ยุบสภา หรืออยู่ครบเทอม เกมได้เปรียบที่ 3 ป.กำหนด

ในฐานะผู้จัดตั้งรัฐบาลอย่าง "พี่ใหญ่ 3 ป. หรือ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกาศกับหัวหน้าพรรคเล็ก ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยกำหนดไทม์ไลน์ หลังการประชุมเอเปกในเดือน พ.ย.นี้ รัฐบาลสามารถยุบสภาเพื่อเลือกตั้งในช่วงปีใหม่ 2566 หรือกำหนดวันเลยไปกว่านั้นเล็กน้อย

คำพูดดังกล่าวถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สนับสนุนรัฐบาลว่า พี่น้อง 3 ป.จะกุมอำนาจไปถึงปลายปีอย่างไม่ต้องสงสัย และใครมาหยุดได้ 

ส่วนจะ “ยุบสภา” หรือ “อยู่ครบวาระ 4 ปี” ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจตัดสินใจ และพิจารณาความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม สำหรับการยุบสภา หรือรอให้รัฐบาลอยู่ครบเทอม แม้ปลายทางเป็นความสิ้นสุดของรัฐบาล และมีเป้าหมายไปสู่การเลือกตั้งใหม่เหมือนกัน 

แต่ในแง่ความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง “มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” โดยเฉพาะเงื่อนระยะเวลา ส.ส.จะต้องเข้าสังกัดพรรคการเมือง หรือผู้มีอำนาจจะเลือกขังคุก ไม่ให้ใครย้ายหนีออกพรรคในช่วงใกล้เลือกตั้ง  

เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 103 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ว่า หากยุบสภาต้องกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 45วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคใหม่ได้ในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน จึงจะลงสมัคร ส.ส.ได้ หากนายกฯ เลือกการยุบสภา พรรคการเมืองต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถ “ดูดนักการเมือง” หรือผู้ที่เป็น ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน หรือพรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล มาเข้าพรรคได้ง่าย และไม่จำเป็นจะต้องลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ก่อนยุบสภา 

เพราะมีเวลาเลือกตั้งมากถึง 60 วัน ส่วนเวลาสังกัดพรรคเพียง 30 วันเท่านั้น และที่สำคัญผู้ที่ย้ายออกมายังลดเวลาถูกโจมตีจากต้นสังกัดเก่า อาทิ หักหลัง ทรยศ เนรคุณ ไม่ให้บอบช้ำมากอีกด้วย 

ในทางกลับกันในช่วงนั้น หากสมมุติว่ากระแสและความนิยมของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลไม่ดี ผู้มีอำนาจและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอาจเลือกวิธีอยู่ครบเทอม เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องระบุว่า ในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระ 4 ปี การเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นภายใน 45 วัน และต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน   

ด้วยเงื่อนไข 90 วัน จึงทำให้ ส.ส.ย้ายพรรคได้ลำบาก หรือหากอยากไปจริงๆ ส.ส.จำต้องลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน ไปสังกัดพรรคใหม่ให้ทันเงื่อนไข ดังนั้นหากผู้มีอำนาจกระแสไม่ดี และ “ไม่อยากให้เลือดไหลออก” ก็สามารถเลือกใช้เกมนี้ได้ 

 อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นที่ฝ่ายค้านเชื่อว่านายกฯ จะยุบสภา ก่อนการเปิดสภาในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ในสายตาของ "บิ๊กป้อม" มองข้ามไปหมดแล้ว เพราะ “เสียงฝ่ายตรงข้ามไม่มีน้ำยา” มาทำอะไรได้ นอกจากมโนหรือคำโวเพียงอย่างเดียว 

ขณะที่ตัวแปรอย่างพรรคเล็ก และพรรคเศรษฐกิจไทย มี ส.ส. 30 คน ผู้จัดการรัฐบาลอย่าง "บิ๊กป้อม" ก็เคลียร์ปัญหา และรับปากจะดูแลเป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่าดูแลตั้งแต่ต้น มิใช่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นผู้แจกกล้วยแต่เพียงคนเดียว  

ดังนั้นเสียงในสภาจึงไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566   

 โดยมีไฮไลต์ที่ต้องจับตาในสภา คือการพิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ว่าสุดท้ายผู้มีอำนาจจะเลือกแบบไหน ระหว่างแบบคู่ขนาน เช่นปี 2554 หรือใช้อภินิหารทางกฎหมาย กลับไปใส่สูตรคำนวณแบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMP  

