ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ต่อเนื่องมาต้นสัปดาห์นี้ ความเคลื่อนไหวของบรรดา พรรคเล็ก และ พรรคปัดเศษ ที่มี ส.ส.เพียงคนเดียว ถูกจับตามองอย่างมาก
โดยเฉพาะการที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และแกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย นัดรับประทานอาหารกลางวันกับบรรดาพรรคเล็ก ที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจะส่งสัญญาณไปถึงผู้มีอำนาจว่า คนเหล่านี้อยู่ในการปกครองของตนเอง
ขณะที่ในช่วงวันหยุดปรากฏว่า ‘เสี่ยเฮ้ง’ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ต่อสายถึงบรรดาพรรคเล็กให้มาร่วมรับประทานอาหารกับ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในวันที่ 17 มีนาคม ที่สโมสรราชพฤกษ์ สถานที่เดียวกับที่ ‘บิ๊กตู่’ โซ้ยเซตอาหารจีนกับ 4 แกนนำพรรคใหญ่
แต่พอเช้าวันจันทร์ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กลับต่อสายหาบรรดาพรรคเล็ก เพื่อแจ้งยกเลิกงานเลี้ยงในวันที่ 17 มีนาคม ที่ ‘บิ๊กตู่’ เป็นเจ้าภาพ พร้อมกับเชิญให้มารับประทานอาหารในเย็นวันเดียวกันกับตนเองแทน
เรื่องที่เกิดขึ้น คนภายนอกดูราวกับการเปิดศึกชักเย่อพรรคเล็กกัน
ความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคเล็กเหล่านี้จะไม่ดูน่าสนใจเลย หากไม่มีตัวละครอย่าง ‘ธรรมนัส’ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ลำพัง ‘ธรรมนัส’ กับ ส.ส.รวม 18 เสียง หรือ 16 เสียงที่ใช้ได้จริงของพรรคเศรษฐกิจไทย ทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ รัฐบาลยังออกอาการเสียวสันหลัง แต่หาก ‘ธรรมนัส’ สามารถดึงพรรคเล็กออกจากอาณัติรัฐบาลได้ จะทำให้เสียงของรัฐบาลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นไปอีก
แม้เสียงของรัฐบาลจะมากกว่า แต่จะเป็นภาวะที่ปริ่มมากๆ
สำหรับพรรคเล็กที่มี ส.ส.เพียง 1 คน ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 12 พรรค แต่ปัจจุบันเหลือ 9 พรรค เพราะมีการยุบตัวเองไปรวมกับพรรคใหญ่จำนวน 3 พรรค ได้แก่ พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชานิยม ที่ย้ายมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
โดยหนึ่งในคนที่ยุบพรรคมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันได้ถูกขับออกไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทยแล้ว 1 คนคือ พล.ต.ต.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
สำหรับ 9 พรรคที่เหลือ ได้แก่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคเพื่อชาติไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคไทรักธรรม พรรคไทยศรีวิไลย์
จำแนก 9 พรรค ที่มีความสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส มากกว่าพรรคอื่น คือ พรรคประชาธิปไตยใหม่ ของ นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า ‘จุ๊บจิ๊บ’ น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยา ร.อ.ธรรมนัสจะเข้าไปเป็นเลขาธิการพรรค
พรรคไทรักธรรมของ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ที่ตั้งแต่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอาผิดคดีอาญาข้อหาเสนอว่าจะให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทรักธรรม ก็มาใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส
อีกคนคือ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ที่สนิทกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่ปัจจุบันอยู่ภายใต้ชายคาพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องทำตามมติพรรคพลังประชารัฐเป็นหลัก แหกคอกไม่ได้
ส่วน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ แยกตัวออกไปนานแล้ว จึงไม่ถูกนับเป็นฝั่งรัฐบาล
เมื่อคัด 3 เสียงคือ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคไทรักธรรมที่ ร.อ.ธรรมนัส สั่งการได้ และนายมงคลกิตติ์ออก ก็ยังเหลือพรรคเล็กอีก 6 พรรคที่ยังสนับสนุนรัฐบาล ได้แก่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลเมืองไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคเพื่อชาติไทย และพรรคพลังชาติไทย
แม้ใน 6 พรรคนี้จะมีบางคนไปร่วมรับประทานอาหารกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่เมื่อถึงเวลาก็จะยกมือให้กับฝ่ายรัฐบาล
ในขณะที่พรรคเกิน 1 เสียงฝั่งรัฐบาลนั้น พรรคพลังท้องถิ่นไทของ นายชัชวาลล์ คงอุดม ชัดเจนว่าอยู่กับรัฐบาล ขณะที่พรรครักษ์ผืนป่าของ นายดำรง พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 เสียง ไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวที่ไม่ชัดเจนของพรรคเล็กบางพรรคในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความขัดแย้งระหว่าง ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘ธรรมนัส’ ที่เปิดช่องให้พรรคเหล่านี้สร้างราคาตัวเอง
จะเรียกว่า เป็นพรรคที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากความขัดแย้งก็ไม่ผิด เพราะยิ่งเสียงของรัฐบาลสุ่มเสี่ยงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นเท่านั้น
พรรคเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องแสดงความชัดเจน เพราะการเป็น ‘เด็กดี’ ไม่ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ต่างกับการทำตัวเป็น ‘เด็กดื้อ’
ยิ่งในการประชุมสภาวาระสำคัญ ‘ค่าหัว’ คนเหล่านี้ยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤษภาคม
และการไปใกล้ชิดกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่เป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้พวกเขาดูสำคัญ จนอีกฝ่ายต้องการชักเย่อกลับไป
เช่นกันกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่อาศัยความใกล้ชิดกับพรรคเล็กบางพรรค นำช่องว่างที่รัฐบาลไม่เหลียวแล มาปั่นประสาท ‘บิ๊กตู่’
ต่างคนต่างหวังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ของอีกฝั่ง ประหนึ่ง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
การเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส ก็ดูมีพลัง ในขณะที่พรรคเล็กก็มีกลิ่นตัวที่หอมขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คณะก้าวหน้า-ธนาธรปักธง "สว.สีส้ม" แชร์เก้าอี้สภาสูง
การเมืองช่วงเดือนพฤษภาคม วาระสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ การได้มาซึ่ง วุฒิสภา-สภาสูง ชุดใหม่ ที่จะมาแทนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า สว.ชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่
เปิดเซฟ 'ลุงป้อม' เหลือนาฬิกาแค่ 1 เรือนแหวน 9 วง
ป.ป.ช.เปิดเซฟ “ลุงป้อม” โสด รวย 87 ล้านบาท นาฬิกา 1 เรือน แหวน 9 วง ขับจากัวร์-เบนซ์
'สมศักดิ์' บอกให้เกียรตินายกฯ ตัดสินใจเรื่องเก้าอี้!
'สมศักดิ์' ไม่หลุดปากมีชื่อนั่ง รมว.สาธารณสุข วอนให้เกียรตินายกฯเป็นคนตัดสินใจ ระบุ รมต.เก่าไม่ต้องกรอกประวัติใหม่ ไม่ขอตอบพร้อมไป สธ.หรือไม่ แต่นั่งมาแล้ว 2 ครั้ง เผย 'อนุชา' สบายดี แม้มีข่าวถูกปรับออก
กก.เฉพาะกิจ ยึด3หลักการ เมียนมาสู้รบ
นายกฯ เผยสถานการณ์เมียนมารุนแรง หวั่นส่งผลกระทบไทย
ยันโผ‘นิด2’นิ่งแล้ว แจงแม้วไม่ป่วยทิพย์
โผ ครม.นิ่งแล้ว! "เศรษฐา" ยันไม่มีแกว่ง บอกถึงเวลาเหมาะสมรู้เอง
ครม.เคาะแจกหมื่น เศรษฐาขนพรรคร่วมการันตี/บีบ4แบงก์ใหญ่ลดดอกเบี้ย
ดิจิทัลวอลเล็ตยังวนลูป “เศรษฐา” ขนแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมายืนแถลงรับหลักการแจกเงินหมื่น