล้วเอาไปเขียนในรายงานว่ามาประชุม มีข้อมูลไม่ตรงตามความเป็นจริงมากมายจนชาวบ้านรับไม่ไหวแล้ว ชวนชาวบ้านไปกินอาหารร้านลาบก็เอาข้อมูลไปเขียนจนถูกเรียกว่าอีไอเอร้านลาบ การดำเนินโครงการนี้จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่ชาวบ้านและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม โครงการเขื่อนกั้นแม่น้ำยวม อุโมงค์ยักษ์ใต้ภูเขา และสายไฟฟ้าแรงสูง จะกระทบต่ออาชีพเกษตร ประมง ผืนป่า และหลายปีที่ผ่านมาโครงการนี้กดดันและกระทบต่อจิตใจของประชาชนเป็นอย่างมาก” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

น.ส.เฉลิมศรี ประเสริฐศรี ทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน และคณะทำงานด้านกฎหมายของเครือข่ายฯ กล่าวว่าหน่วยงานราชการมองผู้ได้รับผลกระทบน้อยเกินไป ข้อมูลโครงการไม่เพียงพอ แม้จะได้มีการร้องเรียนเรื่องการรับฟังความคิดเห็นแต่หน่วยงานก็เพิกเฉย เมื่อมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นก็เป็นไปไม่ครบถ้วนตามกระบวนการ เมื่อชาวบ้านขอสำเนารายงาน EIA จาก สผ. แต่ก็ต้องเสียเงินค่าคัดสำเนากว่าสองหมื่นบาท และได้ฉบับถมดำกลับมา ปกปิดชื่อและข้อมูลสำคัญๆ ทำให้ไม่ทราบว่าใครบ้างที่ทางการนับว่าได้รับผลกระทบจริงๆ นอกจากนี้ขั้นตอนการจัดทำรายงาน EIA ก็ยังมีโครงการสายส่งไฟฟ้าลำพูน-สบเมย ที่แยกออกมาเป็นโครงการของ กฟผ.ซึ่งก็ไม่ให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านเช่นกัน

“การฟ้องครั้งนี้เราคาดหวังว่ารัฐควรมีความจริงใจในการให้ข้อมูล ให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบในลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน” ทนายความกล่าว

นส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ภูมิภาค องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่าก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 เครือข่ายชาวบ้านได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ขอให้เพิกถอนโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวส่งน้ำยวม) ขอให้เพิกถอนรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และขอให้ยุติการดำเนินการทุกโครงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินโครงการศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (4Ps) โดยพบว่าค่าใช้จ่ายโครงการ งานดำเนินงาน บำรุงรักษา และค่าลงทุนจะสูงถึง 2.1 แสนล้านบาท เครือข่ายฯ เห็นว่าโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ ไม่มีความจำเป็น ไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับหลักการจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำ ไม่มีการศึกษาอย่างครอบคลุมรอบด้านในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ป่ารอยต่อ 3 จังหวัด คือแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีการเจาะอุโมงค์เพื่อส่งน้ำ การทำเขื่อนกั้นแม่น้ำ และสายส่งไฟฟ้าผ่านพื้นที่ป่าสงวน ป่าสมบูรณ์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างร้ายแรงในอนาคต และยังเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินที่จะไม่เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า

นส.เพียรพร กล่าวอีกว่าโครงการนี้ในอนาคตจะนำไปสู่การก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสาละวินซึ่งจะส่งผลกระทบข้ามพรมแดน และผลกระทบต่อแม่น้ำเมยและสาละวิน อันเป็นเขตพรมแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ ปัจจุบันสิทธิสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาลไทยเป็นสมาชิก แต่โครงการผันน้ำยวมจะก่อให้เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม กระทบต่อสิทธิมนุษยชนในการที่จะมีสิทธิในการจัดการตนเองตามวิถีวัฒนธรรมแห่งตน โครงการดังกล่าวจึงถือเป็นการละเมิดทั้งต่อสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและสงบและสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงด้วย

“รายงานอีไอเอโครงการผันน้ำยวม ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มีลุงป้อม (ประวิตร วงศ์สุวรรณ) เป็นประธานในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แม้จะมีการคัดค้านและตั้งคำถามถึงความถูกต้องของกระบวนการการจัดทำรายงานอีไอเอ ทั้งจากประชาชน วิชาการ และฝ่ายการเมือง ในเวลานี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) คือพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีนโยบายต่อโครงการระดับแสนล้านโครงการนี้อย่างไร จะมีการแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และผืนป่าของภาคเหนือได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มที่จะมีบริษัทจากจีนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐ” น.ส.เพียรพร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เผยเหตุไม่สงบประเทศเพื่อนบ้าน ทำยอดยึดยาบ้าพุ่ง 3 เท่า

พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ส่วนแยก 2 ได้แถลงผลการปฏิบัติงานของกองกำลังผาเมือง/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ส่วนแยก 2 ในห้วง 7 เดือน

‘ผู้ว่าฯเชียงใหม่’ ไม่ท้อแก้ฝุ่น PM 2.5 ล่าสุดสถิติเอาไม่อยู่ เกินเป้าที่กำหนดแล้ว

การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงต้องดำเนินการต่อไปและขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างเต็มที่

สั่งปิดป่าเชียงดาวตัดตอนลอบเผา

นายนิวัติ บุญมาวงศ์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าเชียงดาว เลขาฯศูนย์สั่งการฯ War room แก้ปัญหาไฟป่าพื้นที่บูรณาการฯ ขสป.เชียงดาว รายงานผลการปฏิบัติควบคุมไฟป่าบริเวณพื้นที่ดอยนาง

ผวาฮีตสโตรก! 'สาธารณสุขเชียงใหม่' เตือน ปชช. 25 อำเภอ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า อากาศในช่วงนี้อุณหภูมิสูงร้อนอบอ้าวจากอิทธิพลความกดอากาศต่อเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน

พายุฤดูร้อนถล่ม 4 จังหวัดภาคเหนือ บ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มเพียบ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรายงานจาก สอต.พะเยา สอต.เชียงใหม่ สอต.แพร่ และ สอต.เชียงราย เกี่ยวกับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน วาตภัย เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 ในพื้นที่ ดังนี้

วธ.เปิดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง ชวนสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาฉลองมรดกโลก

15 เม.ย.2567 - สงกรานต์เชียงใหม่คึกคัก กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่