ตามกระแสข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากได้แบบ MMP อย่างเช่นการเลือกตั้งปี 2562 ที่แม้ พปชร.จะไม่ชนะเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ กระทั่ง “สถาปนาบิ๊กตู่เป็นนายกฯ สมัยที่ 2” จากการเลือกตั้งได้สำเร็จ 

จากนั้นเดือนสิงหาคม อาจมีลุ้นเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ แต่เชื่อว่าในฐานะที่พี่น้อง 3 ป.เป็นผู้ออกแบบ และร่วมสร้างรัฐธรรมนูญปี 60 มากับมือ คงไม่ปล่อยให้ "บิ๊กตู่" ตกม้าตายไปง่ายๆ และจะอยู่รอดไปถึงช่วงแต่งตั้งข้าราชการในช่วงเดือนกันยายน ทั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ทหาร และตำรวจ เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง 

ก่อนปิดท้ายอีเวนต์ใหญ่ของประเทศ คือเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก หาก "บิ๊กตู่" ทำสำเร็จ ก็จะได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และไม่น้อยหน้านายกฯ คนอื่นๆ อย่างเช่น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เคยเป็นเจ้าภาพเอเปก ในปี 2546 มาแล้วเช่นกัน     

ฉะนั้นความได้เปรียบทุกอย่างอยู่ในมือพี่น้อง 3 ป. หากปลายปีนี้กระแสดีก็อาจเลือกยุบสภา แต่หากยังขาลงอยู่เช่นนี้ อาจลากยาวจนครบวาระ พร้อมขังคุกไม่ให้ ส.ส.ย้ายหนี. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

7 เดือน ‘รัฐบาลเศรษฐา’ เผชิญแรงบีบรอบด้าน!

แม้จะยังไม่ผ่านโค้งแรกในการบริหารประเทศของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เริ่มต้นทำงานได้เพียง 7 เดือน แต่ก็เหมือนถูกบีบจากสถานการณ์รอบด้าน ที่เข้ามาท้าทายความสามารถของผู้นำประเทศ อีกทั้งยังมีภาพนายกฯ ทับซ้อนที่ทำให้นายกฯ นิดดูดร็อปลงไป

'ทักษิณ' เอฟเฟกต์! ส่อทำการเมืองไทยวนลูปเดิม

ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีประเด็นข่าวร้อนแรงมากมายแค่ไหน แต่มีบุคคลหนึ่งที่ถ้าอยู่ในหน้าข่าวเมื่อไหร่ มักจะสร้างประเด็นดรามาที่ต้องพูดถึงไม่หยุดกับพ่อใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร

สว.2567 เสี่ยงได้ วุฒิสภา สายพรรคการเมือง เชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เข้าสู่ช่วงเตรียมนับถอยหลังใกล้โบกมือลา สิ้นสุดการทำหน้าที่ของ สมาชิกวุฒิสภา ชุดปัจจุบันจำนวน 250 คน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

หาก ‘ไผ่’ วืด ‘เบนซ์’ เต็งหนึ่งรมต. เสียบแทน ‘โควตากลาง’ พปชร.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจว่าคุณสมบัติของ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ยังนั่งเป็นรัฐมนตรีได้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติไม่รับคำร้อง กรณีนายไผ่ขอร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ถูก 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ละเมิดจนไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ กรณีระบุว่า ขาดคุณสมบัติ

ครม.เศรษฐา 2 ทักษิณเคาะโผ ฉากทัศน์กองทัพยุค "บิ๊กนิด"

ชัดเจนแล้วว่า ครม.เศรษฐา 2 ที่จะเป็นการปรับ ครม.ครั้งแรกของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะเกิดขึ้นแน่นอน โดยคาดว่า อาจจะเกิดขึ้นภายในปลายเมษายนนี้ หรือช้าสุดไม่เกินกลางเดือน พ.ค. เว้นแต่มีสถานการณ์แทรกซ้อนทำให้การปรับ ครม.อาจขยับออกไปได้

ลดความเสี่ยง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ปรับ ครม.เค้นผลงานรัฐบาล

เรือธง ล้มไม่ได้ เพราะมีผลต่อเครดิตของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท